ขณะที่พวกเขาเดินไปที่โบกี้ถัดไป โนอาห์รู้สึกว่าการพัฒนาที่เขาได้รับจากการอัพเลเวลนั้นดีมากอีกครั้ง เพราะมันไม่เพียงแต่จะทำให้สิ่งที่โนอาห์คิดเป็นจริง แต่ยังรวมถึงค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นของเขาอีกด้วย
ครั้งนี้ในการอัพเลเวลของเขานั้นค่าสถานะทั้งหมดของเขาได้เพิ่มขึ้นมา 2 แต้ม นั่นหมายถึงการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นประมาณ 17 เปอร์เซ็นจากที่เขาเคยมี นี่เป็นสิ่งที่โนอาห์ชื่นชอบอย่างมากในการเพิ่มเลเวล
เนื่องจากมอนสเตอร์จะแข็งแกร่งขึ้นและต้านทานมากขึ้นในป้อมปราการถัดไป มันคงไม่ดีนักที่จะมีเทคนิคการใช้มีดสั้นและการต่อสู้แบบประชิดตัวที่ดี แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะเจาะผิวหนังของมอนเตอร์ที่เขากำลังโจมตีได้
การเป็นนักเวทย์นั้นดี การใช้เวทย์มนตร์ในการบุกป้อมปราการก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าโนอาห์ไม่สามารถทำลายตาทั้งสองข้างของมอนเตอร์ได้ในการต่อสู้ที่พวกเขาเพิ่งผ่านมา เขามั่นใจว่าการต่อสู้จะต้องกินเวลาอย่างน้อยสองหรือสามเท่าจากเวลาที่เขาใช้แน่นอน
โบกี้รถไฟโบกี้นี้แตกต่างจากโบกี้ก่อนซึ่งถูกล้อมรอบด้วยกล่องโลหะที่หนักมากๆ โบกี้นี้มีขนาดกว้างขวางกว่าอย่างน่าประหลาดใจ และไม่มีอะไรที่จะขัดขวางผู้ถูกเลือกให้ไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้
สิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆในตัวโนอาห์ เนื่องจากเมื่อเขามองไปรอบๆและวัดขนาดของมันทางจิตใจเขาก็เห็นได้ชัดว่ามันกว้างกว่าถึง 300 เมตร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแสงที่น้อยมากๆ จนทำให้เขามองไม่เห็นปลายของโบกี้นี้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขาคิดได้คือ
‘รถไฟขบวนนี้ขยับได้ยังไง? เป็นข้อเท็จจริงทั่วไปที่ยิ่งมวลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้สิ่งที่จะทำให้มวลนั้นขยับมากขึ้นเท่านั้น สำหรับรถไฟขนาดใหญ่ที่มีเทคโนโลยีที่ดูป่าเถื่อนขบวนนี้ ปริมาณเชื้อเพลิงที่จำเป็นในการขับเคลื่อนรถไฟขบวนนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย…’
ความคิดนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับโนอาห์เท่านั้น ด้วยการแสดงออกถึงความสับสน เห็นได้ชัดว่าผู้ถูกเลือกคนอื่นๆก็มีความคิดที่คล้ายคลึงกัน
หลังจากที่พวกเขาเดินในรถที่ว่างเปล่าเป็นเวลาสามนาที ความรู้สึกแปลกๆก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา แม้ว่ามันจะหมายถึงอันตราย แต่ผู้ถูกเลือกก็เริ่มต้องการให้มอนเตอร์บางชนิดปรากฏขึ้นเร็วๆ เพราะอย่างน้อยมันจะได้นำไปสู่สถานการณ์ที่คุ้นเคยของพวกเขา
และราวกับว่าป้อมปราการตอบสนองต่อคำพูดขอของพวกเขา รอยเลือดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งที่หน้าเส้นทางที่พวกเขาเดิน
โนอาห์ก้มลงมองดูเลือดและเหมือนกับรอยเลือดครั้งที่แล้ว มันดูเหมือนเลือดมนุษย์หรืออาจจะเป็นคนแคระ
‘ในป้อมปราการนี้ยังมีคนแคระอีกงั้นเหรอ?’
