ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 343
ทางด้านเรือนด้านข้างนั้น เปลวเพลิงยังคงทะยานขึ้นฟ้า มู่หรงเจี๋ยนั้นได้เทน้ำราดรดบนกายสองครั้งแล้ว แล้วก็พุ่งเข้าไปในเปลวเพลิงอีกครั้ง
ประตูใหญ่นั้นมีคานกีดขวางอยู่ มิอาจจะเข้าไปได้ ทั้งสี่ทิศล้วนเป็นทะเลเพลิง หน้าต่างถูกผนึกเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะถูกเผาไหม้ไปแล้ว แต่กลับก่อร่างเป็นแนวไฟขึ้น จึงมิอาจที่จะพุ่งเข้าไปได้เลย
เขานำเหล็กเส้นมาจากด้านนอก กระแทกเข้าไป เปลวไฟยิ่งใกล้เข้ามา หลังคาเริ่มมีการพังทลายเกิดขึ้น
“ท่านอ๋อง ไม่มีทางแล้ว ออกไปก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ซูชิงพุ่งเข้ามา ลากเขาออกไปด้านนอก
ดวงตาปรากฏเปลวไฟลุกโชนอยู่ทั่ว มีองครักษ์พุ่งเข้ามา แต่ก็มิอาจที่จะเข้าใกล้
ซูชิงเงยหน้าขึ้นพบว่าอันตรายแล้วหลังคากำลังจะร่วงหล่นลงมา ตัวกระเบื้องนั้นไม่ทนต่อความร้อนได้ ส่งเสียงดังแคร็กออกมาทั่วทิศก่อนจะหล่นมา หากยังไม่ล่าถอยออกไปแล้ว ก็คงจะเป็นอันตรายเป็นแน่
องครักษ์เองก็ร้องตะโกนออกมา “ท่านอ๋อง ท่านแม่ทัพซู รีบหนีกันเถอะ มันกำลังจะพังลงมาแล้ว”
มู่หรงเจี๋ยเตะไปที่ไฟที่กำลังลุกไหม่อยู่ทั่วกำแพง ส่งเสียงคำรามเสียงดัง “เซื่อจื่ออัน ออกมา ออกมานะ หากไม่ออกมาเจ้าก็จะกลายเป็นหมูย่างแล้วนะ!”
ด้านในเรือนนั้นเสียงของไฟเผาไหม้ดังสนั่น แต่ว่าเสียงเรียกขอความช่วยเหลือกลับไม่มีออกมา
ซูชิงมองมายังมู่หรงเจี๋ยที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ในใจก็รู้สึกโศกเศร้า คิดไม่ถึงว่าเซี่ยจื่ออันนั้นช่างอายุสั้นนัก
คนของผู้ตรวจการไม่หยุดที่จะสาดน้ำเข้าไป คนอื่น ๆ หยิบเอาผ้าห่มและดินทรายเข้ามาช่วยดับไฟ แต่เห็นว่าเมื่อเสียงด้านในคำรามดังออกมานั้น ทุกคนต่างก้าวถอยหลังออกมา
เป็นเสียงของกำแพงที่พังถล่มลงมา เมื่อกำแพงด้านหนึ่งพังทลายลงมา เรือนด้านข้างหลังนี้ก็ตั้งไว้ไม่อยู่แล้ว ย่อมที่จะพังทลายลงมา
หลังคาก็ไม่หยุดที่จะมีสิ่งของหล่นลงมา ซูชิงรีบร้อนเอ่ย “ไฟไหมแรงขนาดนี้ ต่อให้สามารถพุ่งเข้าไปได้ คนก็ต้องตายไปแล้วเป็นแน่”
มู่หรงเจี๋ยถอยซวนเซถอยหลังมาสองเก้า จ้องมองยังเปลวเพลิง เขาหมุนตัวกลับโดยทันที แล้วจึงเดินก้าวใหญ่ออกมา
เสื้อผ้าบนกายเขามีหลายจุดที่โดนเผาไหม้ หลังจากออกมาแล้ว องครักษ์ใช้ผ้าห่มดับไฟบนกายของเขา ใบหน้าของเขาโดนเปลวไฟลามเลียจนแดงเข้ม เครื่องแต่งกายเต็มไปด้วยผงขี้เถ้า แววตาเองก็มีสีแดงก่ำ ใบหน้าของเขาแสดงความดุร้ายที่มิอาจเอ่ยออกมาได้ ความโกรธของทั้งร่างถูกรวมไว้ที่ดวงตา เพียงแค่รอมันระเบิดออกมา
มู่หรงจ้วงจ้วงและเฉินหลิวหลิ่วต่างพุ่งเข้ามา เฉินหลิวหลิวเมื่อครู่อยู่ใต้มังกรไฟที่ล้มลง โชคยังดีที่ตอบสนองได้ว่องไวจึงไม่เป็นอะไร ไม่งั้นแล้ว วันนี้นางเองก็คงจะกลายเป็นหมูย่างไปแล้ว
น้ำตาของนางหยดลงราวกับเม็ดไข่มุก “จื่ออันเล่า? ยังช่วยนางออกมามิได้หรือ?”
ซูชิงใบหน้าเต็มไปด้วยขี้เถ้า เอ่ยตอบ ในขณะที่ยังก้มหน้าอยู่ “มิอาจเข้าไปได้ มีคานของตัวเรือนตกลงมา ขีดขวางทางเข้า ยังไงก็ไม่มีทางเข้าไปข้างในได้”
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยเสียงเย็น “คานจะร่วงลงมาตรงประตูได้พอดีหรือ? ไม่มีความรู้กันเลยรึไง!”
ซูชิงตกตะลึง ราวกับว่าเมื่อครู่นั้นไม่ได้นึกถึงปัญหาข้อนี้เลย
มหาเสนาบดีเซี่ยได้ฟังคำมู่หรงเจี๋ยแล้ว จึงได้เอ่ยออกมา “ท่านอ๋อง จริง ๆ แล้วเรือนด้านข้างหลังนี้ค่อนข้างที่จะอันตราย ข้านั้นได้หาคนมาซ่อมแซมนานแล้ว แต่เพราะว่าเดือนนี้นั้นไม่ค่อยจะดีนัก มิอาจลงมือได้ จึงได้ใช้คานทั้งสองข้างยึดไว้ อาจจะเป็นเพราะช่างจัดวางไว้ไม่ดีก็เป็นได้”
“ข้าจะตรวจสอบเป็นแน่!” ใบหน้ามู่หรงเจี๋ยดูไม่น่ามองเป็นที่สุด วันนี้จริง ๆ แล้วเขารู้ว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่คาดไม่ถึงว่าจะกล้าวางเพลิงกันเยี่ยงนี้ เป็นเขาที่ประมาทเกินไป จนทำร้ายเซี่ยจื่ออันคนโง่นี้
“ผู้ตรวจการอยู่ที่ใด?” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยถามเสียงดัง
“ท่านอ๋อง กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ!” ผู้ตรวจการเดินเข้ามาข้างหน้าด้วยอาการหายใจหอบเหนื่อย เขาเหลือบมองมู่หรงเจี๋ยและซูชิงแวบนึง ใบหน้าดูมืดมน ราวกับเมื่อครู่นี้ในตอนดับเพลิงนั้นเข้าได้ใช้แรงกายทั้งหมดที่มีไปแล้ว