เป็นครั้งแรกที่โนอาห์หายใจไม่ทันจริงๆ หลังจากที่เขาเทเลพอร์ตบ่อยมากและเขายังใช้การควบคุมเปลวไฟอย่างหนักหน่วงทั้งร่างกายและจิตใจของโนอาห์ก็อ่อนล้า แม้ว่าการเผามอนสเตอร์จะเติมพลังให้กับโนอาห์ แต่เสียงร้องของมอนสเตอร์ที่เขาเผาก็ดึงดูดมอนสเตอร์จาก ความมืดเข้ามามากขึ้น เมื่อเขารู้ตัวอีกที่เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางฝูงมอนสเตอร์แล้ว
ระหว่างการต่อสู้ โนอาห์ได้เผาซากศพของมอนสเตอร์อย่างน้อยสามตัวจนหมดเพื่อไม่ให้พลังงานของเขาหมดโชคดีที่เทคนิคที่เขาสร้างขึ้นในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั้นค่อนข้างมีประโยชน์เมื่อต้องรับมือกับศัตรูจํานวนมากและด้วยพลังงานจากมอนสเตอร์ที่เขาเผาผลาญระหว่างการต่อสู้โนอาห์จึงสามารถใช้เทคนิคนี้ได้มากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่สามารถพูดได้อย่างมั่นใจก็คือว่าถ้าในตอนท้ายของการต่อสู้มีกระดานปรากฏว่าใครมีส่วนสนับสนุนมากที่สุดในระหว่างการจู่โจมครั้งนี้ โนอาห์จะต้องเป็นที่หนึ่งอย่างแน่นอนและเขาจะต้องมีคะแนนห่างจากที่สองเป็นจํานวนมากแน่ๆ
โนอาห์เหนื่อยมากเสียจนเขาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าอยู่บนพื้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแต่ผู้รักษาในทีมของเขาก็ยังใช้พรของเขาเพื่อช่วยในเรื่องความเหนื่อยล้าที่เขาพบเจอ
การเห็นโนอาห์ต่อสู้ทําให้กลุ่มของเขาตกใจมาก แต่การเห็นเขาทําแบบนั้นมากกว่าหนึ่งครั้งแถมครั้งถัดไปกลับเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าทําไมพวกเขาตกใจมากขึ้นไปอีก
ทุกครั้งที่พวกเขาคิดว่าโนอาห์กําลังจะหมดพลังงานเนื่องจากเขาเริ่มชะลอตัวในขณะที่เขาทําการเคลื่อนย้ายและใช้ความสามารถนั้น เขาก็เพิ่มความเร็วของเขาทันทีและสร้างความเสียหายมากกว่าที่เขาเคยทํามาก่อน
แม้แต่มูแฟกกรามของเขาตกลงไปเมื่อเขาเห็นการต่อสู้ของโนอาห์ เขาเคยเห็นการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมาก่อน แต่เขาไม่เคยเห็นคนแบบโนอาห์ที่เคลื่อนย้ายและฆ่ามอนสเตอร์จํานวน มากอย่างรวดเร็วด้วยเปลวไฟประหลาดของเขา
ขณะที่โนอาห์หายใจแรงอยู่บนพื้น เขาก็มองดูหน้าต่างค่าสถานะด้วยความโกรธเพราะเขาไม่บรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการ
[ผู้ใช้: โนอาห์ สเติร์น]
[เลเวล: 03]
[ประสบการณ์: 101/1,600]
[HP: 14/14]
[ความแข็งแรง: 14]
[ความคล่องตัว: 14]
[ความแข็งแกร่ง: 14]
[สกิละ
เปลวไฟจากนรก เลเวล: 03 : 79/2,500
คําอธิบายสกิล: เทคนิคที่ประกอบไปด้วยการอัญเชิญเปลวไฟแห่งนรกขึ้นมา เปลวไฟแห่งนรกไม่ต่างไปจากเปลวไฟธรรมดา แต่หลังจากชําระคนบาปและบาปมากมายมันก็กลายเป็นเปลวไฟที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถเผาได้กระทั้งเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิง เพื่อเพิ่มพลังของความสามารถนี้คุณจะต้องเผาบาปหรือคนบาป]
ควบ
