ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 400
คำว่าคุยโวที่จริงมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ หรือว่าเพิ่งจะมีในสมัยปัจจุบัน? จื่ออันอยากจะบ้าตาย
“ใช่ อ๋องหลี่เป็นคนพูด”
“คนหัวโบราณอย่างอ๋องหลี่คุยกับท่านย่าของเจ้าด้วยคำพูดเช่นนี้เลยหรือ?”
“พวกเขาไม่มีความลับต่อกัน ข้าคิดว่าท่านย่าของข้าถือว่าอ๋องหลี่เป็นเพื่อนสนิทไปแล้ว”
จื่ออันถามอย่างหยั่งเชิง “เช่นนั้นเจ้ารู้จักท่านอ๋องหลี่ดีหรือไม่?”
เฉินหลิวหลิ่วพยักหน้า “อืม ข้ารู้จักดี เพราะว่าไปที่จวนอ๋องบ่อย ๆ”
“เจ้ารู้เรื่องอะไรบ้างล่ะ? รีบ ๆ บอกข้ามา”
เฉินหลิวหลิ่วกล่าว “เขามีพระชายาหนึ่งคน นางเป็นองค์หญิงของเป่ยอัน อภิเษกเข้ามาเพื่อสานสัมพันธ์ไมตรี จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ให้กำเนิดบุตรเลย จิ่นไท่เฟยก็หวังให้เขามีพระชายาเพิ่ม แต่เขาไม่เต็มใจ ทั้งยังพูดว่า นอกเสียจากพระชายาจะหาพระสวามีใหม่ด้วย เขาถึงจะตกลง แบบนี้ถึงจะยุติธรรม”
จื่ออันคิดว่าอ๋องหลี่พูดเช่นนี้ออกมาได้อยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งที่นางอยากรู้ไม่ใช่เรื่องพวกนี้ “เขาเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนไหม? บาดเจ็บสาหัสจนเจียนตาย…”
จื่ออันมองนางอย่างจดจ่อ และหวังว่าจะได้ยินในสิ่งที่จะทำให้มั่นใจได้
“ได้รับบาดเจ็บน่ะมีอยู่แล้ว ราชวงศ์นี้มีชินอ๋องมากมาย ผ่านศึกสงครามกันมาแล้วเกือบจะทุกคน การที่ได้รับบาดเจ็บถือว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องที่บาดเจ็บจนเจียนตายนั้น ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ว่าข้าเคยได้ยินจากท่านย่าว่า ในปีนั้นอ๋องหลี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกแพทย์ทหารต่างก็คิดกันว่าเขาจะไม่รอด นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่ไม่ได้สติมาสองสามวัน ก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งได้
จื่ออันจะไม่รู้ถึงความโหดร้ายในสนามรบได้อย่างไร? ชีวิตเหมือนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายจะเป็นหรือตายยังไม่รู้
นึกถึงรอยแผลเป็นบนตัวมู่หรงเจี๋ยแล้ว เขาที่อยู่ในสมรภูมิรบน่าจะได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีบางแผลที่ลึกมากอีกด้วย แทบจะทำให้ตายได้เลย
แต่ว่าก็โชคดีที่เขายังมีชีวิตอยู่
ตามสภาพสังคมแห่งนี้ การมีชีวิตอยู่ได้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย จื่ออันคิดอีกครั้งแล้วคิดว่าชีวิตธรรมดาสามัญ ความจริงก็เป็นความสุขที่หาได้ง่ายดายนั่นเอง
การมีชื่อเสียงและยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง แต่กลับต้องเอาชีวิตมาแลก
เฉกเช่นการกระทำของจิ้นกั๋วกงกับมหาเสนาบดีเซี่ย ในราชวงศ์ต้าโจวหรือประเทศอื่น ๆ ล้วนไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากการช่วงชิงอำนาจ ทำให้คนรู้สึกขยาด ทอดถอนหายอย่างช่วยไม่ได้ จะใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาสามัญ ไม่ได้เชียวหรือ?
แค่รู้สึกพอใจ ก็พอ
หากไม่รู้สึกพอใจ ต่อให้ได้เป็นองค์จักรพรรดิแล้วมันจะดีอย่างไร? เหมือนกับเจ้าเมืองเป่ยโม่ ที่ในตอนนี้ยังอยากที่จะรุกรานแผ่นดินคนอื่น เพื่อขยายอาณาเขตของตนเอง ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้คนที่จะต้องล้มตาย ชีวิตของประชาชนในสายตาของผู้มีอำนาจอย่างพวกเขา คืออะไรกันแน่?
จื่ออันหวังจริง ๆ ว่า สุดท้ายแล้วมู่หรงเจี๋ยจะไม่กลายเป็นคนเช่นนั้น
นึกถึงตรงนี้ นางก็เอ่ยถามหลิวหลิ่ว “หลิวหลิ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตนเองต้องการใช้ชีวิตอย่างไร?”
เฉินหลิวหลิ่วตอบอย่างไม่ลังเล “มีชีวิตอยู่น่ะสิ”
“หากเจ้ามีชีวิตที่ราบรื่นจนถึงอายุสิบเก้าแล้ว ชีวิตของเจ้าหลังจากนั้นเจ้าคาดหวังจะให้เป็นอย่างไร?”
เฉินหลิวหลิ่วชะงักไปเล็กน้อย “ข้าไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลย”
นางเท้าคาง แล้วลองคิดดูดี ๆ “แต่งงาน มีลูกสาว มีเรือน แต่ละวันทานอาหารครบสามมื้อ เลี้ยงไก่สองสามตัว เพราะเซียวท่าชอบกินคอไก่ ชอบดื่มสุรา ข้าก็จะไปเรียนการบ่มสุรา และก็จะดื่มสุราเป็นเพื่อนเขาทุกวัน”
จื่ออันรู้สึกประทับใจเล็กน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าไข่มุกในฝ่ามือของจวนเฉินเช่นนาง จะต้องการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายเช่นนี้
แต่ก็อดที่จะขำไม่ได้ “หากไม่ใช่เซียวท่าเจ้าก็จะไม่ยอมแต่งเช่นนั้นหรือ?”
“ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว” เฉินหลิวหลิ่วตั้งใจคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “เมื่อก่อนข้าคิดว่าหาใครมาแต่งกับข้าสักคนก็ได้แล้ว แต่ว่าช่วงนี้ได้ตามติดพี่เซียวท่า ข้ารู้สึกว่าถ้าหากเขาแต่งกับข้าได้จริง ๆ มันก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก”