ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 371
ตาวเหล่าต้านำขนมหวานในอ้อมแขนออกมาให้เสี่ยวเอ้อทั้งหมด “รีบกิน ตอนที่ยังร้อนอยู่”
เสี่ยวเอ้อแววตามองตรงไป “สวรรค์ ท่านพี่ ท่านไปเอาของกินอร่อยเช่นนี้มาจากที่ใดกันตั้งมากมาย?”
“คนใจดีเป็นผู้มอบให้” ตาวเหล่าต้าเอ่ยออกมาอย่างหน้าด้านหน้าทน ราวกับจำไม่ได้ที่ตนฟาดลงไปบนโต๊ะของผู้อื่นแล้วแย่งเอามา
“ท่านจะต้องขอบคุณคนใจดีผู้นั้นให้มาก” เสี่ยวเอ้อซาบซึ้งจนน้ำตาซึมออกมา
จื่ออันมองไปยังสองพี่น้องตรงหน้า นางไปยังประเทศที่สามมามากมาย มองเห็นผู้คนมากมายที่ได้รับอาหารแล้วก็ร้องไห้ออกมา แต่ในราชสมัยต้าโจวที่่สงบสุขและเจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ กลับเป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็น
ตาวเหล่าต้าร่างกายแข็งแกร่ง เดิมควรสามารถใช้แรงมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ แต่ทำไมสองพี่น้องนี้ถึงได้ใช้ชีวิตอย่างตกต่ำเยี่ยงนี้
ใช่แล้ว ตาวเหล่าต้าถูกมู่หรงเจี๋ยพบเข้าได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้ จื่ออันจึงได้ถามตาวเหล่าต้าขึ้น “เจ้ารู้จักกับท่านอ๋องได้อย่างไรกัน?”
“ท่านอ๋องไหนกัน?” ตาวเหล่าต้าไม่หยุดที่จะส่งซาลาเปาไปให้กับเสี่ยวเอ้อ พร้อมทั้งเอ่ยถาม
“ผู้ที่นำเจ้าไปส่งยังจวนอ๋องเหลียงผู้นั้น” จื่ออันเอ่ยออกมา
ตาวเหล่าต้าจู่ ๆ ก็เบิกตากว้างขึ้น “อ๋อ เป็นเขา วันนี้มีเถ้าแก่ร้านซาลาเปาแผงลอยตอนเช้ามอบซาลาเปาให้แก่ข้าสองลูก ภายหลังมีคนก่อเรื่องขึ้น บอกว่าจะเก็บค่าคุ้มครอง เถ้าแก่ร้านไม่ได้มอบเงินค่าคุ้มครองให้ คนเหล่านั้นจึงได้ทุบตีไปที่เถ้าแก่ร้าน ข้าเมื่อพบว่าเถ้าแก่ถูกทุบตี ข้าจึงได้ทุบไปที่คนเหล่านั้น ทุบตีจนวิ่งหนีไป ประจวบเหมาะกับที่ท่านอ๋องผู้นี้ผ่านมา ถามคำถามบางอย่างกับข้า ข้าจึงได้ไปกับเขา”
“ถามคำถามอะไรกัน?” จื่ออันเอ่ยถามอย่างสงสัย
ตาวเหล่าต้าคิดอยู่ครู่นึง
“อย่างอื่นข้านั้นจำไม่ค่อยได้ จำได้เพียงแต่เขาถามว่า ต้องการมีข้าวกินทุกวันหรือไม่? แน่นอนว่าข้าต้องการ มีคนไม่อยากกินข้าวด้วยหรือ? เขาบอกว่าถ้าต้องการก็ให้ไปกับเขา ข้าก็เลยไปด้วย”
จื่ออันเข้าใจแล้ว มู่หรงเจี๋ยต้องการจะมอบคนที่มีวรยุทธ์ไว้คอยปกป้องเจ้านายให้กับนาง
จื่ออันมองยังตาวเหล่าต้า ก่อนที่จะเอ่ย “เจ้าตามข้ากลับจวนไป ข้าจะให้เสี่ยวซุนจัดการให้กับน้องสาวเจ้าอย่างเหมาะสม ต่อไปเจ้าติดตามอยู่ข้างกายข้า ทุกเดือนจะให้เงินเดือนเจ้าหนึ่งตำลึงทอง อาหารทุกวันสามมื้อ รวมถึงเนื้อด้วย”
ใบหน้าของตาวเหล่าต้ามีความเคารพจริงใจขึ้นมา ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในคำที่ตนได้ยิน เขามองมายังจื่ออัน “หนึ่งวันสามารถกินข้าวได้สามมื้อ และทุก ๆ มื้อล้วนมีเนื้อ? แล้วยังมีเงินเดือนอีก? ท่านบอกว่าหนึ่งตำลึงทองหรือหนึ่งตำลึงเงิน? หนึ่งตำลึงเงินก็มากพอแล้ว ให้ข้าหนึ่งตำลึงทอง? ท่านจะให้ข้าไปฆ่าคนหรือ?”
จื่ออันเอ่ยยิ้มและพูดว่า “เจ้าฆ่าคนได้หรือ?”
ตาวเหล่าต้าลังเลไปครู่นึง “ข้ารับปากท่านแม่เอาไว้ ข้าจะไม่ฆ่าคน แต่ข้าทุบตีคนได้”
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าฆ่าคน เจ้าเพียงแต่ฟังคำสั่งข้า ต่อไปก็อยู่ในจวนคอยทำธุระให้ข้าก็พอ” จื่ออันเอ่ย
“จริงหรือขอรับ?”
“ใช่แล้ว”
ตาวเหล่าต้าหันกลับมามองยังน้องสาวของตน เอื้อมมือออกมาขยี้ตา และเดินหันหลังกลับแล้วเข้าไปยังวัดร้าง
จื่ออันและเสี่ยวซุนหันมองกันครู่นึง ต่างก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร
ทันใดนั้น พบว่าเขาเหมือนดั่งลูกธนูพุ่งออกมาจากด้านใน แล้วดึงตาวเสียวเอ้อเข้ามากอดเอาไว้ หมุนวนไปด้วยความแข็งแกร่ง ตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวเอ้อเจ้าได้ยินแล้วหรือไม่? พี่ชายมีงานทำแล้ว ต่อไปเจ้าไม่ต้องทนท้องหิวแล้ว และไม่ต้องกินข้าวสุนัขแล้ว เรื่องที่ข้ารับปากท่านแม่ไว้ในที่สุดก็สามารถทำได้แล้ว”
พูดจบจึงได้วางตาวเสี่ยวเอ้อลงราวกับเด็กน้อยก็มิปาน เขานั่งลงบนพื้นส่งเสียงร้องไห้ออกมายกใหญ่
เสี่ยวซุนส่งเสียงออกมา แล้วจึงเริ่มร้องออกมาด้วย นางเมื่อครู่รู้สึกว่าตาวเหล่าต้านั้นหยาบคายไม่มีมารยาท แต่เมื่อพบด้านความรู้สึกจริง ๆ ของเขาแล้ว จึงได้รู้ว่าตนนั้นมองคนจากรูปลักษณ์ภายนอกนั้นผิวเผินเกินไปจริง ๆ