ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 318
เซี่ยหว่านเอ๋อก้าวไปข้างหน้า อยากจะตบไปที่ใบหน้าของจื่ออันจัง ๆ แต่จื่ออันกลับจับข้อมือไว้ได้ และผลักนางออกอย่างแรง พร้อมกับหรี่ตามอง
เซี่ยหว่านเอ๋อโซเซและล้มลงในอ้อมแขนขององค์รัชทายาท นางเงยหน้าขึ้นและกล่าวอย่างโมโห “เซี่ยจื่ออัน เจ้าฆ่าคนแล้วยังจะกล้าทำตัวหยาบช้าอีกหรือ?”
องค์รัชทายาทประคองเซี่ยหว่านเอ๋อให้ทรงตัวได้ แล้วจึงเดินไปที่เบื้องหน้าของจื่ออัน มองจื่ออันด้วยสายที่เหยียดหยาม พลางแสยะยิ้มแล้วกล่าว “ครานี้ข้าอยากรู้เสียจริงว่าเสด็จอาจะเล่นพรรคเล่นพวกได้อย่างไร”
จื่ออันที่มองเห็นเขาจากระยะใกล้ ใบหน้านั้นยังคงทำให้นางเกลียดชังเหมือนเช่นที่เคยเป็น
ราวกับว่านางจะเห็นฉากที่เขาสั่งคนให้โบยเซี่ยจื่ออันเจ้าของร่างคนเดิมอย่างโหดเหี้ยมทารุณ เพื่อบีบบังคับให้นางอภิเษกกับอ๋องเหลียง
“พาตัวไป!” องค์รัชทายาทบีบคางนางแล้วปล่อยไป จากนั้นก็สั่งอย่างเคร่งขรึม
องครักษ์คุมตัวจื่ออันออกไป และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนสองคนมาหามเด็กรับใช้ผู้เฝ้าหน้าประตูออกไปด้วยเช่นกัน
เนื่องจากมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น ทำให้คนที่ชอบดูความตื่นเต้นต่างก็มารายล้อมกัน
จื่ออันถูกทหารองครักษ์คุมตัวมาไว้ท่ามกลางฝูงชน และเมื่อครู่นี้องค์รัชทายาทก็ได้ดึงปิ่นออกจากศีรษะของนางไป ทำให้ผมที่เกล้าเป็นมวยของนางหลุดร่วงลงมา และปลิวสยายไปตามลม ราวกับเป็นผู้หญิงบ้าอย่างไรอย่างนั้น
ศพของเด็กรับใช้ที่เฝ้าประตูถูกวางไว้กลางสวนดอกไม้ การที่เกิดคดีฆาตกรรมในงานแต่งงานเช่นนี้ ทำให้หลายคนรู้สึกว่ามันเป็นลางร้ายอย่างมาก
มู่หรงจ้วงจ้วงและชุยไท่เฟยก็มาเช่นกัน เมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะไปพบกับชุยไท่เฟย และอาสะใภ้ของซีเหมินเสี่ยวเยว่ก็อยู่ที่นั่นด้วย สาเหตุที่ตามนางมานั้นทำให้นางโมโหมาก นั่นก็เพราะว่าอาสะใภ้ของซีเหมินเสี่ยวเย่จะแนะนำคนที่มีคนพรสวรรค์คนหนึ่งให้ ซึ่งชุยไท่เฟยก็เห็นว่าเหมาะสมกับมู่หรงจ้วงจ้วง เลยให้คนไปเชิญนางมาเพื่อถามความคิดเห็น
ดังนั้นจ้วงจ้วงที่เห็นฉากเบื้องหน้า ก็รู้ได้ในทันทีว่าตนเองถูกหลอกใช้ มีบางคนจงใจให้จื่ออันต้องอยู่คนเดียว เพื่อที่จะใส่ร้ายนางได้
แต่คราวนี้ถึงกับใช้ชีวิตคน มันช่างน่ารังเกียจสิ้นดี
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ผู้ใดเป็นคนฆ่าเขา?” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ามาถึง นางก็กล่าวถามด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวอย่างตกใจ
องค์รัชทายาทกล่าวอย่างเย็นชา “ฮูหยินผู้เฒ่า ถามได้ดี ข้าเองก็อยากจะถามท่านว่า ท่านสั่งสอนหลานสาวของตนเองอย่างไร? นางถึงได้เหี้ยมโหดเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้ ฆ่าคนได้เหมือนผักเหมือนปลา”
