เลือดที่พวกเขาเดินตามมานั่นค่อยๆเข้มขึ้นเรื่อยๆและกลิ่นนั้นก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน นี่ทำให้โนอาห์นึกถึงป้อมปราการป่าก็อบลิน ที่ซึ่งกลิ่นเลือดของก็อบลินมีกลิ่นเหม็นมากจนทำให้เขาสามารถดึงดูดก็อบลินมาที่นั่นได้มากขึ้น
“เป็นไปได้ว่ากลิ่นพวกนี้ทำให้เราสังเกตเห็นมันและตกลงไปในกับดักที่พวกมันจัดเตรียมไว้…” โนอาห์พูดออกมาดังๆทำให้คนอื่นๆสังเกตเห็นเรื่องนี้และระมัดระวังตัวยิ่งกว่าเดิม
ในบางครั้งมาร์เซลพยายามเกลี้ยมกล่อมให้โนอาห์กลับไปอยู่ด้านหลัง ในขณะที่เขากล่าวว่า
“นักเวทย์ที่มีพลังเวทย์รุนแรงมากที่สุดในทีมไม่ควรที่จะต้องตายหากสามารถเลี่ยงมันได้”
แต่โนอาห์รู้ว่าการที่เขาไปอยู่ข้างหลังจะทำให้เขามีประโยชน์น้อยกว่าในการที่เขาอยู่ด้านหน้า และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่จะทำให้คนในทีมเสียชีวิตโดยไม่จำเป็น
เมื่อเวลาผ่านไป โนอาห์ก็ดูแลคนเหล่านี้ด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของเขา เพราะคนเหล่านี้เป็นคนที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับโนอาห์
และด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาจำเป็นต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน นั่นจึงทำให้พวกเขาสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นได้ในเวลาอันสั้น กับบางคนในกลุ่ม โนอาห์ไม่ได้คุยกับเขามากนัก แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดเขาจากการให้คุณค่ากับคนแต่ละคน เขาไม่เต็มใจที่จะปลอดภัยในแนวหลังในขณะที่เพื่อนร่วมทีมของเขากำลังพยายามอย่างเต็มที่ และเขายังสามารถทำสิ่งที่มีความหมายมากกว่านั้นได้
ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงของบางสิ่งที่ถูกบดขยี้จากระยะไกล ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันอาจจะเป็นเครื่องจักรชนิดหนึ่ง แต่เสียงนี้ไม่ได้ประสานกันเหมือนเสียงของเครื่องจักรอัตโนมัติ อันที่จริงเสียงนี้ค่อยข้างจะวุ่นวายเล็กน้อย
ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งได้ยินสิ่งต่างๆมากขึ้นเท่านั้น
อย่างแรกที่พวกเขาได้ยินคือเสียงครางเบาๆ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มได้ยินเสียงหายใจถี่ๆด้วย จนกระทั่งในที่สุดพวกเขาก็ระบุได้ว่าเสียงนี้เป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่กำลังเคี้ยวบางอย่างที่กรุบกรอบอยู่
เมื่อพวกเขาเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ถูกล้อมรอบด้วยกล่องเหล็กแล้ว ทั้งกลุ่มก็พบว่าพวกเขากำลังอยู่ในห้องที่ทำมาจากโลหะชนิดเดียวกันกับกล่อง ซึ่งน่าจะเป็นโลหะชนิดเดียวกันกับที่ประกอบเป็นผนังของรถไฟขบวนนี้
ตรงกลางห้องนี้มีมอนเตอร์ตัวหนึ่งกำลังเคี้ยวเนื้ออยู่ และเมื่อมองจากระยะไกล โนอาห์ก็ตระหนักได้ว่าชิ้นเนื้อที่มอนเตอร์ตัวนั้นกำลังเคี้ยวอยู่นั้นเป็นชิ้นเนื้อของมนุษย์ มนุษย์ตัวเล็กๆ แต่ก็ยังเป็นมนุษย์จริงๆ!
