ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 462
“ตอนนั้น เขาอายุเท่าไหร่เพคะ?” จื่ออันอดที่จะถามไม่ได้
“ตอนนั้นเขาอายุสิบสองปี” มู่หรงเจี๋ยกล่าว
จื่ออันยิ้มเบา ๆ “สิบสองปี เพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่ม ที่เขายิ้มก็เพราะว่าท่านกับจ้วงจ้วงไม่เป็นอะไร”
มู่หรงเจี๋ยตอบอืม “อาจจะเป็นไปได้”
จื่ออันรู้สึกว่ามันแปลกมาก “เซียวเซียวเหมือนเด็กชายโง่เขลาที่คอยตามองค์หญิงมาโดยตลอดเช่นนั้น แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ท้ายที่สุดเขาถึงแต่งกับสาวใช้ขององค์หญิง หาได้แต่งกับองค์หญิงไม่”
“ปีนั้นเสด็จอามีอายุครบสิบหกปี องค์ชายจากต้าเหลียงได้มาเยือนต้าโจว พอเห็นนางครั้งแรกก็ตกหลุมรักเข้าให้แล้ว อยากจะสู่ขอเสด็จอา และในตอนนั้นสุขภาพของเสด็จพ่อก็ย่ำแย่ ท่านต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองแคว้น จึงตอบตกลงเรื่องการสู่ขอขององค์ชายต้าเหลียง”
เรื่องนี้เป็นที่โจษจันกันอย่างมาก เพราะว่าเสด็จอาเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ยินยอม แม้กระทั่งประกาศว่าจะฆ่าตัวตาย เซียวเซียวคุกเข่าอยู่หน้าห้องตำราของเสด็จพ่อ คุกเข่าอยู่สองวันสองคืน เพื่อให้เสด็จพ่อล้มเลิกเรื่องการอภิเษก เสด็จพ่อทรงกริ้วมาก และมีพระราชโองการลงมาให้ถอดยศจิ้นกั๋วโฮ่ว ตระกูลของเซียวเซียวพลอยเดือดร้อนไปด้วย เขาจึงถูกคนในตระกูลประณาม ในเวลานั้นเซียวเซียวได้รับแรงกดดันจากหลายฝ่าย แต่ก็ต้องทนต่อไป ทว่าเสด็จอาลับทนไม่ได้ ตอบตกลงเรื่องการอภิเษกไป”
“ตอบตกลงเหรอเพคะ?” จื่ออันตกใจมาก
“ในเวลานั้น เสด็จอาเสียใจมากจริง ๆ นางไม่อาจมองดูเซียวเซียวเป็นปรปักษ์กับคนทั้งตระกูล หรือแม้กระทั่งคนทั้งราชสำนักได้ ดังนั้นนางจึงตอบลงเรื่องการอภิเษก และทำเพื่อให้เซียวเซียวตัดใจ นางจึงได้ใช้คำพูดที่โหดร้ายกับเขา”
“คำพูดที่โหดร้าย?”
“ใช่ และนางยังพูดต่อหน้าเซียวเซียวอีกด้วย จากนั้นก็กอดกับองค์ชายแห่งแคว้นต้าเหลียง นางบอกเซียวเซียวว่า ตอนแรกนางก็ไม่ยินยอมอภิเษก แต่ภายหลังนางก็ตกหลุมรักองค์ชายแห่งแคว้นต้าเหลียง ดังนั้นจึงยินยอมอภิเษก บอกเซียวเซียวว่าอย่าได้ฝันกลางวันไป ชั่วชีวิตของเขาไม่มีทางคู่ควรกับนางได้ เพื่อที่จะเหยียดหยันเขา นางก็เลยมอบสาวใช้ให้เขาไป อีกทั้งยังขอให้หวงไท่โฮ่วประทานงานแต่งให้เขาด้วย”
จื่ออันนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นมาเช่นนี้ นางคิดมาโดยตลอดว่าเซียวเซียวเป็นคนที่ตัดความสัมพันธ์
“หลังประทานงานแต่งให้แล้ว เสด็จพ่อก็สวรรคต เสด็จพี่ก็ได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ เขายกเลิกเรื่องการอภิเษก เพราะเสด็จพี่รักเสด็จอามาก ไม่อยากให้นางแต่งไปที่แคว้นต้าเหลียง อีกทั้งเสด็จปู่ก็รับสั่งเอาไว้ก่อนสิ้นชีพิตักษัยว่า ไม่ว่าใครก็ตามก็ห้ามบีบบังคับให้เสด็จอาทำในสิ่งที่นางไม่อยากทำ เสด็จพี่อยากให้เสด็จอาได้ครองคู่กับเซียวเซียว ทว่าเซียวเซียวก็แต่งกับชิงชิวไปแล้ว และประจวบเหมาะกับที่มีพวกชนเผ่าเข้ามาโจมตี เซียวเซียวเสนอตัวออกไปสู้รบ เรื่องนี้จบลงโดยไม่มีบทสรุป หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องราวมากมายขึ้น แต่ว่าตอนนั้นเสด็จอาก็ได้ออกจากวังไปอยู่ที่จวนองค์หญิงของตนเองแล้ว ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้น ข้าเองก็รู้ไม่มากนัก”
จื่ออันคิดว่าเรื่องราวหลังจากนั้น จะต้องเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างแน่นอน เพราะตราบจนถึงวันนี้จ้วงจ้วงยังปล่อยวางไม่ได้เลย
“เซียวเซียวกับสาวใช้คนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” จื่ออันเอ่ยถาม
“ใครจะไปรู้เรื่องระหว่างสามีภรรยาของผู้อื่นกันเล่า? ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งหรอก อีกอย่างเซียวเซียวอยู่ที่ด่านชายแดนตลอด สามปีถึงจะกลับมาครั้งหนึ่ง นี่เป็นคำขอของเขาเองว่าจะไม่ให้ฮูหยินติดตามไปด้วย”
“เช่นนั้นความสัมพันธ์จะต้องไม่ดีอย่างแน่นอนเพคะ มิเช่นนั้นคงจะไม่กลับมาสามปีครั้งหรอก” จื่ออันกล่าว
มู่หรงเจี๋ยโบกมือ “ความจริงแล้วเรื่องของพวกเขายังมีอีกมากที่ข้ายังไม่รู้ แต่ก็ช่างมันเถิด ในเมื่อมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงมันอีก สำหรับเสด็จอาและเซียวเซียวล้วนเป็นความเจ็บปวด”
ยากนักที่มู่หรงเจี๋ยจะกล่าวคำพูดที่สะเทือนอารมณ์ออกมาเช่นนี้ จื่ออันรู้สึกประหลาดใจมาก
“เจ้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอันใดหรือ?” มู่หรงเจี๋ยนึกขึ้นได้ว่าจะถามนางถึงจุดประสงค์ที่มา
จื่ออันกล่าวเอ่อ “จริงสิ”
นางเล่าเรื่องที่หลานยู่ทำร้ายกุ้ยหยวนกับขายเสี่ยวซุนให้เขาฟัง จากนั้นก็กล่าว “ตอนนี้กุ้ยหยวนถูกฮูหยินผู้เฒ่าหมายหัวเอาไว้แล้ว ดังนั้นข้าอยากจะถามท่านว่า ท่านรับเขาเอาไว้ได้ไหม? รอให้บาดแผลของเขาหายดีก่อน ว่าแต่ท่านสามารถพาเขาไปเข้าร่วมกองทัพได้หรือไม่?”
มู่หรงเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หากต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จริง ๆ เข้าร่วมกองทัพคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดี ข้าขอเตรียมการก่อน ให้เขาเข้ามาที่จวนอ๋อง อย่างไรเสีย ต่อไปเจ้าก็ต้องแต่งเข้ามาที่นี่อยู่แล้ว มิใช่หรือ?”
จื่ออันอุทาน ‘เอ๋’ ออกมา แล้วเหลือบมองเขา “อะไรของท่านนี่”