ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 437
ตาวเหล่าต้านั้นไม่เข้าใจในกฎเกณฑ์ เมื่อเข้ามายังในลานก็ส่งเสียงร้องตะโกนออกมา “ป้าหลานยู่ คุณหนูใหญ่เชิญท่านไปพบสักครั้งหนึ่ง”
มีสาวใช้คนหนึ่งรีบเร่งก้าวออกมา ถลึงตาใส่ออกมาอย่างโมโห แล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นบ่าวรับใช้ของเรือนไหนกัน? กล้าส่งเสียงดังร้องเรียกอยู่ในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า? มีศีรษะกี่หัวกันที่เพียงพอให้กุด? รีบกลับไปเดี๋ยวนี้ อย่าได้มารบกวนฮูหยินผู้เฒ่า”
ตาวเหล่าต้าเหลือบมองไปทางสาวใช้ แล้วจึงเอ่ยออกมา “ข้าเป็นคนของเซี่ยจื่อหย่วน คุณหนูใหญ่ให้ข้ามาเชิญป้าหลานยู่ไป”
ในเรือนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าและป้าหลานยู่ตั้งแต่ต้นก็ได้ยินคำพูดของตาวเหล่าต้า ฮูหยินผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นมองไปทางป้าหลานยู่ “ดูท่าแล้วพวกเจ้าต่างก็คิดว่าข้าใช้ชีวิตอย่างสงบราบรื่นเกินไป ในช่วงระยะเวลาเช่นนี้ เจ้าไปยั่วยุนางทำไมกัน?”
ชุ่ยยู่เองก็เอ่ยออกมาว่า “หลานยู่ ข้าบอกเจ้าตั้งแต่ต้นแล้ว ช่วงนี้อย่าได้ไปยั่วยุทางนั้น เจ้าก็ไม่ยอมฟังข้า”
ป้าหลานยู่เอ่ยแบ่งรับแบ่งสู้ “ไม่ใช่เพียงแค่บ่าวรับใช้หรือ? ไม่มีอะไรให้ควรค่าแก่การตื่นตระหนกกล่าวโทษ? ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้ นางเพียงแต่แสร้งแสดงท่าที คงจะมิกล้าก่อเรื่องเพียงเพื่อบ่าวสองคนนั้นถึงกับทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าลำบากไปได้หรอกเจ้าค่ะ อีกอย่างหนึ่ง บ่าวเองก็ไม่ได้ฆ่าเขา เพียงแต่เรียกให้คนมาตีขาเขาก็แค่เท่านั้นเอง ส่วนสาวใช้คนนั้น เพียงแค่ขังเอาไว้ในโรงเหล้าเดือนค้างฟ้า ไม่ได้ขายออกไป เพียงแค่ขู่ให้นางกลัว”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มเย็น “ไม่มีทางที่จะทำให้ข้าลำบากไปได้? งั้นช่วงนี้ที่นางทำนั้นคือเรื่องอะไรกัน? ตอนนี้ก็มาตามหาถึงที่แล้ว เจ้าไปจัดการเรื่องนี้เอาด้วยตัวเองเสียเถอะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงแค่โมโหที่ป้าหลานยู่ที่ตัดสินใจกระทำลงไปด้วยตนเอง แต่ไม่ได้คิดว่าจื่ออันจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเพราะบ่าวรับใช้สองคน แต่อาจจะเป็นการแสดงอำนาจให้บ่าวรับใช้ได้เห็นก็เป็นได้
นางในตอนนี้มีอำนาจแล้ว ก็คิดที่จะแสดงอำนาจออกมาอย่างไรดี ความคิดจิตใจประเภทนี้ นางทำไมถึงจะไม่รู้? ในตอนแรกนั้นผู้คนมากมายต่างก็เป็นมาเยี่ยงนี้ ค่อย ๆ ที่จะเริ่มรู้สึกว่าการแสดงอำนาจนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องผิวเผิน อำนาจที่แท้จริงนั้นต้องเกิดมาจากภายใน สามารถสั่งให้คนตายหรือเป็นได้
ป้าหลานยู่เอ่ยออกมา “ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้ บ่าวกำลังจะไปเอ่ยให้ชัดเจน หรือว่าที่ในตอนนี้ดูแลทาสรับใช้ของจวน แม้แต่การที่จะให้บ่าวออกไปจัดการธุระก็ไม่มีอำนาจแล้วหรือ? บ่าวยังอยากที่จะเตือนคุณหนูใหญ่จริง ๆ เลยว่า จวนมหาเสนาบดีทุกวันนี้เป็นนางที่สามารถตัดสินใจได้แล้วจริงหรือ แม้แต่คุณหนูรองเองยังไม่กล้าอาละวาดอย่างโจ้งแจ้งเยี่ยงนาง”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังคำประโยคนี้ จึงเงยหน้าขึ้นมามองยังนาง “ใช่หรือไม่ใช่คุณหนูรองที่สั่งให้เจ้าทำ?”
ป้าหลานยู่เอ่ยออกมา “คุณหนูรองเองก็ทนมองดูไม่ได้ ดังนั้นก็เลยร่วมมือกันกับบ่าวเพื่อให้บทเรียนแก่นางสักเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดที่ใหญ่กว่านี้ ฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดระงับโทสะด้วยนะเจ้าค่ะ เรื่องนี้จะไม่ส่งผลต่อท่าน คุณหนูรองได้เอ่ยเอ่าไว้ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นางจะเป็นผู้รับผิดชอบเองเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังคำนี้ก็โมโหจนใบหน้าเขียวคล้ำ “พวกเจ้าแต่ละคนล้วนแต่เก่งกาจกันเสียจริง เรื่องอะไรก็สามารถตัดสินได้ด้วยตนเองกันแล้ว”
ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ตาวเหล่าต้าก็พุ่งตัวเข้ามา เขาเป็นคนที่กายกำยำสูงใหญ่ ไม่มีทางที่จะมาทะเลาะกันกับเหล่าสาวใช้ทางด้านนั้นได้ จึงได้พุ่งตัวตรงเข้ามาอย่างง่ายดาย
ป้าหลานยู่ส่งเสียงดุออกมา “เจ้าช่างบังอาจนัก ถึงกลับกล้าบุกเข้ามาในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า? ไสหัวออกไป”
ตาวเหล่าต้าแม้แต่คำพูดก็ไม่ได้เอ่ยออกมา คว้าป้าหลานยู่มาอย่างง่ายดาย แล้วจึงลากออกไปด้านนอก
ชุ่ยยู่เมื่อพบเห็นเข้า ส่งเสียงร้องเรียกให้หยุด แต่ว่าตาวเหล่าต้านั้นเคลื่อนไหวกายรวดเร็ด เพียงครู่เดียวก็ลากป้าหลานยู่ออกจากประตูไป
ป้าหลานยู่ตื่นตกใจ จึงเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ “คนของคุณหนูใหญ่บังอาจยิ่งนัก ดูท่าแล้วการที่คุณหนูรองและหลานยู่สั่งสอนนางก็เป็นการสมควรแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบลงไปที่เนื้อแกะชิ้นเล็กเข้าปากไป ฟันของนางไม่ดีนัก แต่กลับชอบกินเนื้อแกะตุ่น ทุกครั้งจะต้องสั่งให้ห้องครัวนั้นตุ่นให้ดีเป็นเวลาหลายชั่วยาม ตุ่นจนกระทั่งเมื่อเข้าปากไปแล้วนิ่มราวกับสำลีถึงจะได้
นางคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนจำเป็นจะต้องใช้ไฟและเวลาที่พอดีถึงจะได้
การลงโทษเซี่ยจื่ออันด้วยเปลวเพลิงครั้งนั้น เพิ่งจะผ่านพ้นไปเพียงเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงอดทนต่ออารมณ์โมโหในครั้งนี้ไว้
“ฮูหยินผู้เฒ่า!” ป้าชุ่ยยู่เมื่อพบว่านางนั้นไม่ได้ส่งเสียงใดออกมา จึงได้เอ่ยตะโกนออกมาอีกครั้ง มักจะรู้สึกว่าด้วยลักษณะของฮูหยินผู้เฒ่านั้นไม่มีทางที่จะวางมือไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว โดยเฉพาะแล้วเป็นผู้ที่นางรักและเอ็นดูอย่างหลานยู่
“ให้นางได้จดจำบทเรียนสักครั้งเถิด อย่าได้คิดว่าติดตามข้ามาหลายปี แล้วคิดว่าตนนั้นได้กลายเป็นเจ้านายแล้วจริง ๆ ให้นางได้เข้าใจเอาไว้ บ่าวยังไงเสียก็เป็นบ่าวอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะให้ความสำคัญอย่างไร ยังไงก็ยังคงเป็นบ่าว” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส