ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 378
จิ้นกั๋วกงยกย่องนางต่อหน้าทุกคน เดิมทีอยากให้นางไว้หน้ากัน เชื่อฟัง และควรจะรู้ถึงความเหมาะสม
แต่ว่าเห็นได้ชัดวันนี้เหลียงซื่อดื้อรั้นมาก นางเงยหน้าขึ้นมองซีเหมินเสี่ยงเยว่ “ตอนที่เรือนด้านข้างเกิดไฟไหม้ ข้ากับคุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ยตรวจนับสินสอดกันอยู่ แต่ว่า พูดไปแล้วมันก็แปลกประหลาดนัก ตั้งแต่ที่ข้าดื่มสุราที่บ่าวรับใช้ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่านำมาให้ ก็รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรง หลังจากเข้าไปในเรือนด้านข้างแล้ว ขนาดจะยืนยังยืนแทบไม่ไหว ท่านว่านี่มันแปลกหรือไม่?”
ฮูหยินผู้เฒ่าชะงักไปในทันที “ที่ฮูหยินรองพูดหมายความว่าอย่างไร? ท่านจะบอกว่าข้าเป็นคนวางยาท่านหรือ?”
รอยยิ้มของเหลียงซื่อมืนมน “ฮูหยินผู้เฒ่าก็อย่ามารับตำแหน่งผู้วางยาสิเจ้าคะ อันที่จริง นอกจากข้าจะดื่มสุราแล้ว ข้าก็ยังทานอาหารไปเยอะมาก”
ใต้เท้าไท่เป่ารู้จักนิสัยของเหลียงซื่อดี ถ้านางไม่ได้คำตอบที่นางต้องการ นางก็จะทำตัวหยาบคายไร้เหตุผลไม่จบไม่สิ้น แต่นางก็ไว้หน้าจวนจิ้นกั๋วกงมาโดยตลอด สำหรับนางแล้ว เรื่องทุกอย่างของจวนจิ้นกั๋วกงก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของนาง วันนี้กลับไม่ไว้หน้ากัน ถามคำถามที่ไม่ควรถาม หรือว่ามีเรื่องที่ปิดบังไว้อยู่จริง ๆ?
แต่เขาก็นิ่งสงบมาโดยตลอด ดังนั้นตอนนี้ก็ทำเพียงแค่มองดูเหลียงซื่อ แต่กลับไม่พูดอะไร ดูว่าสถานการณ์จะไปในทิศทางไหนอย่างเงียบ ๆ
ซีเหมินเสี่ยวเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล “อาสะใภ้รอง ท่านเข้าใจอะไรเสี่ยวเยว่ผิดไปหรือไม่? เรื่องเพลิงไหม้ ความจริงก็คืออุบัติเหตุ ใครจะไปรู้ว่ามังกรไฟจะล้มลงไปอย่างกะทันหันได้เล่า? ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ไฟไหม้ ทุกคนล้วนไม่อยากให้เกิดขึ้น อีกอย่าง ท่านก็ได้หนีรอดออกมาได้นี่?”
เหลียงซื่อสูดหายใจแรง “ใช่ ข้าหนีออกมาได้ แต่ว่าพวกท่านอยากจะฟังว่าข้าหนีออกมาได้อย่างไรหรือไม่?”
