ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 427
จื่ออันนอนลง สองมือช้อนไว้ใต้ศีรษะ ดวงตาดำขลับจ้องมองไปยังเขา “มู่หรงเจี๋ย จู่ ๆ ข้านึกถึงหนึ่งขึ้นมาได้”
“เรื่องอะไร?” มู่หรงเจี๋ยจ้องมองไปยังนาง ท่าท่างนิ่งสงบของนางน่ามองยิ่งนัก ไม่ทันได้สนใจคำสรรพนามที่นางใช้เรียกตน
“ทำไมอ๋องหลี่ถึงเลี้ยงสุนัขเล่า?”
มู่หรงเจี๋ยดึงนางขึ้นมา และถูไปที่ใบหน้าของนาง “อย่าเปลี่ยนประเด็น บอกข้ามา เมื่อครู่นี้เจ้ายิ้มด้วยเรื่องอันใด”
จื่ออันผลักมือของเขาออก “อย่าทำให้ทรงผมของหม่อมฉันยุ่งเหยิง หม่อมฉันเกล้าผมเป็นมวยด้วยตนเองเชียวนะ ท่านว่างามหรือไม่?”
“อย่านอกเรื่อง!” มู่หรงเจี๋ยโมโห
“หม่อมฉันไม่ได้นอกเรื่องนะเจ้าคะ” จื่ออันยื่นมือออกมาจัดทรงผมเล็กน้อย แล้วพูดพึมพำ “ก็แค่รู้สึกว่าข้าอุตส่าแต่ตัวให้ดูดี แต่ท่านกลับไม่ชายตามองเลยสักนิดเดียว จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก”
“จะบอกหรือไม่บอก เจ้าจะบอกข้ามาโดยดีหรือไม่?” มู่หรงเจี๋ยกระชากตัวนางมาอย่างรุนแรง มือข้างหนึ่งจับคอเสื้อของนางไว้ อีกข้างหนึ่งบีบคางของนาง พร้อมกับกล่าวอย่างขุ่นเคือง
จื่ออันกะพริบตาเล็กน้อย มองเขาอย่างนิ่งเฉย จากนั้นก็ดื้อดึงขึ้นมา “ท่านอ๋อง!”
บรรยากาศค่อนข้างจะดูพิกล มู่หรงเจี๋ยจ้องมองไปในดวงตาของนาง ริมฝีปากแดงเรื่อที่ขยับเขยื้อนนั้น ทำให้ใจรู้สึกหวั่นไหว “อะไร?”
“มืออีกข้างหนึ่งของท่าน เอาออกไปหน่อยได้ไหม!” จื่ออันเลียริมฝีปากแล้วกล่าว
พอมู่หรงเจี๋ยก้มหน้า ก็เพิ่งจะรู้ว่าข้อมือของเขาได้ไปสัมผัสถูกนางเข้า จึงรีบผลักนางออกไปในทันที พร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าช่างเหมือนกับบุรุษ เซี่ยจื่ออัน ดูไม่มีทรวดทรงเอาเสียเลย?”
จื่ออันกระซิบ “ตัวข้ายังเติบใหญ่ได้อีก”
มู่หรงเจี๋ยเหลือบมองนางเล็กน้อย “หน้าไม่อาย”
“มู่หรงเจี๋ย!”
“เรียกท่านอ๋อง!”
“ท่านอ๋องมู่หรงเจี๋ย!”
“เรียกท่านอ๋อง ไม่อนุญาตให้เรียกชื่อเต็มของข้า!”
จื่ออันเท้าคาง มองเขาอย่างจดจ่อ “ยามราตรีที่เงียบสงัดเช่นนี้ หม่อมฉันมีข้อเสนอ!”
“ข้อเสนออะไร?” มู่หรงเจี๋ยมองนางอย่างตื่นตัว
จื่ออันเข้าไปใกล้เขา “พวกเราออกไปดื่มสุรากันเถิด!”
“ดื่มสุรา?” สีหน้าของมู่หรงเจี๋ยแลดูผ่อนคลายลง “เจ้าดื่มสุราเป็นด้วยหรือ?”
จื่ออันมองดูเขา แล้วพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง “หม่อมฉันคอทองแดงเชียวนะเจ้าคะ”
ทำให้เขาลืมเรื่องเศร้าเมื่อครู่นี้ได้ ก็ดีมากแล้ว หวังว่าเขาจะรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้ต่อไป เช่นนั้นถ้านางจะดื่มเป็นเพื่อนเขาทั้งคืนแล้วมันจะเป็นไรไปเล่า?
“ไปดื่มสุรากันที่ไหนดี?” มู่หรงเจี๋ยกล่าวถามนาง
“ไปดื่มที่ริมลำธารในเขตชานเมือง” ที่นั่นพวกเขาสามารถดื่มจนเมามายได้อย่างเต็มที่
มู่หรงเจี๋ยดึงตัวนางให้ลุกขึ้น “ลุกขึ้นมา ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ!”
จื่ออันรีบวิ่งออกไปอย่างไม่รีรอ นางเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่หลังม่าน สวมใส่รองเท้าปักลาย ถือโคมไฟและหยิบหินเหล็กไฟไปด้วยจากนั้นก็ออกจากประตูไปข้างนอกกับเขาด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ
เขาขี่ม้ามาที่นี่ ไม่มีม้าตัวอื่น ดังนั้นทั้งสองคนจึงนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกัน หลังจากซื้อสุราจากโรงเตี๊ยมที่อยู่ในเมืองแล้ว ก็รีบมุ่งหน้าไปนอกเมือง
ตอนที่จะออกจากเมือง มู่หรงเจี๋ยก็ให้นางซุกซ่อนใบหน้าไว้ในอ้อมอกของเขา แสดงป้ายอาญาสิทธิ์ให้ทหารคุ้มกันเมืองหลวงดู จากนั้นพวกเขาก็รีบเปิดประตูเมืองปล่อยให้ออกไปทันที
พอมาถึงริมลำธาร จื่ออันก็จุดโคมไฟแล้ววางไว้ด้านข้าง จากนั้นต่างคนก็ต่างดื่มสุรากันคนละไห นั่งอยู่บนโขดหินใหญ่
ดูเหมือนว่าจื่ออันจะมีความสุขมาก แม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่วันที่น่ายินดีอะไร แต่ว่าในใจนางก็รู้สึกผ่อนคลาย เพราะว่าตั้งแต่มายังยุคโบราณ นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่นางรู้สึกสุขสำราญได้อย่างเต็มที่
มู่หรงเจี๋ยก็ดูเหมือนจะลืมเลือนเรื่องเศร้าที่ป้าซือจูตายไปด้วย ชนไหสุรากับนางเล็กน้อย แล้วเงยหน้าดื่มสุราสักอึก
จื่ออันก็ดื่มไปอึกหนึ่งเช่นกัน สุราฤทธิ์แรงไหลลงสู่คอ นางรู้สึกเหมือนถูกไฟแผดเผา จากนั้น ใบหน้าก็เริ่มร้อนกรุ่น เส้นประสาทที่ตึงก็คลายลงเล็กน้อย