ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 270
หลิวหลิ่วดึงตัวจ้วงจ้วงมา “องค์หญิง ท่านอย่าพูดเลย นี่เป็นวิธีที่ดีจริง ๆ ถ้าในตอนนั้นท่านส่งพี่เซียวเซียวเข้านอนเร็วหน่อย ตอนนี้ท่านก็คงเป็นฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ไปแล้ว ให้สาวใช้ของท่านแต่กับพี่เซียวเซียวไปได้เช่นไร? ถึงแม้ท่านจะมาเสียใจในตอนนี้มันก็สายไปแล้ว”
จื่ออันเริ่มสับสนมากขึ้นเมื่อนางฟัง พี่เซียวเซียวผู้นี้คือ พี่ชายของเซียวท่า และก็เป็นคนรักขององค์หญิงด้วยเช่นนั้นหรือ?
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของจ้วงจ้วงดูไม่ค่อยจะดีนัก นางจึงพูดออกมา “พอเถอะหลิวหลิ่ว อย่าพูดถึงมันอีกเลย พวกเราจะไปที่จวนอ๋องเจ้าจะไปด้วยก็ได้ แต่ว่าเจ้าต้องเชื่อฟังข้า”
“ฟังสิ ท่านย่าบอกให้ข้าเชื่อฟังเจ้า”
“อีกอย่างหนึ่ง เจ้าต้องจำไว้ให้ดีว่าจะพูดถึงเรื่องนี้กับใครไม่ได้ ข้ารับปากย่าของเจ้าไว้ว่าจะทำให้เจ้ากับเซียวท่าได้ครองคู่กัน มิเช่นนั้นจะยิ่งไปกระตุ้นให้เซียวท่าต่อต้านอีก”
หลิวหลิ่วตบที่อกของตนเอง “ไม่พูด ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ท่านย่าได้พูดกับคนในกองทัพบ้างเล็กน้อย ยังมีอีก พี่ชายทั้งสิบสองคนของข้าก็รู้แล้วเช่นกัน”
ปากของจ้วงจ้วงยังคงกระตุก “จื่ออัน สำหรับหลิวหลิ่วนั้น ไม่ว่าเรื่องอันใดเจ้าก็ต้องปิดบังนาง ตระกูลเฉินของนางเป็นตระกูลใหญ่ มากคนก็มากความ”
เรื่องระหว่างนางกับเซียวเซียว ข่าวก็แพร่ออกมาจากตระกูลเฉิน
และที่สำคัญนางก็ไม่ได้โกรธ เพราะดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าข่าวที่พวกเขาแพร่ออกไปมันมีข้อผิดพลาด
เมื่อมาถึงจวนอ๋อง เฉินหลิวหลิ่วก็พูดกับจื่ออันและจ้วงจ้วงก่อนว่า “ถ้าเจอเซียวท่า พวกท่านอย่าบอกว่าข้าคือ เฉินหลิวหลิ่วโดยเด็ดขาดนะ
“เช่นนั้นจะบอกว่าเจ้าคือใคร?” จ้วงจ้วงกล่าวถามอย่าอารมณ์เสีย
“แค่บอกว่าข้าชื่อเฉินฉือซาน เป็นสหายสนิทของพวกเจ้า พามาที่จวนอ๋องนี้เพื่อเปิดหูเปิดตา”
“เจ้าไม่เคยเห็นเซียวท่าหรือ?” จ้วงจ้วงกล่าวถาม
“เคยเห็นอยู่ แต่เขาไม่เห็นข้า ตลอดมาข้าไม่ได้ทำตัวให้เป็นจุดสนใจ” หลิวหลิ่วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและยื่นมืออกจัดผมให้เป็นระเบียบ ดวงตาที่โตเป็นกายช่างดูงดงามเสียจริง
