ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 422
กุ้ยไท่เฟยเกรี้ยวกราดขึ้นมาในทันที จากนั้นก็กล่าวอย่างดุดัน “นางกลัวว่าข้าจะทำร้ายลูกของตนเอง ดังนั้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะสังหารข้าเพื่อตัดปัญหาในอนาคต นางคือคนที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายข้ามาเนิ่นนานหลายปี ข้าเห็นนางเป็นเหมือนน้องสาวแท้ ๆไปเสียแล้ว แต่เพื่อเจ้าแล้ว นางกลับวางยาพิษสังหารข้า!”
มู่หรงเจี๋ยมือเท้าเย็นไปหมด มองร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงที่เรียบง่าย การตายของนางช่างน่าเวทนา นางทำเพื่อเขาแท้ ๆ
บ่าวรับใช้อาฝูยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาเช่นเดิม เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดป้าซือจูก็ตายได้เสียที ต่อไปก็จะเป็นเขาที่ได้อยู่ข้างกายกุ้ยไท่เฟย และได้เป็นที่โปรดปรานของนาง
แต่ว่าก่อนอื่น เขาจะต้องแสดงความจงรักภักดีให้นางเห็นก่อน
ดังนั้นเขาจึงกล่าว “ท่านอ๋อง ก่อนที่ป้าซือจู๋จะได้รับโทษ ได้ขอให้ทหารองครักษ์ไปบอกบางอย่างกับท่าน”
“บอกอะไร?” มู่หรงเจี๋ยจ้องไปที่เขาด้วยความรู้สึกสมเพช ตาทั้งสองแดงก่ำ
อาฝูกล่าว “นางให้ทหารองครักษ์ไปบอกท่านว่า นางหวังให้ท่านปกครองบ้านเมือง”
มู่หรงเจี๋ยไม่เชื่อคำพูดของเขาแม้แต่น้อย แล้วขึ้นเสียงดัง “ไสหัวไปซะ!”
อาฝูยังคุกเข่าอยู่กับที่ “ท่านอ๋อง คำพูดนี้จริงแท้แน่นอน ป้าซือจูเป็นคนที่บ่าวให้ความเคารพมาก ตอนนี้ร่างของนางอยู่ที่นี่ บ่าวไม่พูดโกหกต่อหน้าร่างของนางหรอกพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดนางถึงต้องวางยาพิษกุ้ยไท่เฟยด้วยเล่า? ล้วนทำเพื่อปกป้องท่านอ๋องทั้งสิ้น นางยอมสละชีพตนเองก็เพื่อปกป้องท่านจากภยันตราย นางหวังว่าในอนาคตจะมีสักวันที่ท่านอ๋องจะเป็นใหญ่ในใต้หล้า”
“หากเจ้ายังขืนพูดจาเหลวไหลอีก ข้าจะปลิดชีพเจ้าบัดเดี๋ยวนี้” มู่หรงเจี๋ยดวงตาเย็นเยียบ หันกลับไปออกคำสั่ง “ทหาร มาย้ายร่างของป้าซือจูออกไป ข้าจะจัดการเรื่องพิธีศพเอง ปิดล้อมเรือนชิงหนิงไว้ หากข้าไม่อนุญาต ก็อย่าให้ใครเข้ามาได้ทั้งสิ้น”
กุ้ยไท่เฟยขึ้นเสียงดัง “มู่หรงเจี๋ย เจ้ากล้ากักบริเวณข้าไว้อย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงเจี๋ยไม่ได้มองไปยังนางเลย ก้าวไปข้างหน้าแล้วอุ้มร่างของป้าซือจู แล้วก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
ทหารองครักษ์รีบลงกลอนในทันที แล้วปิดล้อมเรือนชิงหนิงอย่างแน่นหนา ประตูใหญ่ถูกปิดลง คนจำนวนหนึ่งออกไป เหลือไว้ไม่กี่คนที่คอยอยู่เฝ้าระวังที่นี่
กุ้ยไท่เฟยตบลงไปที่หน้าของอาฝู “เจ้าคิดว่าเขาโง่หรืออย่างไร? คิดว่าพูดเช่นนี้จะหลอกลวงเขาได้อย่างนั้นเหรอ?”
อาฝูคุกเข่าอยู่ที่พื้น เช็ดเลือดที่มุมปากออก แล้วกล่าว “รอให้เขาใจเย็นลง คำพูดนี้ก็จะเหมือนแมลงมีพิษที่จะชอนไชเข้าไปเตือนสติเขา เทียบเท่ากับการหว่านเมล็ดพืชไว้ในใจพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ เขาไม่มีทางคิดได้” กุ้ยไท่เฟยส่ายหัว และยิ้มเศร้า “หากเขาคิดได้ ข้าคงไม่ต้องเปลืองสมองครุ่นคิดหรอก ตอนนี้อ๋องแปดก็ถูกเขาเนรเทศไปอยู่ข้างนอก ข้าไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว”
“กุ้ยไท่เฟย ท่านจะยอมแพ้มิได้นะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้อ๋องหนานหวายยังหวังให้ท่านช่วยพาเขากลับมาจากแดนใต้อยู่ ยังจำสิ่งที่ท่านเคยพูดไว้ได้หรือไม่? ถึงจะมีความหวังริบหรี่ ยังไงก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ท่านเต็มใจที่อยู่ใต้หวงไท่โฮ่วไปชั่วชีวิตเช่นนั้นหรือ?” ถึงเวลานั้น ท่านอ๋องได้ครองราชบัลลังก์ นางก็จะได้เป็นมู่โฮ่วหวงไท่โฮ่ว ส่วนท่านก็จะได้เป็นเซิ่งมู่หวงไท่โฮ่ว แม้ว่าสถานะจะต่างกันอยู่บ้าง แต่ท่านก็เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเขา ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะอยู่ในการควบคุมของท่านแล้ว”
ใจของกุ้ยไท่เฟยอ้างว้างและเหน็บหนาว คำพูดของอาฝูทำให้นางมีความหวัง ใช่แล้ว ชีวิตนี้ของนางต้องเป็นแบบอย่างให้สตรีทุกคน นางจะยอมแพ้จริง ๆ หรือ?
ใช่ ที่อาฝูพูดก็มีเหตุผล นางต้องให้เมล็ดพันธ์ุที่นางหว่านได้ครองราชบัลลังก์ ค่อย ๆ แทรกซึมไปในใจของเขาทีละน้อย
แม้ว่าต่อไปภายภาคหน้า เขาและนางจะกลายเป็นศัตรู แต่ว่านางก็ยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเขา จะต้องถูกแต่งตั้งเป็นหวงไท่โฮ่ว
“ได้นัดหมายเวลาให้ข้ากับฮูหยินผู้เฒ่าของจวนมหาเสนาบดีได้พบกันแล้วหรือยัง?” กุ้ยไท่เฟยควบคุมอารมณ์กล่าวถามออกไป
“หลัวซุ่ยนัดหมายให้เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้ไปพบกันที่ร้านจู้เสียน”