ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 439
ช่างไม่รู้จักเคารพเชื่อฟังเสียจริงนี่คงจะหมายถึงจื่ออัน แต่ว่าจื่ออันไม่ได้สนใจที่จะมาอ้อมค้อมกับนาง หมุนกายลุกไปยังทางเดินทอดยาวนั้น เอ่ยสั่งเสียงเย็นกับตาวเหล่าต้า “นำนางแขวนขึ้นไป ให้ขาทั้งสองยกขึ้นห่างจากพื้น นางพูดออกมาเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็ให้วางนางลง”
เรื่องมัดคนแบบนี้เป็นเรื่องที่ตาวเหล่าต้าถนัดมากที่สุด ก่อนที่จะมายังเมืองหลวงนั้น เขาเพื่อที่จะดูแลปากท้องแล้วนั้นเคยไปทำงานฆ่าหมูมาก่อน
เขานำมือทั้งสองข้างของหลานยู่นั้นผูกเข้าด้วยกัน ทำเป็นปมยาว ๆ แล้วจึงลากนางปีนขึ้นไปบนต้นไม้แขวนเอาไว้
หลานยู่ตกใจจนร้องเสียงดังออกมา แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะข่มขู่จื่ออัน “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าหากรู้ว่าท่านทำกับข้าเยี่ยงนี้จะต้องไม่ปล่อยท่านไปแน่”
จื่ออันทำเป็นไม่ได้ยิน นั่งลงใต้ต้นไม้นั้นกับมู่หรงจ้วงจ้วง และเฉินหลิวหลิ่ว ทั้งสามคนได้ดื่มชาด้วยกัน
ทั้งสามคนอารมณ์ล้วนแล้วแต่ไม่ดีนัก จ้วงจ้วงเดิมนั้นกอดความหวังเอาไว้มากเพียงใด คิดว่าพวกเขานั้นเพียงแค่ไม่รู้ว่าไปที่ใด
หยานยู่ถึงแม้ว่าจะไม่ยอมรับว่าได้ลงมือกับพวกเขา แต่ว่าจากสีหน้าและคำพูดสามารถฟังออก พวกเขาทั้งสองจะต้องโดนนางจับตัวไป
จื่ออันโกรธกับความประมาทของตนเป็นอย่างมาก นางตลอดเวลามักจะคิดอยู่เสมอ เสี่ยวซุนและตนเองนั้นก้าวเดินมาด้วยกันตลอดทาง พบเจอกับแผนการต่าง ๆ มามากมาย นางควรจะเหมือนกับตนที่ก้าวหน้าไปพร้อมกัน แต่ว่านางกลับลืมไปว่าเสี่ยวซุนเป็นเพียงแค่สาวน้อยคนหนึ่ง นางถึงแม้จะซื่อสัตย์แต่กลับไม่มีจิตใจความคิดที่สลับซับซ้อนมากนัก จึงถูกผู้อื่นวางแผงได้โดยง่าย
ส่วนกุ้ยหยวนนั้นหลังจากประสบกับเคราะห์กรรมแล้ว ก็กลายเป็นวิตกกังวลหวาดกลัว และคอยระมัดระวังตัว ระแวดระวังก็ระแวดระวังภัยแล้ว แต่ก็ยังอ่อนแอ ทำอะไรมิได้
หลานยู่ยังคงคอยสาปแช่งต่อ จื่ออันเอ่ยเสียงเย็น “เสี่ยวตาว แส้ที่ข้าให้เจ้าไปนั้นกินแต่ข้าวแห้งหรือไร? เมื่อต้องการจะใช้งาน แต่กลับไม่ยอมขยับเขยื้อน”
ตาวเหล่าต้ารอเพียงแต่คำนี้ของจื่ออัน หวดแส้ลงไปบนพื้น เงยหน้าขึ้นไปอย่างโหดร้ายแล้วจึงมอบแส้ไปให้หลานยู่หนึ่งที
หลานยู่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา “ฮูหยินผู้เฒ่าช่วยข้าด้วย ข้ากำลังจะโดนฆ่าตายแล้ว”
“เรียกสิ ส่งเสียงให้ดังออกมาอีกสิ!” ตาวเหล่าต้าก็หวดแส้ลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้หวดไปโดนบนใบหน้าของหลานยู่ หลานยู่รู้สึกเจ็บปวดแสบปวดร้อนราวกับโดนไฟเผาลุกลามแพร่กระจายไป เจ็บปวดจนนางอีกเพียงนิดก็จะเป็นลมสลบไป
ในตอนที่ตาวเหล่าต้าลากหลานยู่ไปนั้น ก็มีทาสรับใช้ได้ไปรายงานเซี่ยหว่านเอ๋อ
เซี่ยหว่านเอ๋อกำลังอยู่ที่เรือนจรัสในสวนด้านหลัง ตั้งแต่ที่ซีเหมินเสี่ยวเยว่จากไปแล้วนั้น นางกับเฉินหลิงหลงก็คืนดีกัน
เซี่ยหว่านเอ๋อรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องของบ่าวรับใช้สองคนนั้น เผยยิ้มเย็นออกมา “เพียงเพื่อบ่าวรับใช้สองคนถึงกับกล้าก่อสงครามขึ้นมา ผู้ที่ไม่รู้ก็จะคิดว่านางนั้นมีเมตตาต่อทาสรับใช้จริง ๆ”
ฮูหยินหลิงหลงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เซี่ยจื่ออันคนผู้นี้ลงมือโหดร้ายนัก กลัวก็แต่หลานยู่สุดท้ายแล้วจะลากเจ้าออกไปด้วย เจ้าทางที่ดีไปช่วยหลานยู่กลับมาก่อนเถอะ”
เซี่ยหว่านเอ๋อเบ้ปาก “ข้าไม่สนใจนางหรอกเจ้าคะ ต่อให้สารภาพออกมาแล้วจะอย่างไรกัน? ข้าเพียงแต่ให้นางเรียกบ่าวรับใช้สองคนนั้นออกไปซื้อของ ส่วนเรื่องอื่นนั้นไม่ใช่ข้าที่วางแผนเสียหน่อย”
“เจ้านี่” ฮูหยินหลิงหลงเอ่ยโน้มน้าว “หลานยู่ถึงจะยังไงก็เป็นคนข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่า นางไม่จำเป็นจะต้องรู้ว่าเรื่องราวในวันนี้เป็นเจ้าที่คอยบงการ หากว่าเจ้านั่งมองไม่สนใจเก็บมือไว้ในแขนเสื้อแล้วคอยดูอยู่ข้างสนาม ฮูหยินผู้เฒ่าจะมองเจ้าอย่างไร? เจ้าตอนนี้ยังไม่อาจจะผิดใจกับฮูหยินผู้เฒ่าได้ นางกำลังหาทางเดินให้เจ้าอยู่”
เซี่ยหว่านเอ๋อเมื่อได้ฟังคำนี้ ชั่วขณะก็โศกเศร้าขึ้นมา “ท่านแม่ ฝ่าบาทตอนนี้ไม่รักไม่สนใจข้าแล้ว กลัวก็เพียงหวงไท่โฮ่วประทานพระราชเสาวนีย์ลงมา เขาก็ไม่มีทางแต่งข้า”
ฮูหยินหลิงหลงลูบคลำใบหน้าของนาง “เจ้าเด็กโง่ รอแผลเป็นเจ้าหายดีแล้ว หวงไท่โฮ่วก็จะประทานพระราชเสาวนีย์ลงมา องค์รัชทายาทจะต้องสู่ขอเจ้า เขามองความสำคัญคือเบื้องหลังความแข่งแกร่ง และพรรคพวกของพ่อเจ้า”
“ไม่ ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ฝ่าบาทชอบพอข้าด้วย” เซี่ยหว่านเอ๋อกำหมัดตนเองแน่ เอ่ยด้วยความโกรธ
นางไม่ชอบเป็นที่สุดคือโดนผู้คนมองว่าองค์รัชทายาทสู่ขอนางเพียงเพราะว่าบิดาของนาง นางอยากจะให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเป็นเพราะองค์รัชทายาทชอบพอนางถึงได้สู่ขอ
นางสนใจที่จะคิดแบบนี้ เป็นเพราะว่านางรู้ว่าองค์รัชทายาทสู่ขอนางนั้นมีจุดประสงค์ที่แท้จริงอย่างไร
แต่ก่อนหน้านี้นั้นไม่ได้เป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้นั้นนางและองค์รัชทายาทชอบพอกันด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ องค์รัชทายาทเคยเอ่ยมาก่อน ไม่ว่านางจะใช่หรือไม่ใช่บุตรสาวของมหาเสนาบดีเซี่ย เขาก็จะสู่ขอนาง