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ โนอาห์ก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะพวกเขาน่าจะได้คำตอบหากพบกับคนแคระที่ยังมีชีวิตอยู่
สิ่งที่ทำให้ทั้งกลุ่มกังวลคือปริมาณเลือดที่ไหลตามพื้นในครั้งนี้มันมากกว่าครั้งก่อนมาก หากการประมาณของโนอาห์ถูกต้อง ด้วยจำนวนเลือดนั้นคนแคระที่ได้รับบาดเจ็บนั้นจะต้องถูกตัดอย่างน้อยสามครั้ง หรือเลือดนั้นอาจจะไม่ได้มาจากคนแคระเพียงคนเดียว ซึ่งนั่นจะทำให้กลุ่มของพวกเขาน่าเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก
การตามรอยไม่เป็นปัญหาสำหรับคนทั้งกลุ่ม ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงแหล่งที่มาของเลือด และตามที่คาดไว้ พวกเขาเห็นคนแคระที่ตายแล้วและมอนเตอร์ที่กำลังกินเนื้อของคนแคระคนนั้นและบดกระดูกของเขาด้วยปากโตๆที่มันมี
อย่างไรก็ตามคราวนี้แทนที่จะเป็นเพียงซากศพเพียงซากเดียวที่ถูกทำลายอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่ามีศพทั้งหมดอยู่ 6 ศพตามจำนวนหัวที่พวกเขาพบกระจัดกระจายอยู่ในบริเวณนั้น และแทนที่จะเป็นสัตว์มอนเตอร์เพียงตัวเดียวที่กำลังกินคนแคระอยู่ แต่จริงๆแล้วกลับมีมอนเตอร์ทั้งหมดสามตัว
เห็นได้ชัดว่ามอนเตอร์เหล่านี้เป็นสายพันธุ์เดียวกับมอนเตอร์ที่พวกเขาเพิ่งต่อสู้ด้วย รูปลักษณ์ของพวกมันเหมือนกับมอนเตอร์ตัวอื่นๆ
และนี่ค่อนข้างไม่เป็นที่พอใจสำหรับคนในกลุ่ม เนื่องจากวิธีที่พวกมันเคี้ยวกระดูกของคนแคระ ความง่ายดายที่พวกมันทำก็แสดงให้เห็นว่าการกัดของพวกมันนั้นมีพลังมากเพียงใด
“นายจัดการหนึ่งในนั้นได้ไหม?” โนอาห์ถามเสียงต่ำโดยไม่ละสายตาจากมอนเตอร์
แจสเปอร์รู้ว่าโนอาห์กำลังคุยกับเขา ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาตอบทั้งๆที่มีท่าทางไม่แน่ใจเล็กน้อยว่า
“จากที่ฉันเห็น ความเร็วของพวกมันน้อยกว่าของฉันเพียงเล็กน้อยเมื่อฉันใช้พรของฉัน การจัดการกับพวกมันสองตัวคงเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่าการจัดการกับพวกมันเพียงตัวเดียว ฉันเชื่อว่ามันน่าจะโอเค พวกมันมีพลังมากกว่ามอนสเตอร์ระดับ D ปกติ แม้ว่าฉันจะมั่นใจในการจัดการกับมอนสเตอร์ระดับ D ทั่วไป แต่มอนสเตอร์เหล่านี้ก็มีบางอย่างที่พิเศษไปจากมอนเตอร์ปกติ”
โนอาห์เห็นด้วยกับคำตัดสินของแจสเปอร์ เขายังรู้สึกว่ามอนสเตอร์เหล่านี้มีพลังมากกว่ามอนสเตอร์ระดับ D ทั่วไป น่าเสียดายที่กลุ่มของพวกเขาโชคไม่ดีที่มาอยู่ในป้อมปราการระดับ D ระดับสูงสุดตั้งแต่ครั้งแรก
“โอเค งั้นนายไปจัดการมอนสเตอร์ทางขวา ส่วนสองตัวทางซ้ายฉันจะจัดการเอง ฉันคิดว่าให้กลุ่มจัดการมอนเตอร์ของนายก่อนจะดีกว่า เพราะฉันน่าจะสู้กับพวกมันได้อีกสักพักโดยที่ไม่มีความเสี่ยงอะไร” โนอาห์แนะนำ
