ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ – บทที่ 410

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 410

“ในตอนที่อาเจี๋ยบาดเจ็บสาหัสนั้น เจ้าเคยเอ่ยคำเหล่านั้นกับข้า พูดถึงความไม่พอใจที่เก็บมาหลายปีนี้ เจ้ารู้สึกว่าเจ้าในปีนั้น ควรจะนั่งในตำแหน่งหวงโฮ่ว เจ้าในวันนี้ก็ควรจะได้เป็นหวงไท่โฮ่วในวังแห่งนี้ ใช่หรือไม่?”

“มิกล้าเพคะ” กุ้ยไท่เฟยได้สงบลงแล้ว ไม่ได้มีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เช่นนั้นอีก เป็นเหมือนราวกับหุ่นดินเผา

ป้าซือจูยืนอยู่ด้านข้าง คอยฟังอย่างเงียบ ๆ ใบหน้ามีความวิตกกังวล

“มิกล้า?” หวงไท่โฮ่วหัวเราะขึ้นมา ในน้ำเสียงหัวเราะนั้นมีความเหนื่อยล้าที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้แฝงอยู่ ข้าจริง ๆ แล้วรู้ความคิดในใจของเจ้าเป็นอย่างดี มีอะไรให้ต้องปิดบังกัน? ในปีนั้นนอกจากเจ้าแล้ว มีพระสนมมากมายเพียงใดที่ต้องการนั่งในตำแหน่งหวงโฮ่วนี้? เพียงแต่จะมีใครบ้างที่รู้ว่า นั่งอยู่ในตำแหน่งหวงโฮ่วนี้ สิ่งที่ต้องแบกอยู่บนบ่านั้นไม่ใช่ความรุ่งโรจน์หรือมั่งคั่งตลอดชีวิต แต่เป็นขุนเขาหมื่นลี้ของราชวงศ์ต้าโจว”

กุ้ยไท่เฟยแววตาสั่นไหว “ขุนเขาหมื่นลี้? คำพูดช่างสวยหรูเสียจริง”

“ใช่แล้ว ช่างสวยหรู บรรพบุรุษตระกูลมู่หรงของพวกเราใช้เลือดแลกมันมา มีความสงบสุขและรุ่งเรืองผ่านมากี่ราชวงศ์กันแล้วจนถึงวันนี้ แล้วเป็นอย่างไรกัน? โดนบุกรุกจากศัตรู ไม่ใช่มหาเสนาบดีที่มีใจคิดคดทะเยอทะยาน แต่เป็นกลับเป็นลูกหลานของพวกเราตระกูลมู่หรงเสียเอง ต้องต่อสู้จนให้เจ้าตายทั้งเป็น”

“หากว่าผู้มีอำนาจนั้น ภายในมือมีทั้งอำนาจและมีฝีมือ อำนาจต่าง ๆ อยู่ที่องค์จักรพรรดิ และออกคำสั่งห้าม ก็คงจะไม่มีเหตุการณ์เยี่ยงนี้ ปัญหาทุกปัญหา เป็นเพราะว่าผู้ที่มีอำนาจไม่กล้าหาญพอ” กุ้ยไท่เฟยเอ่ยออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย

หวงไท่โฮ่วจ้องมองยังนาง “เจ้าพูดถึงฝ่าบาทหรือว่าพูดถึงผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิกันแน่? หากว่าเป็นเจ้าที่ปกครองประเทศ เจ้าคิดว่าจะใช้วิธีการใดให้ได้มาซึ่งอำนาจ ใช้วิธีแบบเผด็จการงั้นหรือ?”

ในใจของหวงไท่โฮ่วนั้นรู้สึกหวาดผวา ถึงแม้จะรู้ว่านางมีใจทะเยอทะยาน แต่ว่าคำพูดเอ่ยที่ออกมาจากปากนางนั้น กลับทำให้ผู้คนหวาดกลัว

กุ้ยไท่เฟยเงยหน้าขึ้น มองยังหวงไท่โฮ่วแล้วยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มนี้ดูช่างมืดมนเหลือเกิน แววตามีพลังที่แอบซ่อนไว้เปิดเผยขึ้นมา

หวงไท่โฮ่วในชั่วขณะนั้น ในหัวของนางนั้นเผยกลิ่นอายอาฆาตสังหารออกมา นางมิอาจเก็บเอาไว้ได้แล้ว

แต่เพียงแค่ในชั่วพริบตา ในที่สุดนางก็ไม่ใช่คนที่ชอบทำเรื่องใหญ่ นางตัดใจลงมือไม่ได้

ในขณะเดียวกัน หวงไท่โฮ่วในใจก็เข้าใจดี กุ้ยไท่เฟยจะเปิดเผยความทะเยอทะยานที่มีต่อหน้านางอย่างโจ้งแจ้ง เพราะว่านางรู้ดีว่าพี่สาวผู้นี้ไม่ได้อำมหิต ลงมือไม่ได้

นางจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่ หวงไท่โฮ่วเอ่ยออกมา “อาเจี๋ยครั้งนี้นำเซี่ยจื่ออันเข้าวังมา เป็นเพราะเรื่องงานอภิเษกสมรส อาเจี๋ยเองอายุไม่น้อยแล้ว เรื่องนี้ควรจะเร่งรีบจัดการ”

“เสด็จพี่ทรงเป็นเสด็จแม่ของเขา หม่อมฉันเป็นเพียงมารดาเท่านั้น เรื่องในครั้งนี้ ท่านจัดการได้ตามเห็นสมควรเลยเพคะ จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นเพราะเพียงแค่เรื่องนี้จึงต้องเรียกตัวหม่อมฉันเข้าวังมา” กุ้ยไท่เฟยเอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็น

หวงไท่โฮ่วโมโหขึ้นมา “เขาเป็นบุตรชายของเจ้า เรื่องสำคัญในชีวิตของเขา เจ้าจะเฉยเมยเยี่ยงนี้หรือ?”

“เฉยเมยหรือไม่เฉยเมย อย่างไรเสียอำนาจการตัดสินใจไม่ได้อยู่ในมือของหม่อมฉัน จะให้หม่อมฉันกะตือรือร้นมาเพื่ออะไรกัน?”

“เช่นนั้นแล้วตกลงแล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร?” หวงไท่โฮ่วเอ่ยด้วยความโกรธ

กุ้ยไท่เฟยจ้องมองยังนาง “หม่อมฉันไม่ยินยอมให้อาเจี๋ยแต่งกับนาง ท่านจะยอมฟังคำของหม่อมฉันแล้วไม่จัดงานอภิเษกหรือไม่?”

“ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงความต้องการของข้า ยังเป็นความต้องการของอาเจี๋ยอีกด้วย เจ้าจะไม่ยอมเคารพการตัดสินใจของบุตรชายตนเองหรือ?”

กุ้ยไท่เฟยยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจพลางเอ่ย “เคารพ? หม่อมฉันที่เป็นมารดาจำต้องเคารพต่อบุตรชายของตนเอง แล้วเขาที่เป็นบุตรชายเคยเคารพหม่อมฉันผู้ที่เป็นมารดาบ้างหรือไม่?”

“อย่างนั้นก็ต้องดูกันว่ามารดาผู้นี้เคยทำอะไรมาบ้าง ควรค่าให้แก่การเคารพจากเขาหรือไม่!” หวงไท่โฮ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุโกรธ

กุ้ยไท่เฟยลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงเย็น “ดูท่าแล้วที่วันนี้เสด็จพี่เรียกข้าเข้าวังมานั้น เพียงแค่ต้องการดุด่าสั่งสอนหม่อมฉันเท่านั้น หากเป็นอย่างนี้แล้ว หม่อมฉันก็คงจะต้องคุกเข้าลงแล้วรับฟังการอบรมสั่งสอนจากเสด็จพี่ถึงจะถูก”

พูดจบ นางจึงได้คุกเข่าลง เผยหน้าเย่อหยิ่งเย็นชา “อย่างนี้แล้ว เสด็จพี่ทรงพอพระทัยหรือไม่เพคะ?”

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

Status: Ongoing
แพทย์ทหารสายลับกลับกลายเป็นลูกสาวคนแรกของเสนาบดีที่ต้องทนรับการถูกข่มเหงรังแกจากพ่อและแม่เลี้ยง และต้องแต่งงานกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เผชิญกับหลุมพรางและแผนการร้ายมากมายด้วยทักษะการแพทย์ของเธอทำให้เธอสามารถต่อสู้ผ่านศึกสังหารระหว่างวัง แก้ปัญหาระหว่างรัฐได้ด้วยดี ลงโทษองค์รัชทายาทที่กระทำความผิด ช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเหลียง และกำจัดโรคระบาดที่รุนแรงจากบุตรสาวเสนาบดีที่ขี้ขลาดแปรเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่จิตใจแน่วแน่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักรพรรดิได้ “ถ้าเจ้าแอบหนีออกมาอีก ข้าจะตามไปขัดขวางเจ้า มีที่ไหนพระชายาที่กำลังตั้งครรภ์แล้วยังวิ่งไปทั่ว?”“เจียงตงเกิดโรคระบาด ข้าในฐานะหมอหลวงต้องรีบไปช่วยเป็นธรรมดา ถ้าท่านขัดขวางข้าโรคจะระบาดจะไปถึงเมืองหลวง” อ้อมแขนอันแข็งแกร่งโอบกอดพระชายาที่พูดไม่หยุด ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สเด็จกลับมาและกราบทูลว่า “ฮึ่ม หมอหลวงมีจำนวนมากพอแล้ว” ถ้าคุณตั้งครรภ์อยู่จะออกไปไหม? จิตใจดั่งพระโพธิสัตว์หรือไม่? หรือยืนหยัดต่อสู้กับโรคระบาดที่ร้ายแรงตอนนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท