ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 380
จื่ออันพอได้ยินดังนั้น ก็ค่อย ๆ ยิ้มขึ้นมา คนนอกที่หลี่ซื่อพูดถึงคงจะหมายถึงตัวนางกระมัง?
เหล่าผู้อาวุโสที่ได้ยินดังนั้น ต่างก็มองหน้ากัน นิสัยของเหลี่ยงซื่อก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร จะมีใจริษยาบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งครั้งนี้ก็ถูกไฟเผาจนเกือบจะต้องตาย ก็เลยเกิดความคิดที่ไม่ดีเช่นนี้
หรืออาจจะเป็นเพราะ ถูกคนหลอกใช้จริง ๆ อันที่จริงคนนอกก็พูดกันว่าเซี่ยจื่ออันเป็นคนที่มีแผนการสูง
ซีเหมินเสี่ยวเยว่มองไปที่เหลียงซื่ออย่างมีชัย ก็นึกว่านางจะมีหลักฐานอะไร ก็แค่วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน พูดขึ้นมาลอย ๆใครเขาจะไปเชื่อ?
แต่ว่านางก็ไม่ได้แสดงออกถึงการที่ตนถือไพ่เหนือกว่าออกมาให้ใครเห็น นางลุกขึ้น แล้วเดินไปคุกเข่าลงต่อหน้าไท่เป่า “ท่านปู่ห้า เรื่องนี้จะโทษอาสะใภ้รองก็คงไม่ได้ เดิมทีก็เป็นเพราะข้าจัดการได้ไม่ดีพอ ในวันแต่งงานตอนนั้น เนื่องจากบุตรสาวคนโตของจวนมหาเสนาบดีไม่ยอมคำนับข้าเป็นแม่ นางไม่ได้คุกเข่าโขกศีรษะและยกน้ำชาให้ข้า ดังนั้นจึงทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยบ่นให้อาสะใภ้รองฟัง ซึ่งท่านอาก็เห็นว่าที่นางทำเช่นนั้นเป็นการไม่ไว้หน้าจวนกั๋วกงของเรา จึงอยากช่วยระบายความคับข้องใจของข้าให้ ข้าก็ได้พยายามห้ามปรามนางแล้ว แต่ในตอนนั้น นางโกรธมาก ห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง ข้าเลยนำเรื่องนี้ไปบอกกับมหาเสนาบดีเซี่ยเป็นการส่วนตัว ท่านพี่ไม่รู้จักนิสัยของอาสะใภ้รองดีพอ คิดว่านางแค่พูดเฉย ๆ บอกให้ข้าไม่ต้องไปสนใจ ใครจะไปรู้ ท่านอากลับไปร่วมมือกับบุตรชายนางใส่ร้ายเซี่ยจื่ออันจริง ๆ กว่าพวกเราจะรู้เรื่องมันก็สายไปเสียแล้ว เรื่องนี้ต้องโทษข้า หากในตอนนั้นข้าทำอะไรบ้าง หรือไม่ก็ส่งนางกลับจวน ก็คงจะไม่เกิดเรื่องขึ้นมามากมายเช่นนี้”
ไท่เป่ากล่าว อืม แล้วถามต่อ “เช่นนั้น เรื่องที่เกิดหลังจากนั้นเล่า เหตุเพลิงไหม้นี่มันยังไงกัน?