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หัวหน้ากลุ่ม แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะพูดที่นี่ โดยปกติสิทธิ์ประเภทนี้จะถูกมอบให้กับผู้ถูกเลือกที่จะทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจของมอนเตอร์ ดังนั้นในการอภิปรายกลยุทธ์เกือบทั้งหมด แจสเปอร์ก็มีสิทธิ์เสนอบางสิ่งที่เขาพิจารณาแล้วว่าปลอดภัยกว่าด้วยขีดจำกัดความสามารถของเขาเอง
เมื่อได้ยินข้อเสนอของโนอาห์ ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆก็กังวล การจัดการกับมอนเตอร์เพียงตัวเดียวในครั้งก่อนนั้นค่อนข้างยาก แต่ตอนนี้พวกเขาจะต้องจัดการกับมอนเตอร์ทั้งสามตัวพร้อมกัน
พวกเขารู้ว่าตราบใดที่โนอาห์สามารถเคลื่อนย้ายได้ มันก็แทบจะไม่มีใครแตะต้องเขาได้ แต่จุดอ่อนของความสามารถนี้มักจะมีค่าใช้จ่ายสูง พวกเขาไม่สามารถรักษากลยุทธ์นี้ไว้ในระยะยาวได้ สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือโนอาห์มีแหล่งพลังงานที่แทบจะไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่เขาสามารถฆ่ามอนสเตอร์ได้ เขาจะไม่มีวันหมดพลัง เพราะมอนเตอร์แต่ละตัวให้พลังงานมากกว่าที่เขาใช้ไป นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าทักษะ [เปลวไฟแห่งนรก] ของเขาเกือบจะถึงระดับ 03 แล้ว
โนอาห์เริ่มเดินไปทางมอนสเตอร์สองตัวทางด้านซ้าย ประสานการเดินของเขาเองกับเสียงของมอนเตอร์ที่กำลังกัดเนื้อและกระดูกของคนแคระ
เขาใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าแสงไฟที่มืด และมอนเตอร์ที่กำลังฟุ้งซ่านกับอาหารของพวกมันและแทบจะไม่สังเกตเห็นเขา
แจสเปอร์ที่ดูโนอาห์ทำสิ่งนี้ก่อนจะต่อสู้กับมอนเตอร์ตัวแรก เขาก็พยายามทำเหมือนกัน
เขาว่องไวกว่าโนอาห์เพราะพรของตัวเอง ดังนั้นร่างกายของเขาจึงตอบสนองเร็วกว่าของโนอาห์ เขาคิดกับตัวเองว่าถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาพยายามทำ แต่ก็ไม่ซับซ้อนสำหรับเขาเพราะความว่องไวของเขา
เนื่องจากพรของโนอาห์โดดเด่นกว่าเจสเปอร์มาก พวกเขาจึงตัดสินใจให้แจสเปอร์ส่งเสียงและโจมตีมอนสเตอร์ที่อยู่ทางขวาก่อนที่โนอาห์จะปรากฏตัว เนื่องจากการระเบิดของโนอาห์อาจดึงดูดความสนใจของมอนสเตอร์ของแจสเปอร์ได้ง่ายกว่าที่แจสเปอร์จะทำได้
โชคดีที่พวกเขาไม่มีข้อผิดพลาดในการทำเช่นนั้น แจสเปอร์จึงใช้พรของเขาอย่างเต็มที่และกระตุ้นความเร็วอย่างรวดเร็ว เขาใช้ประโยชน์จากความว้าวุ่นใจของมอนเตอร์ในขณะที่มันกำลังกินอาหารของมัน และเช่นเดียวกับโนอาห์เขาโจมตีมีดสั้นของเขาเข้าไปในดวงตาของมอนเตอร์ตัวหนึ่ง แต่เนื่องจากความว่องไวของแจสเปอร์นั้นเหนือกว่าโนอาห์มาก เขาจึงดึงมีดสั้นออกจากตาของมอนเตอร์ได้ก่อนที่มันจะเคลื่อนไหว