[** หลังจากถึงเลเวล 03 ร่างกายของผู้ใช้จะปรับตัวให้เข้ากับเปลวไฟได้ดีขึ้นและควบ คุมเปลวไฟได้เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น นอกจากนี้เปลวไฟยังสามารถชําระล้างมนุษย์ที่สึกกร่อนจาก บาปได้แล้ว ยิ่งบาปของมนุษย์มากเท่าใด ผลประโยชน์ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น **)
[หลักแห่งไฟ เลเวล: 02 ร่างกายของผู้ใช้จะปรับตัวให้เข้ากับเปลวไฟได้ดีขึ้นและการควบ คุมมันก็เป็นธรรมชาติมากขึ้นเล็กน้อยนอกจากนี้ยังทําให้มนุษย์ได้รับการกัดกร่อนจากบาป มนุษย์ ที่มีบาปเพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถชําระล้างได้)
[อุโมงค์นรก เลเวล: 01 : 297/300
ทักษะที่สามารถทําให้เปิดอุโมงค์สู่นรกและออกไปที่อื่นได้ในเสี้ยววินาทียิ่งระยะทางไกลมาก เท่าไหร่พลังงานที่จะใช้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น)
นรกได้กักขังวิญญาณของคนบาปไว้ในอุโมงค์นี้มาตั้งแต่ทุกสิ่งมีชีวิตถือกําเนิดขึ้น และกังขังมา ชั่วนิรันดร์ เพื่อรองรับปีศาจและวิญญาณจํานวนมากพื้นที่นี้จึงขยายตัวมากกว่าโลกของสิ่งมีชีวิต หลายเท่า เมื่อใดก็ตามที่ลูซิเฟอร์เดินผ่านอุโมงค์เหล่านี้ผู้คนก็จะรู้ว่าเขากําลังเคลื่อนย้ายไปที่ไหน สักแห่ง และเขาก็สามารถเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ได้ที่อุโมงค์นี้ไปถึงเหล่าผู้คนจะคิดว่าเขากําลังเทเล พอร์ต
ในตอนนี้โนอาห์เหนื่อยมาก แม้ว่าเขาจะเห็นว่าเหลือเพียง 3 ค่าประสบการณ์ทักษะ อุโมงค์นรก] ของเขาก้จะพัฒนาขึ้น แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะพยายามหาพวกมันเพิ่มในตอนนี้อยู่ดี
โนอาห์รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นนักวิ่งมาราธอนที่วิ่ง 160 กิโลเมตร และทันทีที่เขาหยุดพัก ผ่อนและหายใจ ก็มีคนมาขอให้เขาวิ่งอีก 10 กิโลเมตร หากคนๆนั้นปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้ เขาก็คงจะวิ่งให้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้กล้ามเนื้อของเขาผ่อนคลายลงแล้วและเขาไม่สา มารถแม้แต่จะเดินต่อได้เลยด้วยซ้ํา
“ไอ้บ้าเอ้ย ถ้าฉันรู้ว่าเหลืออีกเพียงแค่ 3 ค่าประสบการณ์ทักษะของฉันจะพัฒนาแล้วละก็ฉัน จะต่อสู้ต่อไปอีกสองสามนาที่เพื่อให้อะดรีนาลีนของฉันอยู่ในระดับสูงที่สุดเหมือนเดิมแต่ก็ช่างมัน เถอะ มันไม่ใช่ปัญหาในการต่อสู้ครั้งต่อไป ฉันจะเริ่มระดับของทักษะนี้อย่างแน่นอน” โนอาห์ คิดและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับตัวเอง
“พวกนายดูนี่สิ…” นักเวทย์สายฟ้าใช้เวทย์มนตร์ของเขาเพื่อสร้างแสงสว่างขึ้นมาภายในห้องเนื่องจากเปลวไฟของโนอาห์ได้ดับลงไปแล้ว
โนอาห์ยังคงนอนหอบอยู่บนพื้น เขามองไปด้านข้างเพื่อมองดูว่านักเวทย์สายฟ้าชี้ไปที่อะไร
ข้างหน้าของเขาซึ่งส่องสว่างด้วยแสงสีขาวที่เกิดจากไฟฟ้า พวกเขาก็เห็นร่างของคนแคระที่อยู่ตรงนั้น
เมื่อเห็นศพของคนแคระมูแฟกก็วิ่งไปในทิศทางนั้นเพื่อพยายามดูศพนั้นว่าเป็นใคร เขาหวังว่าศพนั้นจะไม่ใช่พ่อของเขา
และก็เป็นเรื่องดีที่ศพนั้นไม่ใช่พ่อของแฟกมแฟกไม่รู้จักคนๆนั้น เขาคิดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในคนแคระที่หนีออกมาจากโบกี้โดยสารนั้น
ในขณะที่พวกเขาเดินต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ค่อยๆพบกับศพเพิ่มขึ้นทุกทีๆ แต่ไม่มีศพไหนที่เป็นพ่อแม่ของมูแฟก
จนกระทั่งพวกเขาพบกับสิ่งที่ดูเหมือนภูเขา แต่นั่นไม่ใช่ภูเขาที่สร้างขึ้นมาจากดิน แต่ เป็นภูเขาที่สร้างขึ้นมาจากซากศพ
เมื่อมูแฟกเห็นภูเขาลูกนี้เขาก็เริ่มสั่นและพึมพําออกมา
“เป็นไปไม่ได้”
“ได้โปรดอย่า…”
“ฉันจะทํายังไงดี…”
ขณะที่มูแฟกกําลังร้องไห้อย่างสิ้นหวัง นักเวทย์สายฟ้าก็เดินเข้าไปเอามือแตะไหล่ของคนแคระตัวน้อยเพื่อพยายามปลอบโยนเขา โนอาห์ไม่ต้องแปลในสิ่งที่คนแคระพูด หรือต้องบอกให้พวกเขาทําอะไรเพราะทุกคนที่อยู่ที่นั่นเข้าใจความรู้สึกของคนแคระดี
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสื่อสารกับมูแฟกได้โดยตรง แต่จากที่โนอาห์ได้พูดคุยกับมูแฟกแล้วบอกกับพวกเขา พวกเขาก็พบว่าสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเจอในป้อมปราการ ไม่ได้เกิดจากป้อมปราการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ดังนั้นพวกเขาจึงลงเอยด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อเด็กชายที่อาจสูญเสียทั้งครอบครัวบนรถไฟขบวนนี้และเมื่อทุกคนเห็นเด็กชายเป็นแบบนี้นั่นก็ทําให้ทุกคนรู้สึกหนักใจ
น่าเสียดายที่มูแฟกไม่ใช่สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องเผชิญในสถานที่นั้น ขณะที่พวกเขาพยายามปลอบโยนเด็กชายที่มองดูซากศพของคนแคระและหวังว่าพ่อแม่ของเขาจะไม่อยู่ที่นั่นดวงตาที่สดใส คู่หนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลังกองศพ
เมื่อเห็นดวงตาคู่นั้น ผู้ถูกเลือกทั้ง 16 คนก็ชะงักไปชั่วขณะ แม้แต่โนอาห์ที่หอบเหนื่อยเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนตอนนี้ก็ยังกลั้นหายใจเพื่อรอดูว่ามอนสเตอร์ตาโตตัวใหญ่ตัวนี้จะทําอะไร
แม้ว่าเขาจะเหนื่อย แต่อะดรีนาลีนที่สูบฉีดผ่านร่างกายของโนอาห์อีกครั้งก็ทํา ให้เขาลืมความเหนื่อยล้าไปในทันที
โนอาห์เพิ่มอัตราการเผาในมอนสเตอร์ที่ตายแล้วโดยไม่รู้ตัว เพื่อสร้างพลังงานให้ตัวเองให้มากยิ่งขึ้น
ในจิตใจของผู้ถูกเลือกทั้งหมดมีคําๆหนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัวของพวกเขาทันทีที่พวกเขาเห็นดวงตาคู่โตอันสดใส ซึ่งมันดูใหญ่กว่าของมอนสเตอร์ก่อนหน้านี้สองสามเท่าในตอนที่พวกเขารับมี อกับมอนสเตอร์พวกนั้น
“หัวหน้า…”
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาคิดขณะจ้องไปที่มอนสเตอร์ตัวใหญ่ที่จ้องมาที่พวกเขาราวกับว่าพวกเขาเป็นอาหารมื้อต่อไปของมัน แม้ว่าด้านหน้าของมันจะเต็มไปด้วยภูเขาศพที่สร้างขึ้นจากคน แคระแล้วก็ตาม