ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 280
เซี่ยหว่านเอ๋อผงกศีรษะรับ รีบเอ่ยตอบกลับอย่างยินดี “หลานสาวทราบแล้วเจ้าค่ะ”
“มีภูมิหลังเป็นจวนมหาเสนาบดี และมีสถานะของจินกั๋วกงของฝั่งมารดา หวงโฮ่วก็จะเห็นคุณค่าของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ต่อให้องค์รัชทายาทจะรังเกียจรูปลักษณ์ของเจ้า หวงโฮ่วก็จะไม่ล้มเลิกงานแต่งของพวกเจ้า ตำแหน่งพระชายาขององค์รัชทายาทของเจ้านี้ ก็จะมั่นคงดั่งเขาไท่ซาน”
เซี่ยหว่านเอ๋อลูบไล้แก้มตน เอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “แต่ว่า หลานสาวมิอยากให้องค์รัชทายาทรังเกียจข้า อีกทั้งในตำหนักบูรพาจะต้องมีพระชายารอง พระสนมขั้นสี่ และสนมองค์อื่น ๆ หลานสาวรูปลักษณ์เป็นเยี่ยงนี้ จะไปต่อสู้กับพวกนางได้อย่างไร? ท่านย่ามีวิธีการอะไรบ้างหรือไม่เจ้าคะ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่าดึงมือนาง ตบหลังมือของนางเบา ๆ “เด็กโง่ รอเจ้าแต่งเข้าไปเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทแล้ว อำนาจอยู่ในมือแล้ว หญิงนางใดจะเทียบเจ้าได้? หากมีใครอยากเสนอหน้า เจ้าก็ให้บทเรียนนางสักหน่อย ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าแล้ว เจ้าจะกลัวอันใดกัน?”
เซี่ยหว่านเอ๋อผงกศีรษะ “ท่านย่าพูดมีเหตุผล ขอเพียงข้าเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทแล้ว ใครอยากจะเสนอหน้าก็มิง่ายนัก”
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองนางนิ่ง “เพียงแต่หลังจากที่ซีเหมินเสี่ยวเย่วแต่งเข้ามาแล้วนั้น แม่ของเจ้าจะกระทำเรื่องอะไรออกมาหรือไม่ เจ้าต้องคอยดูนางไว้อย่างเข้มงวด หรือจะไปเอ่ยเตือนนางด้วยตนเองสักคำ หากยังอยากจะมีวันดี ๆ ทางที่ดีอย่าก่อเรื่องขึ้น”
เซี่ยหว่านเอ๋อชั่วขณะนั้นก็ลุกขึ้นยืน “ท่านย่าวางใจได้ หลานสาวจะไปพูดกับท่านแม่ให้เข้าใจเดี๋ยวนี้ หากนางไม่ทำตาม จวนมหาเสนาบดีนี้ก็ไม่มีที่ยืนสำหรับนางแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าใบหน้าค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้ม ดวงตาค่อย ๆ หรี่เล็กลง “ดี ย่าเองแก่แล้ว ไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้าวางแผนได้อีกนานเท่าไหร่ มีซีเหมินเสี่ยวเย่วคอยช่วยเหลือเจ้า หวังว่าจะสามารถช่วยเจ้าไปจนถึงตำแหน่งฮองเฮา เพื่อเป็นการรักษาเกียรติของตระกูลเซี่ยของพวกเรา!”
คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า เซี่ยหว่านเอ๋อฟังจนเลือดในกายเดือดพล่าน นางคุกเข่าลงโขกศีรษะไปหนึ่งครั้ง “ท่านย่า ท่านย่าความช่วยเหลือของท่านวันนี้ หลานสาวจะไม่มีวันลืม หากหลานสาวได้ขึ้นไปถึงตำแหน่งฮองเฮา หลานสาวและจวนมหาเสนาบดี หนึ่งโรจน์ล้วนโรจน์”
ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการเพียงประโยคนี้ หนึ่งโรจน์ล้วนโรจน์ หนึ่งร่วงล้วนร่วง เซี่ยหว่านเอ๋อเองนางก็มิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของจวนมหาเสนาบดี
เซี่ยหว่านเอ๋อออกไปจากเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว จึงนำคนไปยังห้องรับรองในสวนดอกไม้ด้านหลัง
ฮูหยินหลิงหลงในอดีตที่ผ่านมานั้น ตอนนี้ใบหน้าอ่อนล้านั่งอยู่ในเรือน ยังคงแต่งกายอย่างหรูหรา ใบหน้าแต่งไว้อย่างปราณีต ริมฝีปากยังคงเป็นสีแดงสด ดูสดใดจนเลือดในกายวิ่งพล่าน
ชุ่ยยู่ยืนอยู่ด้านหลังนางเพื่อนวดหลัง ใบหน้าของชุ่ยยู่นั้นมีร่องรอยแดงของฝ่ามือประทับอยู่ ทำให้รู้ว่าทุกวันนี้ไม่ได้ถูกตีน้อยลง
เมื่อพบว่าเซี่ยหว่านเอ๋อมาถึงนั้น ฮูหยินหลิงหลงหนังตากระตุกเล็กน้อย “โถ นี่ไม่ใช่คุณหนูรองของจวนมหาเสนาบดีเรารึ? ที่สวนดอกไม้ด้านหลังนี้งูพิษเยอะแยะ เจ้ามาที่นี่น้อยลงจะดีกว่า”
เซี่ยหว่านเอ๋อมองมายังนาง ใบหน้าดูน่าขยะแขยงเป็นอย่างมาก แต่อดทนต่อความไม่พอใจเอาไว้ หวังว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมนางได้ หากเกลี้ยกล่อมมิได้ค่อยคิดตัดสินใจอีกครั้ง “ท่านแม่พักที่นี่คุ้นเคยแล้วหรือยังเจ้าค่ะ?”
ฮูหยินชะงักไปครู่หนึ่ง “คุ้นเคย มีอะไรไม่คุ้นเคยกัน? สวนดอกไม้ด้านหลังนี้ทิวทัศน์งดงาม ด้านหน้าเป็นทะลสาบ ด้านหลังเป็นป่าไผ่ ในลานบ้านเองก็มีดอกไม้ใบหญ้า แล้วยังมีคนคอยดูแลรับใช้เป็นพิเศษ กินดื่มมีใช้มิเคยขาด ทำไมจะไม่ดี?”
เซี่ยหว่านเอ๋อก้มลงกุมมือของนางเอาไว้ “ท่านแม่ ข้าเหลือเพียงที่พึ่งสุดท้ายแล้ว ท่านพ่อโมโหครั้งนี้ หากข้าช่วยท่านแล้ว เกรงว่าแม้แต่บุตรสาวเองก็คงไม่มีวันที่ดีนัก ต่อไปจะให้ท่านแม่มีวันดี ๆ ได้อย่างไร?”
ฮูหยินหลิงหลงเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่งเมื่อมองมายังนาง สีหน้าของนางในวันนั้น นางยังจำได้ไม่ลืม “ใช่หรือ? เป็นเจ้าเองก็รังเกียจแม่อย่างข้ากระมั้ง?”
“บุญคุณที่เลี้ยงดูยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดนัก ท่านแม่พูดเยี่ยงนี้ ลูกสาวมิต้องละอายใจจนตายหรือ?” เซี่ยหว่านเอ๋อเอ่ย
ฮูหยินหลิงหลงมองมายังนาง พบใบหน้าเศร้าสร้อย ราวกับมีความทุกข์ขมขื่นอยู่ ที่นางพูดก็มีเหตุผล ตอนนี้เซี่ยหวายจุนเกลียดตนแล้ว หากหว่านเอ๋อช่วยเหลือตนอีก เกรงว่าทั้งแม่ลูกคงจะโดนผลักไสไล่ส่ง
“เจ้าพูดจริงหรือที่ว่าไม่ได้ลืมแม่?” นางเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าไม่ลืมเจ้าค่ะ ท่านแม่และหลินหลินต่างก็เป็นญาติใกล้ชิดของหว่านเอ๋อ” เซี่ยหว่านเอ๋อนำศีรษะแนบไปกับเข่าของฮูหยินหลิงหลง “มีเพียงแค่พวกท่านสองคนเท่านั้นที่เป็นคนใกล้ชิดมากที่สุด”