หลังจากที่ลงจากรถแล้ว หลิวหลิวก็เตือนอีกครั้ง “ไม่ว่าอย่างก็ห้ามบอกว่าข้าคือเฉินหลิวหลิ่วโดยเด็ดขาดนะ มิเช่นนั้นความประทับใจแรกของเขาที่มีต่อข้าจะกลายเป็นความรู้สึกแย่ ๆ เพราะเขาไม่ชอบเฉินหลิวหลิ่ว”
“ได้ ไม่ต้องพูดมากแล้ว พวกเราไม่บอกเขาหรอกน่า” จ้วงจ้วงดึงนางมาไว้ด้านหลัง “เดินตามหลังข้ามา”
จื่ออันอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างหลิวหลิ่วกับจ้วงจ้วง
คิดไม่ถึงว่าในสมัยโบราณที่แบ่งชนชั้นอย่างเคร่งครัดเช่นนี้ จะมีหญิงสาวที่น่าสนใจและน่ารักถึงเพียงนี้ หากนางถูกขังไว้ในจวนมหาเสนาบดีตลอด คงจะคิดว่าสมัยโบราณคงมีแต่การต่อสู้และอุบายต่าง ๆ เท่านั้น
มู่หรงเจี๋ยและคนอื่น ๆ กำลังนั่งอยู่ตรงศาลาในสวนดอกไม้ พอได้ยินว่าองค์หญิงและจื่ออันกำลังมา อ๋องเหลียงก็ยิ้มอย่างน่าไม่อาย “พวกเจ้าดูสิ ผู้หญิงของข้า ตามมาหาข้าอีกแล้ว”
“เจ้าไปไกล ๆ เลย ใครคือผู้หญิงของเจ้ากัน?” มู่หรงเจี๋ยมองเขาอย่างดุดัน
“พูดผิดไป ต้องบอกว่าท่านหมอของข้า” อ๋องเหลียงยิ้มพลางมองไปที่มู่หรงเจี๋ย “วางใจเถิด ข้าไม่แย่งกับท่านหรอก นางไม่ใช่แบบที่ข้าชอบ”
ซูชิงพูดอย่างเฉยเมย “อ๋องเหลียง แบบที่ท่านชอบคือเซี่ยหว่านเอ๋อใช่หรือไม่? แต่ท้ายที่สุด เซี่ยหว่านเอ๋อนางก็ไม่ได้ชอบท่าน”
“ไสหัวไปซะ เจ้าก็ยังไม่ได้แต่งงาน ยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ?”
“ข้าไม่ได้ต้องการแต่งงานอยู่แล้ว ในเมืองมีใครไม่รู้ถึงชื่อเสียงคุณชายซูชิงอย่างข้าบ้าง?” เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
มู่หรงเจี๋ยไม่ได้พูดอะไร เขาดื่มเหล้าชามนึงที่อยู่ในมือ จากนั้นก็รินเพื่มอีกสองสามชามติดต่อกัน เมื่อดื่มจนหมดก็สั่งหนี่หรง “เทเหล้าที่มีอยู่ออกให้หมด แล้วแทนที่ด้วยชา!”
เซียวท่าปกป้องเหล้าของเขา “ไม่นะ ข้ายังดื่มไม่หมดเลย”
“เทออก เทออกไป ดื่มเหล้าอะไรในตอนกลางวันแสก ๆ? ชีวิตที่มึนเมา!” มู่หรงเจี๋ยส่งไหเหล้าให้หนี่หรงโดยไม่ฟังคำคัดค้านของใคร
“ก็ท่านแนะนำให้ข้าดื่ม ข้าเพิ่งจะดื่มไปเพียงอึกเดียวเท่านั้น” เซียวท่ากังวลมาก และอยากจะเข้าไปแย่งชิงไหเหล้าจากหนี่หรง แต่หนี่หรงก็หันหลังและเดินจากไปอย่างสง่างาม
เมื่อเหล้าพวกนี้ถูกเปลี่ยนเป็นชาแล้ว พวกของจื่ออันก็มาถึงพอดี