เรื่องนี้ มหาเสนาบดีเซี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าก็อยากรู้มาก แต่ว่าไม่อาจให้พูดในตอนนี้
ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปที่จิ้นกั๋วกง “ท่านกั๋วกง สำหรับเหตุเพลิงไหม้ที่เกือบจะทำให้ฮูหยินรองเป็นอันตราย ข้าเองก็รู้สึกผิด แต่เรื่องนี้ก็เป็นอุบัติเหตุจริง ๆ ไม่มีใครอยากทำร้ายฮูหยินรองเช่นนั้น”
พูดจบ นางก็ลุกขึ้นคำนับเหลียงซื่อ “ฮูหยินรองอย่าได้ตำหนิกันเลย ข้าต้องขออภัยท่านด้วย เรื่องนั้นมันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ เกินกำลังที่จะควบคุมได้”
จิ้นกั๋วกงกำมือ และกล่าว “ไม่มีใครโทษจวนมหาเสนาบดี ฮูหยินผู้เฒ่า อย่าได้ถือสาเลย”
พูดจบ เขาก็กล่าวดุเหลียงซื่อด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ฮูหยินผู้เฒ่าก็คำนับขอโทษเจ้าด้วยตนเองแล้ว เจ้ายังจะพูดอะไรอีก”
เหลียงซื่อยังพูดเพื่อตัวเองต่อไป “มีคนสามคนติดอยู่ในห้องด้านข้าง ก็คือข้า คุณหนูใหญ่เซี่ย และเซี่ยฉวนพ่อบ้านตระกูลเซี่ย ในเวลานั้นที่ข้าเข้าไปในห้องด้านข้างก็รู้สึกเวียนหัวหมดแรง คุณหนูใหญ่จึงให้ซี่เหนียงออกไปตักน้ำมาให้ข้า ดังนั้นซี่เหนียงจึงรอดไปได้ พ่อบ้านฉวนเดิมทีก็อยากจะออกไป แต่ว่าในเวลานั้น ข้ากับคุณหนูใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดเหตุเพลิงไหม้ ดังนั้นจึงจะให้เขาอยู่ช่วยคำนวณ เซี่ยฉวนไม่ยินยอม เพื่อที่จะได้ออกไปจากเรือนด้านข้างแล้ว เขาถึงขนาดยกเก้าอี้ขึ้นมาเพื่อจะทุบตีคุณหนูใหญ่ ท่าทางเร่งรีบที่อยากจะออกไปของเขา ทำให้ข้ากับคุณหนูใหญ่รู้สึกสงสัยมาก ในเวลานั้น ข้างนอกไฟยังไม่ไหม้ ได้ยินเพียงแต่เสียงเชิดมังกรไฟ เสียงฆ้องและกลอง เมื่อเสียงดังมาถึงหน้าประตูเรือน เซี่ยฉวนก็เปิดประตูจะพุ่งออกไปด้านนอก คุณใหญ่ก็คว้าเก้าอี้ขึ้นมาตีออกไป และก็ตีโดนขาของเขาพอดี ขาหักแล้ว เขาก็วิ่งไม่ได้ ตอนที่ไฟลุกลามเข้ามา เขาก็ทำได้เพียงคลานอยู่ที่พื้น ขอร้องให้พวกเราช่วยเขา แล้วยังบอกอีกว่าเขาก็แค่ทำตามคำสั่ง เขาไม่ใช่คนวางเพลิง”
เมื่อหยวนซื่อพูดถึงตรงนี้ ตัวก็สั่นขึ้นมา นางไม่มีทางลืมตอนที่เซี่ยฉวนถูกไฟเผาได้ ความเจ็บปวดทรมานแบบนั้น กระเสือกกระสนดิ้นรนอย่างไร และแววตาที่แตกสลายด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวังนั่นอีก
เขากลิ้งไปมาบนพื้นเหมือนหนอนที่ถูกไฟ กรีดร้องโหยหวน ในเวลานั้นนาง ก็อยู่ผ้าแพรแล้ว จื่ออันลากตัวนางขึ้นไปบนหลังคา พอนางมองลงไป เขาก็ยกมือขึ้นมาคำนับ ตะโกนพูดกับจื่ออัน “คุณหนูใหญ่ช่วยบ่าวด้วย บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น”
“พอแล้ว หุบปาก!” จิ้นกั๋วกงยืนขึ้นในทันที และตะคอกเสียงดัง “ในเมื่อพวกเจ้าสามคนล้วนอยู่ในกองเพลิง เซี่ยฉวนถูกไฟครอกจนตาย เหตุใดพวกเจ้าถึงยังมีชีวิตรอดอยู่? เจ้าคงจะไม่ได้หลงผิดไปร่วมมือกับคนนอกมาทำลายจวนกั๋วกงหรอกนะ? จงจำเอาไว้ให้ดี จวนกั๋วกงก็คือบ้านของเจ้า เซี่ยจื่ออันกับหยวนซื่อผู้นั้นให้ผลประโยชน์อันใดกับเจ้าเล่า? เจ้าถึงหักหลังจวนกั๋วกงได้?”
เหลียงซื่อยิ้มอย่างเยือกเย็นขึ้นมา “หักหลังจวนกั๋วกงงั้นหรือ? ช่างเป็นคำกล่าวโทษที่หนักหนานัก ที่ท่านพ่อได้ฟังมา มีสักคำหรือไม่ที่ข้าได้กล่าวโทษจวนกั๋วกง? เรื่องเหตุเพลิงไหม้นี้ เกี่ยวอะไรกับจวนกั๋วกงด้วยเล่า?”