ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 404
เท่าที่ทราบ คนที่ถูกกัดทั้งหมดล้วนติดเชื้อและตายไปหมดแล้ว เหลืออยู่คนเดียวก่อนหน้านี้ไม่แสดงอาการออกมา แต่ว่าตอนนี้แสดงอาการออกมาแล้ว มันหมายความว่ามีโอกาสติดเชื้อร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วโอกาสที่จะตายก็มีร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกัน
หนี่หรง คือข้อยกเว้น แต่ว่าหนี่หรงถูกคนพวกนั้นกัดหรือเปล่าก็ยังไม่แน่
มู่หรงเจี๋ยหยิบแบบพิมพ์เขียวจากมือจื่ออันมาดูเล็กน้อย ก็เห็นเป็นรูปกระท่อมไม้ริมทะเลสาบ จึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าจะสร้างกระท่อมไม้ที่นี่งั้นหรือ?”
“เพคะ ท่านแม่ของหม่อมฉันกับมหาเสนาบดีเซี่ยหย่ากันแล้ว แน่นอนว่าถ้าจะพักอยู่ที่เรือนเซี่ยจื่อหย่วนต่อก็คงจะดูไม่ดี” จื่ออันกล่าว
“หย่าแล้ว?” มู่หรงเจี๋ยดูตกใจเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าช่วงที่ข้าไปจากเมืองหลวง จะเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย”
จื่ออันยิ้ม “ล้วนเป็นเรื่องดี”
นางมองดูเขา ความจริงก็อยากถามถึงเรื่องพระราชเสาวยนีย์ว่าด้วยเรื่องการอภิเษก เหตุใดถึงไม่มีลงมาเสียที ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกว่า หวงไท่โฮ่วจะมีพระราชเสาวนีย์ลงมาในเร็ววันนี้
แต่ว่าหากถามออกไป มันก็เหมือนกับเฉินหลิวหลิ่วที่กังวลน่ะสิ? และถ้านางเอ่ยถามออกไปก่อน ใช้คำพูดในยุคปัจจุบัน ไม่เท่ากับว่านางขอเขาแต่งงานหรอกหรือ?”
นางเป็นผู้หญิงที่มีศักดิ์ศรีนะ!
อีกทั้งถ้าจะถามในเวลานี้ก็คงจะไม่เหมาะสม เขามีเรื่องให้ต้องกังวลมากมายขนาดนี้ เกรงว่าจะไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเหล่านี้หรอก
จื่ออันมาที่เรือนหลังน้อยที่อยู่นอกชานเมืองอีกครั้งแล้ว
ซูชิงกับเซียวท่าก็อยู่ที่นี่ด้วย มีทหารองครักษ์อยู่สองสามคน ล้วนยืนถือดาบอยู่ทั้งสิ้น
ตรงกลางสนามหญ้า มีกรงเหล็กตั้งไว้อยู่ ในกรงนั้นขังคนเอาไว้หนึ่งคน เหมือนว่าคนผู้นั้นกำลังหลับอยู่ จื่ออันมองดูเล็กน้อย เขาเป็นเด็กหนุ่มที่อายุราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี
“เขาเพิ่งจะถูกเรียกตัวให้เข้าร่วมกองทัพได้ครึ่งปี ให้มาปกป้องหวยเจียง” ซูชิงอธิบาย ดวงตาของเขาแลดูมืดมนเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ที่เจอซูชิง เขาดูร่าเริงแจ่มใสมากกว่านี้ แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน
“เขาหลับแล้วงั้นรึ?” จื่ออันเดินเข้าไปใกล้ ก็ได้กลิ่น ๆหนึ่งโชยออกมาจากตัวเขา กลิ่นคล้าย ๆ กับซากศพ
“ให้ยาไปแล้ว สามารถทำให้เขาหลับไปได้หนึ่งวัน” ซูชิงกล่าว
จื่ออันกล่าว “เปิดกรงแล้วนำตัวของเขาออกมาเถิด”
ซูชิงลังเลเล็กน้อย แล้วจึงมองไปที่มู่หรงเจี๋ย แล้วเขาก็พยักหน้า “นำตัวเขาออกมาก่อน พวกเจ้าก็คอยดูอยู่ใกล้ ๆ เห็นว่าเขาฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ให้รีบควบคุมตัวเขาไว้”
ซูชิงกับเซียวท่านำนายทหารคนนั้นออกมาด้วยตนเอง ส่วนทหารองครักษ์คนอื่น ๆ นำเตียงไม้เรียบ ๆ มาจัดวางไว้ในสนามหญ้า เพราะว่าต้องวางกรงเหล็กไว้ในสนามหญ้าเท่านั้น หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น จะได้รีบนำเข้าไปขังในกรงเหล็กได้
จื่ออันเริ่มจากการตรวจดูบาดแผลที่ถูกกัดของเขาก่อน เขาถูกกัดที่แขน บาดแผลดำคล้ำแล้ว มีเลือดไหลออกมา กลิ่นเหม็นที่โชยออกมาก็มาจากเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลนี่เอง
บาดแผลเล็กมาก อีกทั้งยังถูกกัดแค่บริเวณผิวหนัง รอยนี้แทบจะมองไม่เห็นแล้ว เห็นเพียงสองจุดเล็ก ๆ ที่เจาะเข้าผิวหนัง
ผิวตรงใกล้ ๆ จุดนั้นล้วนกลายเป็นสีดำแล้ว และพองขึ้น บวมน้ำ จื่ออันใช้กิ่งหลิวกดลงไปเบา ๆ ผิวหนังยุบตัวไปเป็นเวลานานแล้วก็ยังไม่เด้งกลับมา เห็นได้ว่าอาการบวมน้ำนี่มันรุนแรงมาก
การหายใจกับชีพจรก็ไม่ปกติ ชีพจรเต้นเร็วมาก หัวใจก็เต้นเร็วมากเช่นกัน หายใจเร็ว แม้กระทั่งตอนนี้ที่หลับลึก แต่ก็ยังเห็นว่าเขายังหายใจเร็ว และใจเต้นเร็วเป็นอย่างมาก
มีเลือดคั่งในตา ในส่วนของตาขาวได้กลายเป็นสีแดงไปแล้ว พอเปิดปากดู ก็เห็นว่าฟันเริ่มจะดำเล็กน้อยแล้ว มีเขี้ยวสองซี่ แต่เขี้ยวนี้น่าจะมีมาตั้งแต่แรกแล้ว
“เขาเป็นคนที่อยู่ในเมืองหลวง ในช่วงปลายปีที่แล้วเขาถูกเรียกตัวให้เข้าร่วมกองทัพ และถูกส่งตัวไปที่หวยเจียง พ่อและพี่ชายของเขาได้ตายในสนามรบไปแล้ว เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกองทัพก็ได้ เพราะว่าครอบครัวของเขาเหลือเพียงเขาที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวแล้ว เป็นเพราะเขาขอร้องมาสองปี กรมกลาโหมจึงรับเขาเอาไว้ ข้ายังจำตอนที่ข้าถามเขาว่าทำไมถึงอยากเป็นทหารได้ เขาตอบเสียงดังว่า เขาอยากปกป้องบ้านเมืองเหมือนที่พ่อกับพี่ชายของเขาทำ” น้ำเสียงของซูชิงฟังดูหดหู่เล็กน้อย เพราะว่านายทหารหนุ่มคนนี้ เป็นเขาเองที่อนุญาตให้เข้าร่วมกองทัพได้ ตอนที่กรมกลาโหมเรียกตัวนายทหารผู้นี้ เขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย