ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 259
หลิวซื่อยังคงมีความหวัง เพราะอาการของนางที่แสดงออกมาเหมือนคนถูกวางยาพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเข้ามาในห้องนี้ก็รู้สับสนราวกับว่ากำลังเสียสติ
ดังนั้นเมื่อเห็นเฉินเอ้อร์ที่เข้ามาทีหลัง นางก็เกิดอารมณ์ไปชั่วขณะ แล้วอดทนไม่ไหวในที่สุด
หมอก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจชีพจรของหลิวซื่อ เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง หมอหลี่ก็ส่ายหัว “ฮูหยินไม่มีร่องรอยของการถูกพิษเลย”
จื่ออันยกริมฝีปากขึ้น และผุดรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา พิษจากยาปลุกกำหนัดชนิดนี้ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างช้า ๆในขณะที่เลือดกำลังไหลเวียน เดิมทีผลของมันไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่อยู่แล้ว พอเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลานาน ก็ถูกร่างกายดูดซึมจนเกลี้ยงไปแล้ว จะตรวจหาจากชีพจรได้เช่นไรเล่า? เกรงว่าถึงแม้จะตรวจเลือดก็ไม่พบเบาะแสอะไรอยู่ดี
หลังจากฟังคำพูดของหมอแล้ว หลิวซื่อก็ตะโกนออกมา “เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้น และชี้ไปที่หยวนซื่ออย่างโกรธแค้น “เป็นเจ้าที่ใส่ความข้า”
หยวนซื่อที่ตอนนี้ตาบอด และนี้ก็ไม่รู้ว่าที่นางพูดหมายถึงอะไร แม่นมหยางก้าวไปข้างหน้าและพูดอย่างโกรธเคือง “เป็นนายหญิงของพวกเราอีกแล้วหรือ? เหตุใดไม่ว่าใครทำอะไรผิดก็เอาแต่โทษนายหญิง? ข้าอยู่กับนายหญิงตลอดเวลา อีกทั้งนางยังตาบอดทั้งสองข้าง จะไปใส่ความท่านได้เช่นไร?”
หลิวซื่อได้สติขึ้นมา นางก็ชี้ไปที่แม่นมหยางแทน และกล่าวอย่างประหลาดใจ “พอข้ามาถึง ก็เห็นเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าบอกว่าหยวนซื่อรอข้าอยู่ในห้องนี้ ให้ข้าเข้ามา เป็นพวกเจ้าที่ใส่ความข้า ทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วย?”
แม่นมหยางพูดอย่างเย็นชา “กล่าวหานายหญิงแล้ว ก็มากล่าวหาข้าที่เป็นนางข้าหลวงอีกงั้นรึ หากข้าไม่ยอมรับ ท่านคงจะกล่าวโทษฮองเฮาผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของข้าสินะ?”
“ไม่ถูกต้อง” จู่ ๆ ชุยไท่เฟยก็เงยหน้าขึ้นมองแม่นมหยาง “ท่านบอกว่าอยู่กับฮูหยินตลอดเวลา แล้วนังหนูนั่นทำไมถึงบอกว่านางก็อยู่กับฮูหยินตลอด ยังบอกอีกว่าฮูหยินกับเฉินเอ้อร์อยู่ด้วยกัน และให้นางกลับไปเอาเสื้อผ้ามา!”