เมื่อมอนเตอร์ตัวนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มอนเตอร์อีกสองตัวก็ตื่นตระหนกและมองไปที่แจสเปอร์ โนอาห์ใช้ประโยชน์จากความฟุ้งซ่านนี้และเทเลพอร์ตไปที่หน้ามอนเตอร์ตัวหนึ่งทันที ก่อนที่เขาจะแทงมีดสั้นของตัวเองเข้าไปในดวงตาของมอนเตอร์ตัวนั้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โชคไม่ดีที่ความว่องไวของโนอาห์ไม่สูงเท่ากับของแจสเปอร์ เขาจึงไม่สามารถดึงมีดสั้นออกจากตาของมอนเตอร์ได้ทันเวลา
มอนเตอร์ตัวนั้นพุ่งเข้ามาหาเขาเพื่อกัดเขาด้วยฟันที่แหลมคมขนาดใหญ่ของมันที่ยังคงเต็มไปด้วยรอยเลือดของคนแคระอยู่
โนอาห์คิดอยู่แล้วว่าเขาจะไม่สามารถเอามีดสั้นออกมาได้ และโดยไม่ต้องคิดซ้ำ เขาก็เทเลพอร์ตไปที่มอนเตอร์ตัวที่สองพร้อมกับลูกบอลไฟขนาดใหญ่ในมือของเขา
เขาโจมตีไปที่ก้นของมอนเตอร์ซึ่งนั่นทำให้มอนเตอร์เริ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเนื่องจากเปลวไฟของโนอาห์
แม้ว่าประสิทธิภาพของเปลวไฟจะไม่สูงเท่ากับมอนสเตอร์ระดับ E แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไร้ประโยชน์
แม้ว่าเปลวไฟของเทียนจะน้อยกว่ากองไฟ แต่เปลวไฟของเทียนก็ยังคงทำให้เจ็บได้อยู่ดี
เมื่อถึงจุดนั้นมอนเตอร์ทั้งสามก็กรีดร้องอย่างสิ้นหวัง ซึ่งเป็นสัญญาณให้ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆเริ่มโจมตีเพื่อกำจัดมอนสเตอร์ของแจสเปอร์อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากแจสเปอร์ยังมีมีดสั้นอยู่ในมือเพื่อปกป้องตัวเอง แม้ว่าเขาจะเทเลพอร์ตไม่ได้ แต่เขาก็ยังสามารถใช้มีดสั้นเพื่อปกป้องตัวเองจากการโจมตีที่อันตรายที่สุดได้
เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียพลังงานเมื่อเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างมอนสเตอร์ โนอาห์ได้นำพวกมันเข้ามาใกล้กันที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะที่เขาเทเลพอร์ตจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่างต่อเนื่อง
ในโบกี้ที่มืดมินเช่นนี้ การได้เห็นระเบิดเกิดขึ้นหลายๆครั้งคนที่มองมาอาจจะเข้าใจผิดว่านี่เป็นการแสดงดอกไม้ไฟ แต่แท้จริงแล้วมันคือผู้ถูกเลือกคนหนึ่งกำลังเทเลพอร์ตจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอยู่
“พวกแกจะต้องเป็นตัวยกระดับทักษะของฉันเป็นระดับที่ 03” โนอาห์พูดกับมอนเตอร์ทั้งสองในขณะที่เขาเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนย้าย