ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 466
คุณหนูใหญ่เซี่ย ท่านไปนอกเมืองกับข้าสักรอบเถิด ท่านได้โปรดช่วยหวางหยูด้วยเถอะขอรับ” ซูชิงเอ่ยอ้อนวอนขอร้องออกมา
จื่ออันจึงได้ถามกลับ “เขาตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วบ้าง?”
“เขานับวันอาการก็ยิ่งหนักขึ้น วันนี้ไม่มีวิธีที่จะให้ยาได้แล้ว” ซูชิงเอ่ยออกมา
จื่ออันอยากจะเอ่ยกับเขานัก หากว่าไม่อาจที่จะรับอาหาร ไม่อาจจะรับยาต้ม ต่อให้นางไปก็คงจะหมดหนทางแล้ว นางคงจะมิอาจช่วยหวางหยูเอาไว้ได้
แต่ว่าเมื่อมองเห็นใบหน้าของซูชิงเต็มไปด้วยความอ้อนวอน นางเองก็ไม่อาจที่จะปฎิเสธออกไปได้ “ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”
บางทีนางอาจจะทำให้หวางหยูมีความสุขขึ้นก็เป็นได้
เมื่อถึงนอกเมืองแล้ว กลับมองเห็นหญิงสาวเยาว์วัยนางหนึ่งคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกกรงเหล็ก
ซูชิงไม่ได้เอ่ยออกมาเกินจริงเลย สถานการณ์ของหวางหยูนั้นหนักหนาเอาการ ใบหน้าของเขาเริ่มที่จะลอกล่อน เผยให้เห็นจุดด่างดำ แต่เมื่อมองใกล้แล้วกลับไม่ใช่จุดด่างดำ แต่เป็นร่องรอยของเลือดที่คั่งค้างเมื่อตอนที่เขาล้มลง
เขานอนหงายแผ่หราอยู่ภายในกรงเหล็ก เบิกตากว้าง เบ้าตาดูลึก ทั่วทั้งกายผอมแห้งเป็นอย่างมาก เหลือเพียงแต่หนังที่หุ้มกระดูกเอาไว้
เขาราวกับว่าทุกข์ตรมเป็นอย่างมาก มือทั้งคู่กำหมัดแน่น บางคราวก็งอเข่าลง บางคราวก็ถีบตัวตรง ดูเหมือนได้รับความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
ในลำคอนั้นมีเสียง “หัวเราะ” ออกมา อย่างไม่หยุดหย่อน มุมปากนั้นแม้แต่ฟองน้ำลายก็ไม่มี แห้งกรังไปหมด
หญิงสาวผู้นั้นร้องไห้อยู่ด้านนอกของกรงเหล็ก ท่าทางดูซีดเซียวเศร้าโศกเสียใจ
“นางเป็นพี่สะใภ้ของหวางหยู” ซูชิงเอ่ยออกมาด้วยความเศร้าโศก “เมื่อวานข้าได้ขอให้นางมา หากว่าหวางหยูจะต้องตายจริง ๆ แล้ว ข้าก็หวังว่าจะมีคนในครอบครัวคอยอยู่เป็นเพื่อนเขา”
จริง ๆ แล้วที่ซูชิงไปหาจื่ออันนั้น เพราะว่าจะมีวิธีที่ไม่เจ็บปวดทำให้เขาตายลงไป เขารู้ดีว่าผู้ใดก็ไม่มีวิธีที่จะช่วยหวางหยูเอาไว้ได้
จื่ออันยืนอยู่ด้านนอกกรงเหล็ก มองไปยังหวางหยูรู้สึกหมดสิ้นหนทางแล้ว
เซียวท่าเดินออกมาจากห้องด้านใน ในมือนั้นประคองถ้วยยาออกมาด้วย เมื่อพบกับจื่ออัน เขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก “มาแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว!” จื่ออันส่งเสียงตอบกลับแห้ง ๆ เหมือนกับไม่มีเรี่ยวแรงด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก
“ท่านแม่ทัพซูชิง ท่านบอกว่าไปตามท่านหมอมา นางก็คือท่านหมอหรือ?” พี่สะใภ้ของหวางหยูมองมายังซูชิงด้วยอาการเหม่อลอย ดวงตาแดงก่ำมีน้ำตาเอ่อคลอ
ซูชิงผงกศีรษะ “นางเป็นท่านหมอ”
แต่ว่าเขาไม่มีวิธีที่จะเอ่ยออกมาได้ว่า ทักษะทางการแพทย์ของนางนั้นสูงส่งยิ่งนัก เพราะว่าต่อให้เก่งกาจสักเพียงใด ในใจเขานั้นเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเซี่ยจื่ออันเองก็หมดหนทางแล้ว
พี่สะใภ้ของหวางหยูแสดงออกมาว่าผิดหวังนัก นางไม่เคยพบเห็นว่าจะมีสตรีนางใดเป็นท่านหมอได้
“ท่านแม่ทัพซูชิง แม้แต่เชิญท่านหมอจริง ๆ มาก็ไม่ยินยอมหรือไร?” นางคิดว่าซูชิงนั้นหาหญิงสาวมาเพื่อปลอบโยนนาง จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยบ่นกลับไป
เซียวท่าเอ่ย “พี่สะใภ้ใหญ่หวาง นางเป็นท่านหมอจริง ๆ เก่งกาจกว่าท่านหมอในสำนักหมอหลวงเสียอีก หากว่านางไม่มีวิธีที่จะช่วยหวางหยูแล้วนั้น ต่อให้หมอหลวงมาก็ไม่มีประโยชน์อันใด”
พี่สะใภ้ใหญ่หวางยิ้มอย่างขมขื่น “ข้ารู้ว่าพวกท่านแม่ทัพล้วนแต่ไม่ยินยอมที่จะเปลืองแรงใจเพื่อหวางหยู ใช่แล้ว เขาเป็นเพียงแค่พลทหาร จะควรค่าให้พวกท่านทุ่มแทเหนื่อยนักไปเพื่ออะไรกัน?”
จื่ออันเมื่อได้ฟังประโยคนี้แล้วนั้น ภายในใจก็รู้สึกเศร้าตรม นางเอ่ยออกมา “พี่สะใภ้ใหญ่หวาง หากว่าพวกเขาไม่ได้สนใจวามเป็นความตายของหวางหยูแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำเขาเดินทางไกลเป็นพันลี้กลับมาหรอก ทุกคนล้วนแต่หวังจะให้หวางหยูดีขึ้น แต่ว่าจนถึงตอนนี้แล้ว ก็ยังไม่มีวิธีรักษาอาการของโรคนี้ได้”
พี่สะใภ้ใหญ่หวางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ขอประทานโทษด้วยเจ้าค่ะ ข้าเสียใจไปในชั่วขณะ เอ่ยคำที่ไม่ควรจะเอ่ยออกมา หวังว่าท่านแม่ทัพทั้งสองคงจะให้อภัยข้า”
จื่ออันเมื่อพบว่านางยังคงมีท่าทางที่ไม่ค่อยจะเชื่อนัก ก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ พูดออกมามากไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว
จื่ออันเมื่อพบว่าหวางหยูมีท่าทางทุกข์ทรมาน จึงได้เอ่ยถามซูชิง “เจ้าก่อนหน้านั้นก็วางยาสลบเขามาโดยตลอดนี่? ทำไมถึงได้ไม่ใช้เสียแล้ว?”
ซูชิงเอ่ยตอบ “เขามีบางคราวที่ฟื้นขึ้นมา ได้ขอร้องพวกเราว่าอย่าได้วางยาสลบให้เขาอีก โดยเฉพาะเมื่อพี่สะใภ้ใหญ่หวางมาแล้วนั้น เขาก็ไม่ยินยอมอีก”
จื่ออันรู้สึกเศร้ายิ่งนัก หวางหยูคงจะหวังว่าตนนั้นจะยังคงมีสติ ในตอนที่พบคนใกล้ชิดอยู่ข้างกาย เยี่ยงนี้ก็จะได้สงบจิตสงบใจลงได้