ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 434
จื่ออันยิ้มอย่างเบิกบานใจ “หม่อมฉันรู้ว่าท่านอ๋องกังวลใจ”
“ก็ต้องดูว่าเจ้าจะเอาอะไรมาแลกเปลี่ยน” อ๋องเหลียงเหลือบมองนางเล็กน้อย เขาไม่ได้กังวลอะไร อย่างไรก็ตามขานี้ก็มีคนมารักษามากมายหลายคนแล้ว จะสนทำไมถ้าจะมีใครมารักษาเพิ่มอีกคน เพียงใจไม่คาดหวังก็พอ
“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าท่านอ๋องต้องการสิ่งใดเพคะ”
“ถือว่าเจ้าติดหนี้บุญคุณข้าก็แล้วกัน จดจำไว้ด้วยล่ะ ต่อไปถ้าข้านึกออกว่าต้องการสิ่งใด ก็จะทวงจากเจ้าเอง” อ๋องเหลียงกล่าว
จื่ออันยักไหล่ ชัดเจนอยู่แล้วว่า อีกไม่นานเขาจะเป็นฝ่ายที่ติดหนี้บุญคุณนางเสียเอง
หลังจากออกมาแล้ว มู่หรงจ้วงจ้วงก็กล่าวถามจื่ออัน “ขาของเขารักษาได้จริงหรือ?”
“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ต้องเจ็บหน่อย หม่อมฉันจะฟื้นฟูสภาพร่างกายของเขาก่อน ความจริงเพียงแค่ใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ในการฟื้นฟู ก็ดีขึ้นมากแล้ว สามารถรับการเชื่อมต่อกระดูกที่หักได้ แต่ว่าเพื่อความรอบคอบ หม่อมฉันยังต้องให้เขาทานยาสมุนไพรเพิ่มอีกสักหน่อย ให้เขาทานสักสองสามวัน
“ถ้าสามารถรักษาให้หายได้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีไปเลย” มู่หรงจ้วงจ้วงถอนหายใจ
แม่นมหยางที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินว่าจะเชื่อมต่อกระดูกที่หัก ก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เชื่อมต่อกระดูกอันตรายไหมเจ้าคะ? ฮองเฮาไม่รู้เลยว่าท่านจะใช้วิธีการรักษาแบบใด ถ้าหากรู้ว่าจะเชื่อมต่อกระดูกที่หักเข้าด้วยกันอีกครั้ง เกรงว่าคงจะคัดค้าน”
จื่ออันพยักหน้า “ข้ารู้ ดังนั้นจึงไม่ได้บอกฮองเฮาอย่างไรเล่า แม่นมวางใจ ข้ามีความมั่นใจมาก”
แม่นมหยางเชื่อใจจื่ออัน แต่ว่าบนโลกใบนี้มีเรื่องราวมากมายที่ล้วนไม่แน่ไม่นอน หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาจริง ๆ ไปทำลายขาของท่านอ๋องเข้า เช่นนั้นคุณหนูใหญ่ก็ลำบากแล้วล่ะ
และเมื่อถึงเวลาต้องรักษา ฮองเฮาจะต้องรู้เรื่องแน่นอน ถึงเวลานั้นถึงจะหยุดก็เกิดปัญหาแล้ว
แม่นมหยางเป็นกังวล ไม่ใช่ว่าจื่ออันไม่รู้ว่าตอนนี้นางกำลังลังเลว่าจะนำเรื่องขั้นตอนการรักษานี้ไปบอกฮองเฮาดีหรือไม่
ณ ร้านจู้เสียน
ฮูหยินผู้เฒ่ากับกุ้ยไท่เฟยก็ได้มาพบกันตามนัด
ร้านจู้เสียนเป็นร้านที่กิจการเฟื่องฟูมากในเมืองหลวง ถือเป็นร้านอาหารที่หรูหรามากที่สุด ชั้นสองและชั้นสามล้วนเป็นห้องส่วนตัว ชั้นหนึ่งแยกจากห้องโถงและสนามหญ้าด้านหลัง ห้องโถงเปิดประตูเอาไว้ สนามหญ้าด้านหลังมีดอกไม้นานาชนิดปลูกไว้อยู่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่เป็นห้องส่วนตัวอีกมากมาย
ทานอาหารอย่างหรูหราที่นี่หนึ่งมื้อ เทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปของครอบครัวหนึ่งเดือน ถ้าทานของที่แพงหน่อย ค่าใช้จ่ายทั้งปีก็เอาไม่อยู่
รู้จักกันในนามร้านจู้เสียน แต่คนนอกเรียกจูเหมินกุ้ยโหลว
เพราะว่าคนที่มารวมตัวกันที่นี่ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตและร่ำรวย ขุนนางในวัง พวกข้าราชสำนักปกติแล้วจะเข้ามาไม่ได้ง่าย ๆ เพราะว่าบางทีเงินเดือนของพวกเขาทั้งเดือนก็ไม่พอให้ทานอาหารที่นี่เพียงหนึ่งมื้อ
ผู้ดูแลกกิจการของร้านอาหารที่หรูหราในตอนนี้ก็คือหลานสาวคนโตของตระกูลหู นามว่าหูฮวนสี่
พูดได้ว่านางเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เพราะตระกูลหูขึ้นชื่อเรื่องที่ถือคติว่าผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง แต่ว่านางกลับโดดเด่นกว่าใครท่ามกลางพี่น้องผู้ชายหลายคน ได้เป็นผู้ดูแลร้านอาหารหรูหรา ได้ดูแลตระกูลหู ไม่เพียงแต่ดูแลเรื่องเหมืองทองคำ แต่ยังรวมถึงร้านเครื่องประดับ ร้านน้ำชา ร้านข้าวสาร และร้านแพรต่วน
ต้องพูดเลยว่ามันคือตำนาน
ตระกูลหูเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในต้าโจว พ่อของของเหลียงซื่อที่เป็นลูกสะใภ้ของจิ้นกั๋วกง ร่วมทำธุรกิจกับตระกูลหูด้วย ร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้ แล้วลองจินตนาการดูสิว่า ตระกูลหูนี้จะร่ำรวยสักเพียงใด
ฮูหยินผู้เฒ่ากับกุ้ยไท่เฟยนัดพบกันที่ห้องส่วนตัวที่หรูหราชั้นหนึ่ง ตรงประตูทางเข้ามาห้องส่วนตัวก็มีดอกไม้และต้นไม้ปลูกประดับไว้อยู่ อีกทั้งรอบ ๆ ก็มีคนเฝ้าเวรยามอยู่ด้วย แมลงวันสักตัวยังบินเข้ามาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคน
“ดำเนินเรื่องไปถึงไหนแล้ว?” กุ้ยไท่เฟยมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วกล่าว
ฮูหยินผู้เฒ่าตอบกลับอย่างให้ความเคารพ “กุ้ยไท่เฟยวางใจได้เพคะ เกือบจะเตรียมการเสร็จแล้ว เชื่อเถิดว่าไม่เกินห้าวัน ก็สามารถพลิกฟ้าได้แล้วเพคะ
“ข้าไม่อยากรอนาน เจ้าเร่งมือหน่อย” กุ้ยไท่เฟยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“เพคะ” ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าแลดูร้ายกาจ “ดำเนินเรื่องได้ไปพอสมควรแล้วเพคะ แต่ว่าทางฝั่งของหวงไท่โฮ่ว ยังไม่มีพระราชเสาวนีย์ลงมา”