ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 391
อีกด้านหนึ่งที่ยังคงแสดงบทเศร้าอยู่
มหาเสนาบดีเซี่ยไม่เต็มใจที่จะหย่ากับซีเหมินเสี่ยวเยว่ ทว่าเขาจะทนต่อแรงกดดันจากเหลียงซื่อกับจิ้นกั๋วกงได้อย่างไร เขามองไปที่ซีเหมินเสี่ยวเยว่ด้วยใบหน้าที่แสนระทมขมขื่น กุมมือทั้งสองของนางไว้ กลั้นน้ำตาสะเอื้อนเอ่ยวาจาออกไป “รอข้าก่อนนะ แล้วข้าจะไปสู่ขอเจ้าให้กลับมาแต่งงานกับข้าอย่างสมเกียรติแน่นอน”
ซีเหมินเสี่ยวเยว่หัวใจสลาย ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังลั่น นางรับจุดจบเช่นนี้ไม่ไหวจริง ๆ นางเพิ่งจะแต่งกับเขาไป ยังไม่ทันได้ร่วมหอกับเขาเลยด้วยซ้ำ
นางเคยใช้ชีวิตที่โดดเดี่ยวคนเดียวอันแสนน่ากลัวมาแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่รีรอที่จะคว้าเอาทุกสิ่งทุกอย่างมา เพื่อที่จะได้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างกายเขา พร้อมกับเสพสุขกับตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่งของนางไป
นางอยากเป็นนายหญิงของจวนมหาเสนาบดีมาก ด้วยความรีบเร่งนี้ ทำให้นางผิดพลาด จนดูแคลนความร้ายกาจของเซี่ยจื่ออัน
มหาเสนาบดีเซี่ยเห็นนางเป็นเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะเสียดายที่การดองกับจิ้นกั๋วกงจะล้มเหลว แต่ทว่าหากแต่งผู้หญิงอย่างนางเข้าจวนไป คงจะไม่เป็นผลดีในภายภาคหน้าเป็นแน่ มิสู้รีบ ๆ ตัดความสัมพันธ์ไปจะดีกว่า
ซีเหมินเสี่ยวเยว่กลับไม่รู้เรื่อง ยังคิดว่าเขาเองก็จำใจ หลังจากนางร้องเสร็จ ก็กล่าวอย่างอ้อนวอน “ข้าจะรอท่าน และท่านก็ต้องรักษาคำพูดที่บอกกับข้าไว้ด้วยนะเจ้าคะ”
มหาเสนาบดีเซี่ยที่หวังให้นางยอมรับความผิดเอาไว้เพียงคนเดียว ดังนั้นเขาจึงโอบกอดนางเบา ๆ และพูดข้างหูนางว่า “วางใจเถิด รอให้ข้ากำจัดคนที่ขวางหูขวางตาพวกนั้นให้สิ้นซากก่อน ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครมาขัดขวางพวกเราได้อีกแล้ว”
ลึก ๆในใจเขาก็รู้สึกสมเพชตนเองอยู่เหมือนกัน ไม่เคยคิดเลยว่าเขาที่เป็นถึงมหาเสนาบดีของราชสำนัก กลับต้องมาแสดงละครหลอกลวงสตรีเช่นนี้
แต่ว่าเขาเองก็ถูกเซี่ยจื่ออันบีบบังคับจนไม่มีทางออกอื่น
หนังสือหย่าถูกเขียนขึ้นในตอนนั้น เมื่อเขียนเสร็จ มหาเสนาบดีเซี่ยก็กล่าวอ้อนวอนจิ้นกั๋วกง “ท่านจิ้นกั๋วกงได้โปรดอย่าทำให้นางลำบากใจเลย ดูแลนางให้ดี และอย่าให้ผู้ใดมารังแกนางได้”
จิ้นกั๋วกงมองไปที่มหาเสนาบดีเซี่ย ในใจมีความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะกล่าวออกมา เขาไม่คิดว่ามหาเสนาบดีเซี่ยจะจริงใจต่อซีเหมินเสี่ยวเยว่ และยังเข้าใจกระจ่างดีอีกว่า เขากำลังแสดงละคร เป้าหมายก็คือเพื่อให้นางยอมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่ในฐานะเป็นคนที่ต้องการรักษาหน้าตาของตระกูลเอาไว้ เขาเข้าใจ เพราะว่าเขาก็มีเรื่องมากมายที่เขาเองก็ยังจนปัญญาเหมือนกัน