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ค่อย ๆ ถอนหายใจเบา ๆ “ท่านปู่ห้าเจ้าคะ เรื่องนี้ทางศาลาว่าการกำลังตรวจสอบอยู่ แต่ว่าพวกเราล้วนหวังว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุ เพราะว่าในวันนั้นนอกจากที่เรือนด้านข้างจะเกิดเหตุเพลิงไหม้แล้ว ที่เรือนหอก็เกิดไฟไหม้เช่นกัน ข้ากับหงฮัว และซือหลิวบ่าวรับใช้ของข้าต่างก็ติดอยู่ในเหตุเพลิงไหม้นั้น ดูบาดแผลบนตัวของข้าสิเจ้าคะ ล้วนก็เกิดจากเหตุการณ์ในวันนั้น”
“เจ้าบอกว่าหวังว่าจะเป็นอุบัติเหตุ เจ้าหมายถึงเจ้าเองก็ยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่ว่า จะมีคนวางเพลิงออกไปใช่หรือไม่? ไท่เป่าจับเคราไปพลางถามไปพลาง
ซีเหมินเสี่ยวเยว่กล่าว “เรื่องนี้ข้าพูดไปก็คงจะไม่ดี เพราะทางศาลาว่าการก็กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ ส่วนเรื่องการวางยาพิษ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงเลย เพราะว่าล้วนนั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน ดื่มสุราจากไหเดียวกัน เหล่าไท่จวินกับซุยไท่เฟยก็อยู่ที่นั่นด้วย จะวางยาลงในไหได้อย่างไร หากจะบอกว่าวางยาในจอกสุรา แต่ว่าชามตะเกียบและจอกสุราก็ถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ใครจะนั่งตรงไหนก็ไม่มีใครรู้ อยากนั่งตรงไหนก็นั่ง อาสะใภ้รองที่นั่งอยู่ตรงมุมด้านซ้ายก็ไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้ ขอถามท่านปู่ห้าเล็กน้อย แล้วจะวางยาได้เช่นไร?”
“อย่างนั้น ที่นางบอกว่าไม่มีเรี่ยวแรง วิงเวียนศีรษะ คนอื่น ๆ ไม่ได้มีอาการเช่นนี้หรือ?” ไท่เป่าเอ่ยถาม
ซีเหมินเสี่ยวเยว่มองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านแม่ หลังจากเกิดเรื่องแล้วมีแขกคนใดพูดว่าวิงเวียนศีรษะ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงหรือไม่?”
ฮูหยินผู้เฒ่าที่เห็นว่านางพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น ความชิงชังก่อนหน้านี้ที่มีต่อนางจึงได้ลดลงไปบ้าง “ไม่มี ตอนที่แขกเหรื่อทุกคนกำลังจะกลับ ก็ไม่เห็นว่าพวกเขาจะมีอาการผิดปกติอะไร”
ไท่เป่าพยักหน้า จากนั้นก็ถามเหลียงซื่อ “ฮูหยินรอง ตามที่นางกล่าวมา ไม่มีทางจะวางยาได้แน่ ๆ เจ้าลองคิดดูดี ๆ ยังมีเหตุการณ์ใดที่เจ้าหลงลืมไปหรือไม่?”
ตอนที่เหลียงซื่อได้ยินที่ซีเหมินเสี่ยวเยว่กล่าว นางก็ไม่ได้พูดขัดขึ้นมาเพื่อแก้ต่างให้ตนเองเลย ทำให้ทุกคนต่างคิดว่านางจนมุมแล้ว แต่ว่ามีเพียงจื่ออันคนเดียวที่รู้ว่าวันนี้นางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ที่นางยิงคำถามออกไปก่อนแต่กลับไม่มีหลักฐาน ก็เพราะต้องการให้ซีเหมินเสี่ยวเยว่กับคนจากจวนมหาเสนาบดีพูดออกมาให้มากหน่อย ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ ก็จะเผยพิรุธออกมามากขึ้นเท่านั้น
และคนที่นางเชื่อว่าจะหาพิรุธนี้พบ นั่นก็คือใต้เท้าไท่เป่าผู้นี้นี่เอง
จื่ออันคิดว่าใต้เท้าไท่เป่าผู้นี้นอกจากจะมีดวงตาเฉียบคมแล้ว เขายังเป็นคนที่คิดอะไรอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะว่า นางสังเกตตอนที่เขากำลังฟังอยู่ เขาตั้งใจพินิจพิเคราะห์เป็นอย่างมาก เมื่อฟังถึงจุดที่น่าสงสัย เขาก็ยังไม่ถามออกมา แต่ดวงตาของเขาก็ยังคงจดจ่ออย่างแน่วแน่