ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 305
ทุกท่านที่นั่งอยู่ในวันนี้ ต่างเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่ง นอกจากผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยซื่อแล้ว ต่างก็เป็นแขกผู้มีเกียรติทั้งนั้น
นอกจากผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิและองค์รัชทายาทแล้ว ยังมีท่านเสนาบดีสำนักราชเลขานุการราชครูเหลียง เสนาบดีสำนักตรวจราชการใต้เท้าชุย เฉินไท่จวิน จิงกั๋วกงเซียวกงและฮูหยินผู้เฒ่าเซียว คู่สามีภรรยาฮวยเป่ยโหว องค์หญิงใหญ่มู่หรงจ้วงจ้วง เมื่อชื่อของทุกท่านถูกเอ่ยออกมาแล้วนั้น ล้วนดูโดดเด่นยิ่งนัก
เซี่ยหว่านเอ๋อตกอยู่ภายใต้สายตาของทุกคนตอนที่เข้ามา ซีเหนียงเอ่ยยิ้ม “คุณหนูรองเชิญคำนับน้ำชาให้กับฮูหยิน”
“คุกเข่า!” ซีเหนียงเอ่ย
เซี่ยหว่านเอ๋อจึงคุกเข่าลงต่อหน้าของซีเหมินเสี่ยวเย่ว ซีเหนียงประคองถ้วยน้ำชาเข้ามา “คุณหนูรองเชิญคำนับท่านแม่”
เซี่ยหว่านเอ๋อผงกศีรษะแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมา รับถ้วยชามาจากซีเหนียงแล้วจึงมอบให้ซีเหมินเสี่ยวเย่ว เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่เชิญดื่มชา”
ซีเหมินเสี่ยวเย่วเผยยิ้มรับน้ำชา ดื่มลงไปเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงวางลง ซีเหนียงส่งอั่งเปาให้แก่นาง ซีเหมินเสี่ยวเย่วรับมาส่งให้แก่เซี่ยหว่านเอ๋อพลางเอ่ย “ลุกขึ้นเถอะ”
เซี่ยหว่านเอ๋อรับอั่งเปามา “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ!”
ซีเหนียงเอ่ยยิ้ม “ดื่มชาถ้วยนี้แล้ว ต่อไปก็ต้องกตัญญูต่อบิดามารดา คุณหนูรองเชิญไปยืนอยู่ด้านหลังของฮูหยิน”
เซี่ยหว่านเอ๋อลุกขึ้น เดินไปยังด้านหลังของซีเหมินเสี่ยวเย่ว ใบหน้ากระจ่างใสอิ่มเอม
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ซีเหมินเสี่ยวเย่วก็จะเป็นมารดาของนาง ส่วนมารดาผู้ให้กำเนิดของนางเฉินหลิงหลงนั้น จะค่อย ๆ เลือนหายออกไปจากภาพจำของทุกคน
เพียงแค่นางและซีเหมินเสี่ยวเย่วร่วมงานต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดจำได้ว่าเฉินหลิงหลงเป็นใคร
สำหรับความร่วมมือของเซี่ยหว่านเอ๋อนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าและมหาเสนาบดีเซี่ยค่อนข้างจะพอใจ
ตอนนี้พวกเขากังวลนั้นเป็นเซี่ยจื่ออันมากกว่า
แต่ว่าแขกมากมายที่อยู่ในงานนั้น นางคงจะไม่อาจที่จะไม่คำนับน้ำชาได้ เพราะว่าขนาดเซี่ยหว่านเอ๋อซึ่งเป็นว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทก็ได้คารวะน้ำชาพร้อมร้องเรียกท่านแม่แล้ว นางซึ่งเป็นบุตรสาวเป็นถึงบุตรสาวคนโตคงมิอาจทำผิดไปจากนี้ได้
หากไม่ยินยอมคำนับน้ำชาแล้ว ผู้ที่เสียมารยาทก็จะมีเพียงนาง
เซี่ยจื่ออันที่หายไปจากสายตาผู้คนระยะหนึ่งนั้นก็โผล่เข้ามาภายใต้สายตาของผู้คน นางโผล่เข้ามาอย่างรวดเร็ว เอ่ยคำพูดออกมา “ขออภัยด้วย ขออภัยด้วย ให้ทุกท่านรอนานแล้ว”
หลังจากที่นางเข้ามาแล้วนั้น มิได้รอให้ซีเหนียงได้เอ่ยปาก ได้หยิบเอาอั่งเปาซองนึงออกมาจากแขนเสื้อส่งให้แก่ซีเหมินเสี่ยวเย่ว จากนั้นจึงได้รับถ้วยชามาจากซีเหนียง ดื่มเข้าไปคำนึง เอ่ยยิ้ม “ต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน อี๋เหนียงมิต้องคำนับน้ำชาให้ข้า ข้าดื่มแล้วเป็นพอ”
ดื่มชาแล้ว นางนำถ้วยชาวางกลับลงไปที่ถาดในมือของซีเหนียง พบว่าหน้าของทุกคนดูตะลึงงัน ส่วนใบหน้าของซีเหมินเสี่ยวเย่วนั้นดูมืดมน จึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ทำไมหรือ?”
