ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 383
เหลียงซื่อพูดพลาง จู่ ๆ ก็เหมือนว่านางจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิ ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะนำสินสอดกลับมาส่วนหนึ่ง แล้วส่วนหนึ่งที่ว่านั่นได้นำกลับมาแล้วหรือยัง?”
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ตอบอย่างไม่ได้สนใจอะไร แต่นางก็ได้พูดโกหกออกไป “ทั้งหมดก็อยู่ในเรือนด้านข้างมิใช่หรือ? ถูกไฟเผาไปหมดแล้ว”
ก่อนจะเริ่มแผนการวางเพลิง นางได้สั่งคนให้มาย้ายสินสอด และเงินถมสินสอดออกไปจนหมดแล้ว
เหลียงซื่อมองไปที่ปิ่นปักผมบนศีรษะนาง “ปิ่นนั่นก็เป็นสินสอดนี่ ข้าเอาไว้ในกล่องเครื่องประดับ และเก็บไว้ในหีบเก็บสินสอดด้วยมือของข้าเอง หากถูกไฟเผาจนไม่เหลือแล้ว เหตุใดเจ้าถึงนำออกมาปักอยู่ได้เล่า?”
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ยื่นมือออกไปลูบปิ่นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าค่อนข้างตึงเครียด “อันนี้… หรือ? อันนี้ใช่ไหมเจ้าคะ?”
“ไม่ผิดแน่ สินสอดของเจ้าข้าเป็นผู้ดูแลให้ด้วยตนเอง เครื่องประดับบนศีรษะของเจ้าทุกชิ้น ล้วนเป็นข้าที่สั่งช่างฝีมือให้เร่งทำให้เจ้าทั้งวันทั้งคืนจนเสร็จ” เหลียงซื่อจ้องไปที่นางพลางกล่าว
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ชะงักงันไปชั่วขณะ เพิ่งจะบอกไปว่าถูกเผาไปแล้ว จะพูดออกไปว่าไม่ได้ถูกไฟเผาแต่นางจำผิดไปก็คงจะไม่ได้? หากยอมรับว่าสินสอดไม่ได้ถูกเผา จะไม่เป็นการบอกต่อทุกคนเหรอว่านางมีใจคิดคดไม่ซื่อตรง?
อีกอย่าง เรื่องที่จะนำสินสอดกลับมาเป็นเรื่องที่น่าขายหน้า นางยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ทำให้รู้สึกลำบากใจจริง ๆ เหล่าผู้อาวุโสที่นั่งกันอยู่ต่างก็มองมากันแล้ว
“เดิมทีสินสอดก็ถูกนำไปเก็บไว้ที่เรือนด้านข้าง ตอนที่คุณหนูใหญ่กับข้าเข้าไปตรวจนับ สินสอดก็ควรที่จะต้องอยู่ด้านในทั้งหมด หลังจากที่ข้านำกลับมาส่วนหนึ่ง ที่เหลือเจ้าถึงจะสามารถเก็บเข้าคลังได้ มิใช่หรือ? แต่ว่าตอนที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ข้ากับคุณหนูใหญ่ก็ไม่ได้ออกไปไหน อยู่จนไฟดับไปจนหมด เรือนด้านข้างไม่เหลือสิ่งใดเลย ข้าขอถามหน่อยว่าเครื่องประดับเหล่านี้เจ้านำออกมาได้อย่างไร? “จู่ ๆ เหลียงซื่อก็พูดเสียงดังขึ้น
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ตื่นตระหนกจนลิ้นแทบจะพันกันอยู่แล้ว นางอึก ๆ อัก ๆ ได้แต่พูดพึมพำยอมรับออกไป “ข้าได้นำสินสอดออกมาส่วนหนึ่งแล้ว แต่อาสะใภ้รองไม่ทราบเรื่องนี้เจ้าค่ะ”
“เจ้านำออกมาตอนไหนหรือ? เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องเลยเล่า? ตอนที่เจ้าแต่งงานนอกจากในช่วงพิธีการที่ข้าไม่ได้อยู่ข้างเจ้า แต่หลังจากนั้นช่วงเวลาอื่น ข้าก็อยู่กับเจ้ามาโดยตลอด” เหลียงซื่อถามอย่างคาดคั้น
“เรื่องนั้น เรื่องนั้น…” ซีเหมินเสี่ยวเยว่คิดอย่างหนัก คิดหาช่วงเวลาที่เหลียงซื่อไม่ได้อยู่กับนาง
