ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 350
จื่ออันมองไปที่เขา “ตรงนี้เลยเหรอ?”
“ใช่!” มูหรงเจี๋ยกล่าวอย่างเดือดดาล ความโกรธยังคงติดแน่นอยู่บนใบหน้าของเขา
จื่ออันถอยหลังมาหนึ่งก้าว ค่อย ๆ ปลดเสื้อนอกออก พลางพูดด้วยความรู้สึกผิด “เมื่อครู่ตอนที่ปีนขึ้นบนคานหลังคา ไฟมันเผาตรงอกของหม่อมฉัน ท่านดูสิ…”
ก่อนที่เสื้อผ้าของนางจะถูกปลดเปลื้องออก มู่หรงเจี๋ยก็ดึงนางออกไปราวกับพายุหมุน จากนั้นก็เข้าไปในห้องถัดไป ซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของสตรี
ปรากฏความโกรธขึ้นในดวงตาของเขาในทันที เขาใช้แรงดึงเสื้อที่หน้าอกของนางให้แน่น และกล่าวเสียงเข้ม “มีอยู่ก็นิดเดียว ยังอยากจะเผยต่อหน้าคนมากมายอีกรึ? ไม่กลัวว่าคนอื่นจะติเตียนว่าน่าเกลียดหรืออย่างไร”
จื่ออันทำตาปริบ ๆ “แม้ว่าจะมีไม่เยอะ อย่างไรเสียก็ยังเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนะเพคะ”
“ไปให้พ้น!” มู่หรงเจี๋ยจ้องมองนาง แรงกระตุ้นเมื่อครู่นี้ที่อยากจะบีบคอนางให้ตายจากเหตุเพลิงไหม้ได้เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
จื่ออันดึงตัวเขาให้นั่งลง จากนั้นก็พูดอย่างจริงจัง “หม่อมฉันขอโทษนะเพคะ!”
มู่หรงเจี๋ยพูดอย่างเย็นชา “ไม่รับ!”
“ท่านควรจะพูดว่าไม่เป็นไร” จื่ออันแก้ไขให้
“เซี่ยจื่ออัน เจ้านี่มันขาดความเป็นระเบียบเสียจริง!” มู่หรงเจี๋ยจ้องนาง “ที่ข้าโกรธ ไม่ใช่เพราะเจ้าหนีออกมาแล้วไม่บอกข้า แต่เป็นเพราะเจ้าไม่ควรช่วยเหลียงซื่อออกมาต่างหาก”
“นางเกาะติดหม่อมฉัน ตอนที่ปีนขึ้นมา นางก็เกาะที่ขาของหม่อมฉัน!” จื่ออันพูดด้วยท่าทีสลด
“แก้ตัว แก้ตัวต่อไป!” มู่หรงเจี๋ยถอนหายใจแรง
จื่ออันกล่าวอย่างไร้เดียงสา “จริง ๆ นะเพคะ หม่อมฉันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ได้แต่พานางขึ้นมาด้วย”
“จากนั้นก็ยังพาไก่สองตัวขึ้นมาด้วยเพื่อปิดบังความคิดที่อยากจะพานางขึ้นมา ใช่หรือไม่?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แดกดัน ความโกรธในดวงตาก็ยังไม่ได้จางหายไป ทว่ากรามล่างกลับไม่ได้แข็งขนาดนั้น
เพราะว่าตอนที่นางหิ้วไก่ออกมาด้วย สภาพดูน่าขันยิ่งนัก
จื่ออันหลับตาลง”เพคะ หม่อมฉันยอมรับผิดก็ได้ ครั้งนี้หม่อมฉันจงใจพาเหลียงซื่อขึ้นมาเอง”
“ขอเหตุผล?” มู่หรงเจี๋ยจ้องมองไปที่นาง
“เหตุผล…หรือว่าท่านจะคิดไม่ออก? แม้ว่าจิ้นกั๋วกงจะมีอำนาจอยู่ แต่ว่ายามนี้ในจวนจิ้นกั๋วกงล้วนเป็นฮูหยินรองที่เป็นผู้ดูแลจัดการทั้งหมด และตอนนี้หม่อมฉันก็มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตนางไว้ ซีเหมินเสี่ยวเยว่ตกเป็นผู้สงสัยว่าจะฆ่านาง ท่านคิดว่านางจะช่วยหม่อมฉันจัดการกับซีเหมินเสี่ยวเยว่หรือไม่?”
“หากนางไม่ช่วยล่ะ?” มู่หรงเจี๋ยถามกลับ
“เช่นนั้นก็เสียสร้อยข้อมือดี ๆ ไปโดยเปล่าประโยชน์!” จื่ออันยื่นมือออกไปและลูบข้อมือเบา ๆ ตอนที่ช่วยเหลียงซื่อ นางได้ทำสร้อยข้อมือที่มีอยู่เพียงเส้นเดียวร่วงลงไป
มู่หรงเจี๋ยมองไปที่ข้อมือที่มีบาดแผลของนาง ก็รู้สึกเย็นชาอย่างอธิบายไม่ถูก “มือทั้งสองของเจ้า ยังจะใส่เครื่องประดับอะไรได้อีก? ผูกคอเจ้าด้วยเชือกแล้วมัดไว้ที่ประตูก็พอแล้ว มีคนแปลกหน้ามาเมื่อไหร่ยังสามารถเห่าขู่คนได้”
จื่ออันถอนหายใจเบา ๆ “ยังไงวันนี้หม่อมฉันก็ผิดอยู่แล้ว ท่านจะว่าอะไร หม่อมฉันก็จะไม่โต้ตอบ”
มู่หรงเจี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึก มองไปที่นาง “เซี่ยจื่ออัน ครั้งนี้ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก เจ้าอาศัยอยู่ในจวนมหาเสนาบดีที่เต็มไปด้วยอุบายและการสมคบคิด หากใจของเจ้าไม่แข็งพอ ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องตายในเงื้อมมือของผู้อื่น ข้าไม่อาจเฝ้ามองและปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา แม้ว่าข้าจะสามารถต่อสู้กับอุบายอันชั่วร้ายเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้าได้ แต่ว่าเจ้าต้องอยู่ให้ถึงวันที่จะได้อภิเษกกับข้า ในช่วงนี้ เจ้าต้องปกป้องดูแลตนเองให้ดีเจ้าเข้าใจหรือไม่?”
จื่ออันเข้าใจได้ในทันทีว่าความโกรธของเขาเกิดจากอะไร มันเป็นเพราะนางดูแลปกป้องตนเองได้ไม่ดี แต่ว่าอันที่จริงแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ นางมีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับมันได้
“นี่เป็นคำพูดที่น่าฟังที่สุดตั้งแต่ที่ท่านเคยพูดกับหม่อมฉันมาเลย” จื่ออันย่นจมูก “จู่ ๆ หม่อมฉันก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาจริง ๆ”
“เสแร้ง!” มู่หรงเจี๋ยผลักนางออกไป
“ตอนที่ท่านไม่พูดจาร้ายกาจ ดูเป็นคนดีมากเหลือเกิน” ดวงตาของจื่ออันเป็นประกาย จ้องมองใบหน้าที่ค่อย ๆ อ่อนโยนขึ้น “หม่อมฉันสัญญา ต่อไปจะไม่ใจอ่อนอย่างแน่นอน”