มหาเสนาบดีเซี่ยกับเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งก็มารุมล้อมใบหน้าของเขาแลดูตกใจเล็กน้อย จากนั้นไฟโทสะก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเขาทันที เขาสบตากับฮูหยินผู้เฒ่าด้วยใบหน้าที่สงบ และดูเหมือนว่านางจะดูมึนงงเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน และคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
มู่หรงเจี๋ยเหลือบมองไปที่จื่ออันที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน จากนั้นมองไปที่ศพของเด็กรับใช้ที่เฝ้าหน้าประตู และกล่าวถามอย่างแผ่วเบา “ท่านเจ้ากรมอาญาอยู่ที่นี่หรือไม่”
เจ้ากรมอาญาก้าวออกมา “ท่านอ๋อง กระหม่อมอยู่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
มู่หรงเจี๋ยยกมือขึ้น “ไต่สวนคดีนี้!”
งานแต่งงานนี้กลายเป็นศาลไต่สวนคดีไปในทันที อีกทั้งยังมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักอีกหลายคนที่มามุงดูอยู่ที่นี่ด้วย จึงทำให้เจ้ากรมอาญารู้สึกกดดันไม่น้อยเลยทีเดียว
มหาเสนาบดีเซี่ยสั่งคนให้ย้ายเก้าอี้มาที่นี่เพื่อให้ทุกคนนั่ง มู่หรงเจี๋ยก็นั่งอยู่ตรงกลาง และคนที่นั่งถัดจากเขาก็คืออ๋องหลี่
ในสถานการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ อ๋องหลี่กลับขอเปลี่ยนเก้าอี้
มู่หรงเจี๋ยกล่าวถาม “เสด็จพี่ เกิดอะไรขึ้น?”
“นี่คือเก้าอี้นี้ท่านราชครูเหลียงเพิ่งจะนั่งไป ข้าทราบดี” อ๋องหลี่ดูหดหู่มาก
“ท่านอ๋องอย่าได้สำคัญตัวเองสูงเกินไป กระหม่อมเคยนั่งแล้วท่านจะนั่งไม่ได้เชียวหรือ?” ราชครูเหลียงกล่าวออกไปอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก
อ๋องหลี่กล่าวด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่าว่า “ตอนที่ท่านนั่ง ท่านก็ได้ผายลมติดต่อกันหลายครั้ง ระหว่างร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับท่าน ได้เห็นท่านทานถั่วไปเป็นจำนวนมาก ตามการคาดเดาของข้าแล้วที่ท่านผายลมไร้เสียงเช่นนี้ทำให้กลิ่นคลุ้งจนแสบตา และถั่วก็ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกได้เช่นกัน ดังนั้นหากผายลมแรงเกินไปอาจส่งผลให้เก้าอี้ชำรุดได้โดยง่าย”
เจ้าหน้าที่บางคนแอบปิดปากหัวเราะเบา ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเมื่อครู่นี้ทำไมพวกเขาถึงได้กลิ่นเหมือนเนื้อเน่า
ราชครูเหลียงโกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ แล้วสั่งให้คนย้ายเก้าอี้ตัวนั้นมาให้เขานั่ง จากนั้นก็จัดเก้าอี้ตัวอื่นมาให้อ๋องหลี่นั่ง
มู่หรงเจี๋ยมองไปที่อ๋องหลี่และยิ้มเล็กน้อย พี่ชายคนนี้ช่างคาดเดาอะไรได้แม่นยำเสียจริง