“บัดซบ มันกำลังเคี้ยวเนื้อของมนุษย์อยู่ แล้วทำไมถึงมีมนุษย์อยู่ที่นี่?” โนอาห์ถามเสียงเบา
ไม่มีใครในกลุ่มสามารถเข้าใจเหตุผลที่มีมนุษย์อยู่ในที่แห่งนี้ได้ แม้ว่าร่างกายของมนุษย์คนนั้นจะเล็กกว่าของพวกเขา แต่ก็ยังสามารถระบุได้ว่าคนๆนั้นเป็นมนุษย์จริงๆ เพราะเขามี เท้า เอว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งศรีษะที่มีจมูกหนาและผมที่ยาวยุ่ง
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยมนุษย์ตัวน้อยได้อีกต่อไป เนื่องจากเอวไม่ได้เชื่อมต่อกับร่างกายส่วนบนของคนๆนั้นอีกแล้ว เขาถูกแบ่งครึ่งแล้วนั่นเอง
“เสียงของบางอย่างกำลังถูกบดขยี้…นั่นใช่กระดูกของคนๆนั้นหรือเปล่า” นักเวทย์สายฟ้าถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ มอนสเตอร์ของป้อมปราการระดับ E นั้นทรงพลังแต่ไม่ถึงกับสามารถเคี้ยวและหักกระดูกมนุษย์ได้ราวกับว่าพวกเขากำลังกินขนมห่อหนึ่งอยู่
“บางทีมนุษย์คนนั้นอาจจะอ่อนแอกว่าเรา แต่เราปล่อยให้สิ่งนั้นทำให้เราประมาทไม่ได้ มาใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่ามอนเตอร์ตัวนี้ยังไม่ได้สังเกตเห็นเราและเปิดการโจมตีแบบเซอร์ไพรส์กันดีกว่า และเพื่อที่เราจะทำสิ่งนั้นได้เราต้องการคนล่อมอนเตอร์ตัวนั้นเพื่อดึงความสนใจออกจากกลุ่มไป ปกตินี่คืองานของแจสเปอร์ นายแน่ใจนะว่านายทำได้ โนอาห์ ฉันไม่คิดว่าพรของนายจะช่วยอะไรได้ในสถานการณ์แบบนี้จริงๆ ถ้านายรู้สึกไม่มั่นใจ ฉันคิดว่าแจสเปอร์ควรไปแทน เพราะอย่างน้อยเขาก็จะมีโอกาสวิ่งหนีออกจากมอนเตอร์ตัวนั้นได้ดีกว่า” มาร์เซลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะมองโนอาห์อย่างเป็นห่วง
โนอาห์รู้ว่ามีดสั้นของเขาที่เขาได้รับจากป้อมปราการระดับ E จะไม่มีประโยชน์เลยสำหรับมอนสเตอร์ระดับ D เว้นแต่เขาจะโจมตีใส่จุดอ่อนของมัน แต่นั่นไม่ได้ขัดขวางไม่ให้โนอาห์ใช้เปลวไฟของเขาทำความเสียหายให้กับมัน และเขายังสามารถเคลื่อนย้ายไปมาด้วยการระเบิดของเปลวไฟได้อีกด้วย
และเนื่องจากการเทเลพอร์ตของเขาจะทำให้เกิดการระเบิดเล็กๆ นั่นทำให้ความสามารถในการเทเลพอร์ตของเขาไม่ใช่ความสามารถที่จะเทเลพอร์ตอย่างลับๆ แต่มันจะได้รับความสนใจจากมอนเตอร์ นั่นทำให้โนอาห์คิดว่าจะไม่มีใครทำงานนี้ได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว
แจสเปอร์สามารถทำเสียงดังได้และเขาก็มีความว่องไวในเวลาเดียวกัน แต่การระเบิดของโนอาห์ก็น่าจะโดดเด่นกว่าเขาอยู่ดี
“อย่ากังวลไปเลย นายจะเข้าใจเมื่อฉันลงมือทำ นายไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงขนาดนั้น ฉันมั่นใจว่าฉันจะไม่พลาดท่าให้กับมอนเตอร์ตัวนั้น ฉันเป็นห่วงคนที่ต้องเข้ามาโจมตีมันในระยะประชิดมากกว่าอีก เพราะเมื่อเห็นรอยกัดพวกนั้นแล้วฉันยังไม่อยากแนะนำให้ไปสู้กับมันในระยะประชิดเลย เพราะฉะนั้นคนที่โจมตีในระยะประชิดได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉันแล้วต่อสู้ให้เต็มที่เมื่อเวลามาถึงนะ” โนอาห์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและมั่นใจ
ความมั่นใจที่โนอาห์แสดงให้เห็นทำให้มาร์เซลกลืนประโยคที่เขากำลังจะพูดเพื่อโน้มน้าวให้เขาถอยห่างออกไปอีกครั้ง เขารู้ว่าหากเขาพูดอะไรบางอย่างในตอนนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องน่ากังวล มันก็จะเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม เพราะโนอาห์บอกว่าเขาทำได้ ถ้าเขาพยายามโน้มน้าวให้เขาไม่อย่างนั้น มันก็เหมือนกับว่าเขาไม่ไว้ใจเขา