“ใต้เท้าไท่เป่า!” เหลียงซื่อกล่าวขึ้นมาอย่างดุดัน “เรื่องนี้ยังมีเงื่อนงำ ขอให้ท่านช่วยตรวจสอบให้กระจ่างด้วย สินสอดทุกชิ้นที่ถูกส่งมา ข้ามั่นใจมากว่าล้วนอยู่ในเรือนด้านข้าง หีบเครื่องประดับก็ล็อกเอาไว้ ซึ่งกุญแจที่ใช้ไขก็อยู่ที่ข้าเพียงคนเดียว ถึงแม้จะสามารถทุบแม่กุญแจให้หลุดออกไปได้ แต่ว่าการที่เอาสินสอดออกไปเพียงบางส่วนในวันแต่งงานไม่ดูแปลกไปหน่อยหรือ? หากไม่เอาไปเพียงบางส่วนแต่ยกออกไปทั้งหีบ แล้วเหตุใดต้องยกออกไปด้วยเล่า? วางไว้ที่เรือนด้านข้างที่ไม่มีคนเฝ้า เพราะนางรู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ สินสอดเหล่าก็จะถูกเผาไหม้จนไม่เหลืออย่างไรล่ะเจ้าคะ”
“อาสะใภ้รอง ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายท่านเลยนะเจ้าคะ ท่านอย่าได้คิดมากจนเกินไป หากท่านไม่ยินดียกเงินถมสินสอดเหล่านี้ให้แก่ข้า ข้าคืนให้ท่านก็ได้” ซีเหมินเสี่ยวเยว่กล่าวอย่างน่าสงสาร
ไท่เป่ากล่าวกับเหลียงซื่อด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยจะพอใจเล็กน้อย “เอาล่ะ เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยจริง ๆ ดูท่าวันนี้หากไม่ถามให้กระจ่าง เจ้าก็คงไม่ยอมเป็นแน่”
พูดจบ เขาก็มองไปที่ซีเหมินเสี่ยวเยว่ “เจ้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ข้าฟังอีกรอบทีซิ แล้วข้าจะให้ความเป็นธรรมกับพวกเจ้า”
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ถูกเหลียงซื่อทำให้รู้สึกตกใจ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนี้ไท่เป่ายังจะให้นางเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีกรอบอีก นางจำต้องตั้งสติให้ดี เล่าเรื่องของวันนั้นตั้งแต่ต้นออกมา “…พิธียกน้ำชาที่ทำให้ข้ารู้สึกไม่ดี ข้าก็ไม่อยากจดจำมันสักเท่าไหร่ หลังจากที่กลับมาที่เรือนหอแล้ว อาสะใภ้รองเห็นว่าข้าดูอารมณ์ไม่ดี ก็เลยถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วข้า…” พอนางพูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ นางก็เริ่มสับสน ลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้นางได้พูดอะไรออกไป
หลังจากที่นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไท่เป่าก็ได้เตือนสตินางขึ้นมา “เจ้าบอกว่าได้บ่นให้ฮูหยินรองฟัง”
ซีเหมินเสี่ยวเยว่พยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ หลังจากที่ข้าบ่นให้นางฟังแล้ว อาสะใภ้รองจึงอยากจะสั่งสอนจื่ออัน ข้าห้ามปรามนางแล้ว แน่ว่าห้ามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล”
ไท่เป่าพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “อืม หลังจากนั้นมหาเสนาบดีเซี่ยก็เข้ามา เจ้าก็เลยเล่าให้เขาฟัง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะคิดว่าฮูหยินรองไม่น่าจะลงมือจริง ๆ”
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ค่อย ๆ พยักหน้า นางลืมไปแล้วว่าเคยพูดอะไรไว้ “ใช่เจ้าค่ะ เขากล่าวว่าวันนี้เป็นวันมงคล อาสะใภ้รองเป็นคนที่รู้ว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ น่าจะไม่ทำอะไรที่สิ้นคิด ด้วยเหตุนี้จึงได้ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น”