ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 392
“ท่านพ่อ หรือว่าท่านยังอาลัยอาวรณ์ เช่นนั้นให้ข้าช่วยเขียนดีหรือไม่?” จื่ออันที่เห็นเขาไม่ยอมเขียนสักที ก็เลยเอ่ยถามขึ้นมา
มหาเสนาบดีเซี่ยเงยหน้าขึ้น มองหน้านางด้วยความว่างเปล่า มีบางอย่างในดวงตาของเขา ที่ก่อนหน้านี้จื่ออันไม่เคยเห็นมาก่อน นางไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทั้งในอดีตและปัจจุบัน นางก็ไม่เคยเห็น
แต่ว่ามันค่อย ๆ กลับกลายเป็นความเย็นชา ทั้งยังมีความเกลียดชังแผ่กระจายไปทั่ว เขารู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าเขา ท่าทีที่ดูอ่อนโยน ทว่ากลับเป็นศัตรูที่ต้องการให้เขาตาย
รอยยิ้มที่งดงามของนาง ราวกับดอกไม้ที่อาบยาพิษ แฝงไปด้วยความอำมหิตอยู่เบื้องหลัง
นึกถึงตรงนี้ ใจเขาก็เย็นยะเยือกขึ้นมา เขียนลงไปไม่กี่คำ ก็ตัดขาดความสัมพันธ์สิบเจ็ดปีระหว่างเขากับหยวนซื่อ
หนังสือปลดปล่อยภรรยาที่เรียบง่ายเช่นนี้ เป็นครั้งแรกในราชวงศ์นี้ ที่เนื้อหาของหนังสือปลดปล่อยภรรยาด้านล่างเขียนเพียงว่า สิ้นสุดวาสนาเท่านั้น
เขาประทับตราลงไป แล้วออกแรงกด จากนั้นก็กล่าวอย่างแผ่วเบา “มารับเอาไปสิ สิ่งที่เจ้าต้องการ”
จื่ออันหยิบมันขึ้นมาและเป่าหมึกให้แห้ง นางพับมันเก็บไว้ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง กระดาษบาง ๆ แผ่นนึง คือความอ่อนเยาว์สิบเจ็ดปีของสตรีผู้หนึ่ง
จากนี้ต่อไป ต่างคนต่างใช้ชีวิตอย่างที่ตนเองต้องการ
ซีเหมินเสี่ยวเยว่ยังคงมองไปที่มหาเสนาบดีเซี่ยอย่างโง่เขลา ในใจนางรู้สึกสับสน เรื่องที่น่ายินดีก็คือมหาเสนาบดีเซี่ยกับหยวนซื่อหย่ากันได้เสียที ต่อไปหากนางได้แต่งเข้าไปใหม่ นางก็จะได้เป็นฮูหยินใหญ่ ไม่ใช่เป็นผิงชี หรืออนุภรรยาอะไรนั่น
เรื่องที่กังวลก็คือ เมื่อหย่าร้างกันแล้ว เขาจะมาสู่ขอนางกลับไปอีกครั้งตามที่สัญญาไว้หรือไม่?
มหาเสนาบดีเซี่ยก็มองนางเช่นกัน ความเศร้าที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาคือเรื่องจริง เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เขียนจดหมายปลดปล่อยภรรยาแล้ว ทำไมถึงอยากร้องไห้ขึ้นมา
เมื่อซีเหมินเสี่ยวเยว่เห็นท่าทางของเขาก็รู้สึกมั่นใจ จากนั้นนางก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของเขา “ข้าจะรอท่าน รอท่านมารับข้ากลับไปนะเจ้าคะ”
“เจ้าวางใจเถิด ดูแลตนเองให้ดี ๆ” มหาเสนาบดีเซี่ยพูดพลาง แล้วแสดงท่าทางเหมือนกับว่าไม่อยากพรากจากนางไปอย่างไรอย่างนั้น
เหลียงซื่อทนดูต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว “ฮูหยินผู้เฒ่า มหาเสนาบดีเซี่ย หากเรื่องของพวกท่านจบลงแล้วก็กลับกันไปเถิด ข้ายังมีบัญชีที่ต้องชำนะที่นี่ ข้าจะต้องสะสางกับจิ้นกั๋วกงกันให้รู้แล้วรู้รอดกันไป”
เขาเกลียดเหลียงซื่อมาก แต่กลับพยายามข่มความโกรธเอาไว้ “เจ้ามีอะไรก็มาลงกับข้า อย่าได้ไปทำให้เสี่ยวเยว่ลำบากใจ”
คำพูดนี้ฟังแล้วก็ทำให้คนอยากจะหัวเราะออกมาเสียจริง ทว่ามันกลับตราตรึงใจของซีเหมินเสี่ยวเยว่ พรุ่งนี้ที่ห้องโถงในศาลาว่าการ นางจะไม่พูดถึงจวนมหาเสนาบดีโดยเด็ดขาด
เซี่ยหว่านเอ๋อรู้สึกโมโหขึ้นมา จริง ๆ แล้วการหย่าร้างกันง่ายดายเช่นนี้น่ะหรือ? เช่นนั้นก่อนหน้านี้นางก็โขกศีรษะคำนับไปโดยเปล่าประโยชน์น่ะสิ
ตอนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถม้า เซี่ยหว่านเอ๋อจับแขนของจื่ออันอย่างแรง ใช้แรงดึงไปด้านหลัง จื่ออันยังไม่ได้ทันได้ตอบโต้กลับ ก็เห็นแส้ลอยผ่านอากาศมา ฟาดลงไปที่แขนของเซี่ยหว่านเอ๋ออย่างสวยงาม
แรงฟาดของแซ่นี้เบามาก สำหรับตาวเหล่าต้าแล้ว มันก็แค่ระคายเคืองผิวเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ว่ามันกลับทำให้แขนของเซี่ยหว่านเอ๋อเป็นรอยแดงขึ้นมา
“เจ้ามันก็เป็นแค่บ่าวรับใช้ กล้าลงมือกับข้าที่เป็นถึงคุณหนูเชียวหรือ? เซี่ยจื่ออัน หากวันนี้เจ้าไม่ลงโทษมัน…”
เซี่ยหว่านเอ๋อกระทืบเท้าตะโกนด่าทออยู่ตรงนั้น ส่วนจื่ออันก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้าอย่างมั่นคงเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังสั่งให้คนขับออกรถม้าได้
เสี่ยวซุนมองไปที่ตาวเหล่าต้า “ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงลงมือฟาดนางเล่า?”
ตาวเหล่าต้ากล่าว “ถ้าคุณหนูถูกด่าจะต้องอดทนสามครั้ง แต่ถ้าถูกทำร้ายไม่สามารถที่จะอดทนได้”
เสี่ยวซุนกล่าวอย่างเป็นกังวล “คุณหนูรองผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ ถ้าทำให้นางขุ่นเคืองใจจะมีปัญหาตามมามากมาย”
จื่ออันตบไหล่ของตาวเหล่าต้า “ไม่เป็นอะไร เจ้าทำได้ดีมาก อย่างน้อยก็รู้จักควบคุมการใช้กำลัง”