ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 425
ในตอนเที่ยงคืน จื่ออันยังคงนอนไม่หลับ ได้แต่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง
ช่วงแรก ๆ ที่มาถึงยุคโบราณนี้ นางนอนหลับไม่เพียงพอ และรู้สึกเหนื่อยล้ามาก
ตอนนี้นางก็ค่อย ๆ กลับมาสู่วงโคจรเดิม นั่นก็คือการนอนไม่หลับ
ความจำของจื่ออันคนเดิม มักจะผุดขึ้นกลางใจในยามค่ำคืนเสมอ ทำให้ความเคียดแค้นเพิ่มมากขึ้น
ที่นอกหน้าต่าง มีเสียงลอยมา
นางลุกขึ้นทันที
แม่นมหยางยังไม่ได้กลับออกมาจากวัง เสี่ยวซือก็คอยรับใช้ท่านแม่อยู่ในห้อง ส่วนตาวเหล่าต้าหากเขาไม่ได้รับคำสั่งก็จะเข้ามาที่หน้าประตูเรือนปีกไม่ได้
“ใคร?” กล่าวถามอย่าตื่นตระหนก
“เจ้าจะเปิดประตูเอง หรือจะให้ข้าพังประตูเข้าไป” มีเสียงดังโหวกเหวกโวยวายดังมาจากนอกหน้าต่าง
จื่ออันชะงักไปเล็กน้อย เขาเหรอ? เขามาทำไมดึกดื่นขนาดนี้? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
จื่ออันรีบเปิดประตูออก ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ยังทรงตัวได้ไม่มั่นคง เงาดำปกคลุมร่างนาง จากนั้นนางก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมอกกว้างของเขา นางได้กลิ่นสุราฉุนเตะสมูกมาก ตามมาด้วยเสียงหายใจที่หนักหน่วงของเขา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ท่านดื่มสุรามาอย่างนั้นหรือ?” จื่อวิตกกังวลเล็กน้อย เพราะไม่เคยเห็นเขาในสภาพเช่นนี้เลย ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
“ไม่ต้องถาม ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น!” ลมหายใจที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นสุรารดบนศีรษะนาง น้ำเสียงมีความอดกลั้นบางอย่างที่กล่าวออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
จื่ออันคาดการณ์ว่าจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นอย่างแน่นอน
นางไม่ได้ถามต่อ แต่ยื่นมือออกไปโอบกอดเขา และซุกศีรษะลงในอ้อมอก พยายามไม่ส่งเสียงใดออกมา
เขาหายใจเร็ว มีกลิ่นอายของความเศร้าหมองแผ่กระจายออกมาจากร่างกายเขา แม้ว่าเขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาเลย ทว่าจื่ออันก็ยังสัมผัสได้ถึงความเสียใจที่แทรกซึมออกมา
นางกระวนกระวายใจมาก เป็นความกังวลอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่รายล้อมพวกเขาในช่วงนี้มีแต่การต่อสู้มากมายเกินไปจริง ๆ แทบจะเกิดเรื่องขึ้นทุกวี่ทุวัน
นางไม่อยากจะจินตนาการเลยว่า สิ่งที่ทำให้เขามาแนบชิดนางอย่างรวดเร็วขนาดนี้คืออะไร
เป็นเวลานานกว่าที่เขาจะปล่อยนาง
จื่ออันมองดูใบหน้าของเขา ที่ซูบและขาวซีด ริมฝีปากแห้งผาด ไม่เหลือความสง่าผ่าเผยอยู่เลย
“ข้าจะรินน้ำให้ท่านนะ!” จื่ออันหันไปรินน้ำให้เขา น้ำเย็นมาก แต่เขาก็ดื่มจนหมดในอึกเดียว
เขาถือแก้วเอาไว้แล้วนั่งลงมองไปที่นาง พูดขึ้นมาด้วยสติที่เลื่อยลอย “ผู้หญิงที่เคยดีกับข้ามากที่สุด ได้ตายไปแล้ว”
จื่ออันตกใจมาก หรือเขาจะหมายถึงโหรวเอ๋อ?
นางอยากจะเสียใจแทนเขาได้จริง ๆ แต่ว่าก็ไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาปลอบใจเขาดี ได้แต่พูดไปว่า “ระงับความโศกเศร้าด้วยเพคะ คนตายแล้วมิอาจฟื้นคืน”
มู่หรงเจี๋ยเอนหลังพิงเก้าอี้ ปรับเปลี่ยนอิริยาบถให้อยู่ในท่วงท่าที่สบายที่สุด “เจ้าไปนอนเถิด ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ ที่นี่สักพัก”
ที่จวนผู้สำเร็จราชการทำให้เขารู้สึกแน่นหน้าอก เขาต้องออกมาจากที่นั่น
“ข้าจะนั่งเป็นเพื่อนท่าน” จื่ออันกล่าว เขาน่าจะรักแม่นางโหรวเอ๋อผู้นั้นมากสินะ?” แม้ในใจจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ว่าเรื่องการอภิเษกของพวกเขาก็ไม่ใช่การตัดสินใจของตนเองตั้งแต่แรก เขาเองก็ไม่เคยแสดงออกว่ารักนางเลย เมื่อก่อนพวกเขาก็แค่มีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันก็เท่านั้น
ก่อนหน้านี้นางเองก็ไม่รู้เลยว่า เขาจะชอบโหรวเอ๋อผู้นี้มากถึงขนาดนี้ หากรู้ ก็อาจจะยับยั้งหัวใจตนเองได้บ้าง
ความโศกเศร้าได้แผ่กระจายออกมาในบรรยากาศที่เงียบงัน มีความเศร้าที่พูดออกมาไม่ได้ ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร มู่หรงเจี๋ยหลับตาลง แต่ว่าจื่ออันรู้ว่าเขาไม่ได้หลับ เพราะว่าขนตาของเขายังคงสั่นอยู่ตลอดเวลา
เส้นเลือดบริเวณหน้าผากของเขากำลังขยับ ทำให้รู้ว่าสมองของเขากำลังครุ่นคิดไม่หยุด และอาการปวดหัวของเขาน่าจะรุนแรงขึ้นอีก เพราะว่าเขามักจะขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
จื่ออันเดินเข้าไปหา ยื่นมือไปลูบหว่างคิ้วของเขา และกล่าวเบา ๆ “ผ่อนคลายเสียหน่อยเถิด ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเพคะ”