ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 461
หลังจากที่จื่ออันเข้าไป ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่อึมครึม นางจึงลังเลเล็กน้อย “หม่อมฉันมาผิดเวลาใช่หรือไม่เพคะ?”
มู่หรงเจี๋ยโบกมือ “ไม่เป็นไร พวกเราพูดกันจบแล้ว มานี่สิมา ข้าจะแนะนำให้รู้จักคนผู้หนึ่ง”
จื่ออันเดินเข้าไป แล้วมองเซียวเซียวพลางยิ้มเบา ๆ “ไม่ต้องแนะนำแล้วเพคะ ท่านผู้นี้จะต้องเป็นแม่ทัพใหญ่เซียวเซียวเป็นแน่”
เซียวเซียวไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด ท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เพียงพยักหน้าเบา ๆ “ท่านนี้คงจะเป็นบุตรีของจวนมหาเสนาบดี?”
“เซี่ยจื่ออันคำนับท่านแม่ทัพใหญ่!” จื่ออันย่อตัวคำนับ
“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องพิธีรีตอง!” เซียวเซียวกล่าวเบา ๆ ไม่ได้สนใจจื่ออันสักเท่าไหร่
เขายืนขึ้น ยกมือคารวะมู่หรงเจี๋ย “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”
“อืม ไปเถิด!” มู่หรงมองเขาแล้วพูด
เซียวเซียวพยักหน้าให้จื่ออันเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังจากไป
จื่ออันมองตามแผ่นหลังของเขาไป จึงนึกถึงจ้วงจ้วงขึ้นมา นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดจ้วงจ้วงถึงรักเขา บุรุษเช่นนี้ยากนักที่จะไม่ดึงดูดสายตาของหญิงสาว
“องค์หญิงรู้หรือยังว่าเขากลับมาแล้ว?” จื่ออันเอ่ยถาม
มู่หรงจื่อลูบแหวนปานจื่อเล่นอยู่ ราวกับกำลังหนักใจกับเรื่องอะไรบางอย่าง กล่าวตอบอย่างเลื่อนลอย “นางรู้แล้ว แต่ก็วางใจได้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเขาไม่มีทางพบกันแน่”
จื่ออันอยากรู้เรื่องราวของจ้วงจ้วงกับเซียวเซียวเป็นอย่างมาก “เขาไม่ชอบจ้วงจ้วงอย่างนั้นเหรอ?”
มู่หรงเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “กล่าวอย่างนี้ก็แล้วกัน เพื่อเสด็จอาแล้ว แม้กระทั่งชีวิตเขาก็ไม่เสียดาย”
จื่ออันตกใจมาก “เช่นนั้นเหตุใดถึงไปแต่งกับสาวใช้ข้างกายขององค์หญิงได้เล่า?”
มู่หรงเจี๋ยมองจื่ออัน แล้วให้นางเข้ามานั่งที่ข้าง ๆ เขา “ท่ามกลางความซับซ้อน ตอนนี้ข้าไม่รู้จะบอกเจ้าอย่างไรดี บอกไปก็เท่านั้น อย่างไรเสีย ก็ไม่อาจหวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก ระหว่างพวกเขา ไม่มีความเป็นไปได้เลย”
ใช่ เป็นไปไม่ได้ เขามีภรรยาแล้ว ถึงแม้จ้วงจ้วงจะคิดถึง แล้วจะทำอะไรได้?
แต่ว่าความจริงนี้ก็ทำให้นางตกใจมาก เพราะคิดมาโดยตลอดว่าเรื่องนี้ จ้วงจ้วงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าเซียวเซียวก็รักนางมากเช่นกัน
“ท่านก็บอกมาเถิด ในตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดหม่อมฉันก็สามารถพูดกับนางได้อย่างสนิทใจทั้งนั้น หากนางอารมณ์ไม่ดี หม่อมก็รู้ว่าจะต้องปลอบโยนนางอย่างไร” จื่ออันกล่าว
นี่ไม่ใช่การนินทาอีกต่อไปแล้ว นางเป็นห่วงจ้วงจ้วงด้วยใจจริง
มู่หรงเจี๋ยกล่าว “เซียวเซียวกับเสด็จอา ถือว่าเติบโตมาจากสถานที่เดียวกัน ในเวลานั้น นายท่านของจวนโหว ซึ่งเป็นพ่อของเซียวเซียวได้ส่งเขาเข้าวังให้มาเรียนหนังสือ และฝึกวิทยายุทธเป็นเพื่อนข้า ในเวลานั้นเสด็จพ่อก็โปรดปรานเซียวเซียวเหมือนกัน ดังนั้นระยะเวลาที่เซียวเซียวอยู่ในวังจึงนานกว่าตอนที่อยู่ในจวน ในตอนแรกเสด็จอาไม่ชอบเซียวเซียวเลย และมักจะรังแกเขาบ่อย ๆ เซียวเซียวก็ปล่อยให้นางรังแกไป สุดท้ายแล้วการรังแกนี้ก็กลายเป็นความรัก”
มู่หรงเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “อันที่จริงอาจเป็นไปได้ว่าเซียวเซียวจะแอบชอบเสด็จอาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็เป็นได้ จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เสด็จอากระโดดลงไปเล่นในทะเลสาบอย่างสนุกสนาน ช่วงนั้นเป็นฤดูหนาวที่หนาวจัดมาก ผิวทะเลสาบล้วนกลายเป็นน้ำแข็ง นางกระโดดจากบนต้นไม้ลงไป คิดว่าจะไม่ทำให้น้ำแข็งแตก ใครจะรู้ว่าน้ำแข็งตรงตำแหน่งที่กระโดดลงไปนั้นจะบางมาก นางทะลุลงไปใต้น้ำเสียงดังจ๋อม เจ้ารู้ไหมว่าเซียวเซียวเด็กชายคนนั้นทำอย่างไร?”
“เขากระโดดลงไปด้วยเหรอ?” จื่ออันเอ่ยถาม นี่เป็นการตอบสนองโดยปกติอยู่แล้ว หากตอนนั้นเขาชอบจ้วงจ้วงจะต้องกระโดดลงไปแน่ ๆ
“ใช่ เขากระโดดลงไป และยังลากข้าลงไปด้วย เพราะเขาว่ายน้ำไม่เป็น แต่ความเป็นจริง ตอนนั้นข้าเองก็ว่ายไม่เป็น เสด็จอาจึงช่วยพวกเราทั้งสองขึ้นมา หลังจากนั้น เซียวเซียวก็ถูกนางตบไปหลายฉาด นางว่าเขาโง่ ว่ายน้ำไม่เป็นยังจะกระโดดลงไปอีก แต่เด็กชายคนนั้นก็มองดูเสด็จอาอย่างโง่เขลาแล้วก็ยิ้ม จนถึงบัดนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจเลย เขาถูกตบแล้วจะยิ้มทำบ้าอะไรกัน”