ซีเหนียงรีบร้อนเอ่ย “คุณหนูใหญ่จะต้องคำนับน้ำชาให้แก่ฮูหยิน”
จื่ออัน ‘อ่า’ ออกมาเสียงหนึ่ง ราวกับว่าตกใจ “จริงรึ? ความหมายของซีหนียง คือข้าควรจะคำนับน้ำชาให้แก่อี๋เหนียงใช่หรือไม่?”
ฮูหยินผู้เฒ่าใบหน้าไม่สบอารมณ์ “อี๋เหนียงอะไรกัน? เรียกท่านแม่”
“แต่ข้าเองมีท่านแม่อยู่แล้ว งั้นท่านนี้คงจะต้องเป็นแม่เล็ก?” จื่ออันพูดไม่ผิด ใบหน้าบูดบึ้งมองไปยังซีเหนียง “ซีเหนียงท่านเข้าใจธรรมเนียมดี ช่วยชี้แนะข้าด้วย ทำตามธรรมเนียมแล้ว ข้าควรไม่ควรที่จะคำนับอี๋เหนียง…ไม่ คารวะท่านแม่เล็ก?”
ซีเหนียงเป็นทางฝั่งจิ้นกั๋วกงเชิญมา แน่นอนว่าจะต้องทำตามซีเหมินเสี่ยวเย่วต้องการ จึงเอ่ย
“คุณหนูใหญ่ เพราะว่าฮูหยินใช้สถานะภรรยารองแต่งเข้ามายังจวนมหาเสนาบดี และวันนี้นางยังเป็นอี๋พิ่น คุณหนูใหญ่คำนับน้ำชา ทั้งเรียกอย่างแสดงความเคารพว่าท่านแม่ เป็นเรื่องสมควรแล้วเจ้าค่ะ”
จื่ออันรู้เท่าทันความคิดของนาง ใบหน้าแสดงออกถึงความเสียใจพร้อมเอ่ย “ขออภัยด้วย ข้าเข้าใจกฎหมายผิดไป นึกว่าภรรยารองก็คืออนุภรรยาเช่นกัน”
ฝูงชนตะลึงงัน คำพูดนี้เมื่อพูดออกมา มันเหมือนจะเป็นไปมิได้ เพราะว่า (ฮู้ลวี่แต่งงาน) ต่างก็มีกฎธรรมเนียม ภรรยารองก็คืออนุภรรยา หากจะใช้กฎหมายมาถกเถียง ควรจะเป็นซีเหมินเสี่ยวเย่วที่คำนับน้ำชาให้แก่นางคุณหนูใหญ่ เพราะว่าฮูหยินใหญ่มิได้อยู่ที่แห่งนี้ด้วย
ซีเหนียงใบหน้าเริ่มจะเปลี่ยนไป ครั้งนี้นางไม่มีปัญญาที่จะทำให้นางคุกเข่าลงคำนับน้ำชา ไม่งั้นแล้วก็จะเป็นการขัดต่อกฎหมาย
เรื่องนี้หากจะว่ากันตามกฎหมายจริง ๆ แล้วนั้น ทุกอย่างก็จะต้องทำตามกฎหมาย ซีเหมินเสี่ยวเย่วที่วางกฏเกณฑ์ไว้ทั้งหลายนั้น ก็จะต้องกลายเป็นโฆฆะ