ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 334
ในใจเหลียงซื่อนั้นหยิ่งผยอง แน่นอนว่าจะต้องไม่ยินยอมก้มศีรษะให้แก่จื่ออัน แต่ถ้าหากไม่ก้มศีรษะแล้ว นึกถึงบุตรชายสุดที่รักของตนแล้ว ก็เกิดอาการจุกเสียดในหัวใจขึ้นมา
คิดคำนึงอยู่นาน นางจึงเอ่ยว่า “แต่ว่า ต่อให้ข้าไปขอโทษนางแล้ว เซี่ยจื่ออันเองอาจจะไม่ยินยอมที่จะไป”
“จุดนี้ท่านวางใจได้ มหาเสนาบดีเซี่ยจะจัดการให้” ซีเหมินเสี่ยวเยว่พูด
เหลียงซื่อเมื่อได้ฟังอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ยินยอมที่จะให้บุตรชายของตนได้รับความลำบากอีก จึงได้เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะยอมละทิ้งหน้าตาของข้าชั่วคราว หวังว่าเจ้าคนชั้นต่ำผู้นั้นจะมีวาสนาพอ ที่จะรับคำขอโทษของข้าได้นะ”
นางรู้แต่เพียงที่จะโมโห ชั่วขณะนั้นกลับไม่พบว่ามุมปากของซีเหมินเสี่ยวเยว่ค่อย ๆ ยิ้มเย็นและแววตาก็ดูชั่วร้าย
“ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องนึง” เหลียงซื่อจู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ “วันนี้ในตอนที่มาส่งเจ้าสาวนั้น บิดามารดาของเจ้าได้สั่งเอาไว้ หลังจากที่สินสอดของเจ้าส่งมาแล้วนั้น จะต้องส่งบางส่วนกลับไป เรื่องนี้เจ้ารู้หรือไม่?”
ซีเหมินเสียวเย่วผงกศีรษะ ส่งเสียงเอ่ยเสียงแข็ง “ข้ารู้แล้ว กลับไปดูในใบรายการที่พวกท่านส่งขบวนเจ้าสาว แล้วหยิบกลับไปเป็นพอ”
สินสอดพวกนี้ เพียงแต่จัดเตรียมไว้สำหรับตอนหน้าประตูจวนเท่านั้น ในตอนนี้นั้นในจวนกั๋วกงไม่ค่อยจะสะดวกสบายนัก หนึ่งกว้างสามใหญ่ ที่ใดต่างก็ต้องใช้เงินทอง สินสอดได้ให้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า สินสอดทองหมั้นมากมายเพียงแต่ดึงดูดให้คนนอกมองดูเท่านั้น ส่วนที่ต้องคืนนั้น เป็นจำพวกเงินทองเครื่องประดับที่มาพร้อมกันกับเจ้าสาว จำต้องคืนส่วนใหญ่กลับไป
“ตกลง เจ้ารับรู้เป็นพอ งั้นข้าเมื่อไหร่ไปหาเซี่ยจื่ออันจึงจะเหมาะสม?” เหลียงซื่อเอ่ยถาม
ซีเหมินเสี่ยวเยว่เอ่ยตอบกลับ “ช่วงเวลาระบำมังกรไฟก็แล้วกันเจ้าคะ ถึงตอนนั้นจะต้องจัดคนหนึ่งคนตรวจนับรายการสิ่งของกับท่าน ข้าได้แจ้งแก่ฮูหยินผู้เฒ่าไว้แล้ว ให้เซี่ยจื่ออันไปตรวจนับสิ่งของกับท่านที่เรือนด้านข้าง ในตอนนั้นคงจะไม่มีคนมากนัก ท่านเองก็จะได้ไม่มิต้องเขินอายมากนัก”
เหลียงซื่อได้ฟังนางจัดการได้เหมาะสมนัก อีกทั้งยังคิดเผื่อไว้หน้านางไว้ อดไม่ได้ที่จะเก็บความคับข้องมัวหมองใจไว้ “เสี่ยวเยว่ ก่อนหน้านั้นอาสะใภ้รองพูดจารุนแรงเกินไป เจ้าอย่าได้ถือสา”
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ค่อย ๆ เผยยิ้ม “อาสะใภ้รองพูดอะไรออกมากัน? ต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน พูดเยี่ยงนี้ไม่ดูเป็นคนนอกรึ?”