“ถ้ายังงั้นก็ได้” มาร์เซลตอบอย่างกังวลเล็กน้อย
เมื่อให้เวลาทีมได้เตรียมตัวแล้ว โนอาห์ก็เดินไปหามอนเตอร์ตัวนั้นโดยพยายามเงียบที่สุดและทำอย่างดีที่สุดเพื่อประสานก้าวเดินของเขาเองกับการกัดที่มอนเตอร์ทำเพื่อป้องกันไม่ให้มอนเตอร์ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาในขณะที่เขายังอยู่ใกล้ชิดกับทีม
เขาอาจจะวาร์ปไปที่มอนสเตอร์โดยตรงเลยก็ได้ แต่ ณ จุดนี้โนอาห์ต้องการหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองพลังงาน เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าป้อมปราการระดับ D หน้าตาเป็นอย่างไร และเขาไม่รู้ว่า [เปลวไฟแห่งนรก] ของเขาจะสามารถจัดการกับมอนเตอร์ได้หรือเปล่าหรือมอนเตอร์ที่นี่จะทนไฟได้ขนาดไหน
ดังนั้นโนอาห์จึงเลือกที่จะเดินโดยใช้ความระมัดระวังมากที่สุดแทนที่จะใช้ความประมาทแทน โนอาห์ต้องการเข้าใกล้ให้มากที่สุดเพื่อที่จะใช้เทเลพอร์ตในระยะทางที่สั้นที่สุดที่เขาจะทำได้ เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองพลังงาน เพราะยิ่งระยะทางไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นเท่านั้น โนอาห์เรียนรู้เรื่องนี้มาอย่างดีแล้ว และเขาไม่ต้องการให้ปัจจัยเรื่องพลังงานเป็นสาเหตุที่จะทำให้เขาต้องเสียชีวิตในป้อมปราการแห่งนี้
เมื่อเขารู้สึกว่าเขาอยู่ในระยะที่ปลอดภัยแล้ว โนอาห์ก็ลุกเป็นไฟทันทีและปรากฏขึ้นภายในการระเบิดที่ปรากฏต่อหน้ามอนเตอร์หลังจากนั้นไม่นาน
สิ่งนี้ทำให้ผู้ถูกเลือกทุกคนนอกจากแจสเปอร์ประหลาดใจ และนั่นก็ยังทำให้มอนเตอร์ประหลาดใจด้วยเช่นกัน
โนอาห์ไม่รอช้าเขาหยิบมีดสั้นของเขาออกมาและแทงเข้าไปในดวงของมอนเตอร์ทันที
โชคร้ายสำหรับโนอาห์ แทนที่มอนเตอร์ตัวนั้นจะถอยด้วยความกลัวหรือความเจ็บปวดจากการถูกมีดสั้นแทงใส่ตา แต่มันกลับตัดสินใจกระโดดใส่โนอาห์อย่างไร้เหตุผลเพื่อกัดเขา
โนอาห์ได้เห็นแล้วว่าการกัดนั้นทรงพลังเพียงใดในขณะที่เขาได้ยินเสียงมันบดกระดูกของมนุษย์ที่ตายอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งทำให้โนอาห์ตัดสินใจเทเลพอร์ตไปที่ด้านข้างของสัตว์ประหลาดและทิ้งมีดสั้นของเขาไป สิ่งนี้ทำให้นักเวทย์และนักธนูของทีมมองเห็นมอนเตอร์ได้อย่างชัดเจนและทำให้พวกเขายิงได้ตามที่พวกเขาต้องการ
เมื่อสายฝนแห่งพลังเวทย์และลูกธนูหลั่งไหลมาในระยะไกล โนอาห์ก็มองดูมอนเตอร์แปลกๆตัวนี้อย่างใกล้ชิดและสังเกตว่ามันหน้าตาน่าเกลียดขนาดไหน
มันเหมือนกับหมูป่าที่มีร่างกายอ้วนท้วนเหมือนมนุษย์ โนอาห์ไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดและแปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน ท้องของมันบางส่วนถูกเย็บซึ่งมันทำให้โนอาห์รู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกไปเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตตัวนี้ เนื่องจากหมูป่าตัวนี้ไม่น่าจะมีสติปัญญาเพียงพอที่จะเย็บบางอย่างได้ เพราะการเย็บมันต้องการความคล่องแคล่วและความชำนาญในการทำมัน และที่สำคัญที่สุดคือระดับสติปัญญาของมัน
โนอาห์หยุดความคิดนั้นไว้ก่อนและเปิดฝ่ามือออกมาเรียกเปลวไฟอันเจิดจ้าขึ้นเพื่อรักษาความสนใจของมอนเตอร์ตัวนี้ไว้กับตัวเอง เขายิงเปลวไฟของเขาใส่มอนเตอร์ด้วยความหวังว่ามอนเตอร์ตัวนั้นจะไม่มีความต้านทานมากพอที่จะทนกับเปลวไฟของเขาได้
“แกจะต้องตายเพื่อที่แกจะได้กลายเป็นค่าประสบการ์ณให้ฉันได้เลื่อนขึ้นไปที่เลเวล 03”
โนอาห์ไม่ได้มองมอนเตอร์ตัวนี้เป็นศัตรูแต่เขากลับมองมอนเตอร์ตัวนี้เป็นเหมือนกับบ่อทองสำหรับเขา