เขาทำในสิ่งเดียวกับที่มหาเสนาบดีเซี่ยทำ ขายลูกสาวหรือลูกชายเพื่อความเจริญรุ่งเรือง ในเมื่อคนของตนเองไม่โดดเด่นอะไร ก็อาศัยการดองกับตระกูลใหญ่ ๆ เพื่อรักษาสถานะของตระกูลให้มั่นคง
ซีเหมินเสี่ยวเยว่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ไท่เป่าไม่มีทางเล่นพรรคเล่นพวก และคำให้การในวันนี้จะถูกส่งให้กับทางศาลาว่าการ
ทางจวนกั๋วกงหากอยากจะปกป้องซีเหมินเสี่ยวเยว่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ว่าต้องจ่ายเงินจำนวนมากมายมหาศาล
ยอมสูญเงินมากมายเพื่อปกป้องนาง เช่นนั้นก็จะต้องมีสิ่งตอบแทนที่เท่ากันหรือมากกว่ามาให้ หากไม่มี ก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องนาง
หนังสือหย่า มหาเสนาบดีเซี่ยเขียนออกมาอย่างรวดเร็วไม่มีสะดุดสักเล็กน้อย แต่ว่าเลือกใช้คำพูดได้อย่างสวยงาม พรรณาออกมาได้อย่างเศร้าสลด ซีเหมินเสี่ยวเยว่ที่รับหนังสือหย่ามา ก็ร้องไห้อย่างหนัก รู้สึกซาบซึ้งกับเนื้อหาในหนังสือหย่านี้เป็นอย่างมาก
จื่ออันที่เหลือบมองนาง ก็อดที่จะทอดถอนหายใจมิได้ ไม่ว่าสตรีผู้นั้นจะฉลาดเพียงใด แต่พอมีความรัก ก็จะตกอยู่ภวังค์ความคิดของตนเอง ไม่อาจวิเคราะห์สิ่งใดได้อย่างมีเหตุมีผลได้
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ไม่ใช่คนที่โง่เขลาอะไร แต่ว่านางรีบร้อนที่จะเอาชนะจนเกินไป ไม่อดทน หากคิดจะเป็นเสือที่จ้องจะกินคน ความอดทนคือสิ่งที่สำคัญมาก
จื่ออันจือเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นบทเรียน และก็จะไม่ปล่อยให้ตนเองไร้ซึ่งความอดทน แม้ว่าในใจนางจะต้องการมากเพียงใด นางก็จะไม่รู้สึกเสียดายที่จะใช้เวลามากหน่อยเพื่อรอ หรือ…วางกลอุบาย
พอจะเขียนหนังสือปลดปล่อยภรรยา มหาเสนาบดีเซี่ยก็ยกพู่กันขึ้นมา ผ่านไปนานเขาก็ยังไม่ได้เริ่มเขียน
ปลายนิ้วสั่นเล็กน้อย ปลายพู่กันก็พลอยสั่นไปด้วย
เขาเคยเขียนหนังสือหย่าให้หยวนซื่อ ที่เขียนหนังสือนั้น เป็นเพราะอารมณ์โกรธ เขาจึงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เพราะในเวลานั้นที่เขียนหนังสือหย่า เขารู้ดีว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกลวง เพื่อใช้ข่มขู่พวกนางสองแม่ลูกก็เท่านั้น
แต่ว่าในเวลานี้ เขาเองก็คิดว่าถ้าหากจะต้องหย่ากับหยวนซื่อจริง ๆ เขาก็จะเขียนอย่างไม่ลังเล
ตอนนี้ที่เขาถือพู่กันอยู่ เรื่องราวที่ผ่านมาก็ผุดขึ้นมาขึ้นในใจให้ต้องรู้สึกปวดร้าว ในสมองมีภาพวันแต่งงานในคืนนั้นผุดขึ้นมาซ้ำ ๆ เขาเปิดผ้าคลุมศีรษะเจ้าสาวสีแดงของนางขึ้นมา จ้องมองเข้าไปในดวงตาดำกลมของนาง เขาลืมไปแล้วว่าตนเองเคยพูดอะไรกับนางไว้บ้าง จำได้เพียงว่าหยวนซื่อวางมือไว้บนมือของเขาด้วยท่าทางเงอะงะ จากนั้นนางก็ปล่อยผมยาวสยายลงมา แล้วม้วนมวยผมให้เป็นรูปทรงสัญลักษณ์สมปรารถนา
เขารู้สึกสับสน หากเขาเคยครอบครองสตรีที่ดีที่สุดในใต้หล้าไว้เล่า
แต่ว่าความคิดนี้ก็ได้มลายหายไปในชั่วพริบตา ความทะนงตนของเขาทำให้ไม่อาจยอมรับมันได้