“ใช่แล้ว ล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” เหลียงซื่อเป็นคนที่ชอบปกป้องชื่อเสียงของตระกูลเป็นที่สุด เมื่อได้ฟังคำนางพูดว่าคนในครอบครัวเดียวกัน ภายในใจจึงคิดว่าได้รับความอัปยศเพียงเล็กน้อยคงจะไม่เป็นอันใด
เหลียงซื่อผู้นี้นั้น เอาแต่ใจดุร้าย ลงมือค่อนข้างที่จะโหดร้าย แต่ว่าอยู่ในจวนจิ้นกั๋วกงนั้น นางเป็นผู้เดียวที่ยอมละทิ้งผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อเติมเต็มให้แก่คนในตระกูล
ดังนั้นจิ้นกั๋วกงจึงให้ความสำคัญแก่นางเป็นอย่างมาก ทุกคนล้วนต่างยกย่องให้เกียรติลูกสะใภ้ผู้นี้ ในตอนนี้จวนจิ้นกั๋วกงเองก็มีนางเป็นคนตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ แม้แต่มารดาของซีเหมินเสี่ยวเยว่เองก็ยังต้องมองสีหน้าของนาง
เพราะระบำมังกรไฟ งานเลี้ยงจึงได้เริ่มต้นเร็วขึ้น
มู่หรงเจี๋ยและเซียวท่าเองก็กลับมาก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น
จื่ออันสังเกตเห็นว่าบนกายของเซียวท่านั้นมีใบไผ่อยู่ จึงคาดเดาได้ว่าพวกเขาจะต้องเข้าไปในป่าไผ่เป็นแน่
จื่ออันคิดว่าจะเข้าไปเอ่ยเตือนพวกเขา ป่าไผ่นั้นมิอาจเข้าไปได้ตามใจชอบ ในนั้นมีงูพิษอยู่ แต่ว่าแขกทั้งหลายต่างก็ทยอยกันเข้าที่นั่ง นางจึงไปได้ลำบากนัก
“ทำไมถึงได้ไม่พบองค์รัชทายาทและเซี่ยหว่านเอ๋อเล่า?” เฉินหลิวหลิ่วเอ่ยถามจื่ออันเสียงเบา
จื่ออันจึงได้พบว่าตั้งแต่เรื่องริมทะสาบเกิดขึ้นนั้น ก็ไม่พบเซี่ยหว่านเอ๋อและองค์รัชทายาทมาตลอด
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไม่มาก็ดีเหมือนกัน เผชิญหน้ากับนางแล้วข้าจะกินข้าวไม่ลงเอา” เฉินหลิวหลิ่วเอ่ยออกมา
จื่ออันมองมายังนาง “เป็นไปไม่ได้ ข้ายังไม่เคยเห็นว่าเจ้ามีครั้งใดที่กินข้าวไม่ลง”
“…” เฉินหลิวหลิ่วพูดไม่ออก เป็นการยอมรับไปโดยปริยายว่าตนนั้นตะกละ
จื่ออันมองออกไป มู่หรงเจี๋ยก็มองกลับมาพอดี แล้วเขาก็ค่อย ๆ เลื่อนสายตาออกไป แววตาดูอ่อนลง
“ทำไมถึงได้พบว่าใบหน้าของท่านพี่เซียวท่าดูซีดเซียวลงเล่า?” เฉินหลิวหลิ่วจ้องมองเซียวท่าอยู่ตลอดเวลา จากนั้นจึงได้ส่งเสียงเอ่ยออกมา