”แม่นมหยางกล่าว “หม่อมฉันก็มิอาจทราบได้ วันนี้หม่อมฉันอยู่กับฮูหยินตลอดเวลา ตอนที่คุณหนูใหญ่จะออกไปก็ได้กำชับไว้ว่า ฮูหยินยังมองไม่เห็น ไม่ว่านางจะไปไหนต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่าไม่อนุญาตให้ฮูหยินไปยังบริเวณหน้าสวนดอกไม้ ดังนั้นหม่อมฉันจึงต้องคอยติดตามฮูหยินอย่างใกล้ชิดเพคะ”
หลังจากที่นางพูดจบ ก็เหลือบมองไปที่ชุ่ยยู่เบาเล็กน้อย “สำหรับชุ่ยยู่นั้น นางได้หายตัวไปตั้งแต่เช้า จึงคิดว่านางคงอยู่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าที่สวนมาโดยตลอดก็เลยไม่ได้ออกมา หม่อมฉันได้บอกกับคนรับใช้ตั้งหลายครั้งว่าให้นางออกมา”
คำพูดของแม่นมหยาง ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ล้วนชี้ไปที่คนผู้หนึ่ง คนที่มองเห็นความเป็นจริงล้วนรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เหล่าไท่จวินมองมหาเสนาบดีเซี่ยและฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความรังเกียจเป็นอย่างมาก ช่วงนี้ที่จวนมหาเสนาบดีนั้นช่าง ‘โดดเด่นเสียจริง’ นั่นก็เพราะจุดประสงค์ที่เห็นแก่ตัวและแผนการอันมากมาย ที่จวนมหาเสนาบดีไม่มีทายาทที่ปรีชาสามารถ หวังปีนป่ายขึ้นต้นไม้ใหญ่เช่นองค์รัชทายาท ไร้ยางอายสิ้นดี บีบบังคับให้เซี่ยจื่ออันอภิเษกแทน พอพ่ายแพ้ก็พาลโกรธเอาดื้อ ๆ เอะอะโวยวายเสียใหญ่โต
อันที่จริงว่ากันจนถึงแก่นแท้แล้ว ก็เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์และความมั่งคั่ง
ใช้ทุกอุบายเพื่อทำร้ายผู้อื่น สุดท้ายผลร้ายกลับย้อนมาหาตัวเอง
ถ้าเดาไม่ผิด คนที่ตอบโต้กลับคนนั้น ไม่รามือแค่นี้แน่ แต่บางทีคนนอกอาจจะมองไม่เห็นจุดนี้
เป็นอย่างที่คาดไว้ มีคนในฝูงชนพูดขึ้นว่า “หือ? นี่ใช่ท่านหมอหลี่จากเปาหยวนถังใช่หรือไม่? เมื่อครู่นี้ภรรยาของเฉินเอ้อร์บอกว่าหมอหลี่ได้วินิจฉัยอาการให้เฉินหลิงหลงแล้ว หากท่านมหาเสนาบดีต้องการตรวจสอบให้กระจ่าง ถามท่านหมอหลี่ดูก็จะรู้”
ฮูหยินหลิงหลงทรุดลงไปนั่งบนพื้น สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก
เมื่อมหาเสนาบดีเซี่ยเห็นท่าทางนางเป็นเช่นนั้น ในใจจึงรู้ซึ้งดี เขากำมือแน่น และเส้นเลือดก็ปูดขึ้นที่คอเหมือนไส้เดือนดำที่แทบจะระเบิดออกมา
เวลานี้เองที่หยวนซื่อพูดออกมา “วันนี้รับรองแขกผู้เกียรติทุกท่านได้ไม่ดีนัก เด็ก ๆ ส่งแขกออกไปก่อน วันหลังข้าค่อยไปขอโทษถึงเรือน”
หยวนซื่อช่วยปิดบังเรื่องเสื่อมเสียของจวนมหาเสนาบดีได้อย่างสง่างาม แม้ว่ามันจะดูเปิดเผย แต่ก็ดีกว่าการถูกคนจำนวนมากที่จ้องมอง และดูออกถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามหาเสนาบดีเซี่ยกำลังเลี้ยงลูกคนอื่น
เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนซื่อ แม้ว่าแขกจะไม่อยากกลับ แต่ก็ต้องจำใจจากไป
เฉินไท่จวินกล่าวกับจื่ออัน “เจ้าไปส่งข้าด้วย เพราะข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
จื่ออันรู้ว่านางต้องการจะต่อว่า แต่ว่าเรื่องนี้ก็สมควรอยู่หรอก นางย่อตัวคำนับเล็กน้อยและกล่าว “เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปส่งท่านเอง”