ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 480
กลับเป็นหนี่หรงที่เอ่ยปลอบพี่สะใภ้ใหญ่หวางเอาไว้ “เจ้าวางใจได้ หากว่าพวกเราตายไป แม่ทัพซูจะช่วยดูแลแม่สามีของเจ้า”
พี่สะใภ้ใหญ่หวางปาดน้ำตาออก มองมายังหวางหยูที่กำลังสลบไสล เอ่ยพึมพำออกมา “ก็ดี ก็ดีเหมือนกัน ทั้งครอบครัวล้วนไม่มีผู้ใดเหลือแล้ว ข้ามีชีวิตอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว แล้วใยถึงไม่ตายไปเสีย”
หนี่หรงจู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมามองมายังจื่ออัน “หากว่าข้าตัดมือทิ้งเสียใช่ไม่ใช่ว่าจะยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้?”
จื่ออันส่ายศีรษะ “ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”
หากว่าพิษไข้นี้ซึมซับเข้าไปเร็วเกินไป ในตอนที่ถูกกัดนั้นแล้วรีบเร่งตัดมือทิ้ง บางทีอาจจะยังมีโอกาส แต่ว่ามาตอนนี้ก็ล้างออกไปเป็นเวลานานแล้ว หากว่าพิษไข้นี้แพร่กระจายออกไปแล้ว ต่อให้ตัดมือทิ้งก็ไม่มีประโยชน์อันใด
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยด้วยเสียงมืดมน “ไม่มีประโยชน์ คนของสำนักฮุ้ยหมินเคยเข้ามารายงานแล้ว หมู่บ้านศิลานั้นมีคนอยู่ผู้นึงกถูกกัดเข้า จึงตัดมือของตนทิ้ง แต่ก็ยังได้รับเชื้อไข้อีก”
หนี่หรงหลับตาลง ปิดบังแววตาผิดหวังเอาไว้ “อ้อ เป็นเยี่ยงนี้นี้เอง แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ยังมีร่างที่สมบูรณ์อยู่”
จื่ออันพันแผลให้แก่ทหารองครักษ์เรียบร้อยแล้ว ในใจนั้นรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก
หากว่าไม่เป็นเพราะนางที่บอกว่าจะฝังเข็มปิดกั้นชีพจรให้แก่หวางหยู เขาก็คงอยู่ในกรงเหล็กอยู่ตลอดเวลา บางทีค่ำนี้เขาอาจจะไม่อยู่แล้วก็เป็นได้ และอย่างน้อยก็ไม่อาจที่จะทำลายชีวิตผู้อื่นขึ้นไปอีกสามชีวิต
ทั้งสามคนนี้ หากจะพูดแล้วก็เป็นเพราะนางที่ทำเป็นฉลาดถึงได้ตาย
ลำคอเหมือนกับโดนสำลีก้อนหนึ่งอัดแน่นเอาไว้ แม้แต่เสียงที่จะเอ่ยขอโทษออกมาก็เอ่ยไม่ออก
นางรู้ดีว่า เสียงกล่าวโทษยังไงเสียก็คงจะมีตามมา
จริง ๆ ด้วย พี่สะใภ้ใหญ่หวางเมื่อร้องไห้เสร็จแล้ว ก็มองมายังจื่ออันด้วยความโกรธเกลียด “ท่านแม่ทัพซูบอกว่าทักษะทางการแพทย์ของเจ้าสูงส่งยิ่งนัก พวกเราต่างก็เชื่อเจ้า เจ้าบอกว่าภายในสองวันเคลื่อนนี้ไม่มีทางที่จะเคลื่อนไหวได้ พวกเราต่างก็เชื่อเจ้า เป็นเจ้าที่ทำร้ายจนทำให้พวกเรากำลังจะตายกัน”
หนี่หรงรีบร้อนเอ่ยดุออกมา “พี่สะใภ้ใหญ่หวาง อย่าได้พูดจาเหลวไหล กล่าวโทษคุณหนูใหญ่มิได้ นางเพียงแต่มีความตั้งใจดีที่มาช่วยรักษาให้แก่หวางหยู”
เมื่อลมพัดผ่านไป พัดเสียจนโคมไฟในลานสั่นไหว ในที่แห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยอันใดออกมาอีก แม้แต่ลมหายใจก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
สุดท้ายแล้ว ยังคงเป็นหนี่หรงที่ลุกขึ้นยืนเอ่ยสั่งทหารองครักษ์ “พวกเจ้าค่ำนี้ออกไปทำกรงเหล็กสักกี่อัน จะต้องรวดเร็วที่สุด”
ทหารองครักษ์มองมายังมู่หรงเจี๋ยไม่ส่งเสียงใดออกมา มู่หรงเจี๋ยแววตาดูมืดมนเป็นอย่างมาก แต่ก็กลับไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา
ทหางองครักษ์จึงได้โค้งคำนับแล้วออกไป
จื่ออันนั่งอยู่ตรงระเบียง สองมือปิดบังใบหน้าเอาไว้
มู่หรงเจี๋ยจึงนั่งลง โอบไหล่ของนางเอาไว้อย่างเบาๆ “เจ้าไม่ได้ตั้งใจ อย่าได้กล่าวโทษตนเองเลย”
จื่ออันเงยหน้าขึ้นมามอง สำลักเอ่ยออกมา “ท่านเองก็คงจะโทษข้า ข้ารู้ว่าท่านใส่ใจหนี่หรงเพียงใด เป็นข้าที่ทำร้ายจนทำให้เขาจะต้องตาย”
มู่หรงเจี๋ยเงียบลง “อย่าได้คิดอะไรอีกเลย รีบกลับไปเร็วเสียหน่อย พรุ่งนี้ก็รีบออกจากเมืองหลวงไปในทันที”
จื่ออันกลับส่ายศีรษะอย่างช้า ๆ “ไม่ ข้าไม่มีทางจะไปอีกแล้ว”
นางไม่อาจที่จะจากไปในตอนนี้ได้ หากนางจากไปทั้งอย่างนี้ จะนับเป็นอันใดได้?
พี่ชายของหนี่หรงนั้นโดนลอบฆ่าไปตั้งแต่คราวที่แล้ว หากว่าหนี่หรงในครั้งนี้เกิดเรื่องขึ้นอีก นางคงจะเป็นคนบาปหนาของครอบครัวสกุลหนี่หรงไปเสียแล้ว
“เจ้ารั้งรออยู่ที่นี่ก็ช่วยอันใดไม่ได้ ยังไงเสียไปเสียดีกว่า” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมา
“ไม่ ข้าจะอยู่ที่นี่” จื่ออันเอ่ยวิงวอนออกมา “พูดกันตามตรงแล้ว ข้าในตอนต้นนั้นไม่ได้เอ่ยออกมาชัดเจนว่าจะจากไปดี มาตอนนี้ก็ไม่มีทางที่จะจากไปแล้ว”
“จื่ออัน อย่าได้ดื้อดึง หากว่ายังอยู่ในเมืองหลวงต่อจะต้องถูกผู้อื่นหลอกใช้เอาได้ ถึงตอนนั้น ข้าเองก็ไม่มีวิธีที่จะปกป้องเจ้าเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก
เขานั้นพอจะรู้มาว่า หวงไท่โฮ่วต้องการที่จะให้นางไปยังพื้นที่ภัยพิบัติ เมื่อนางเข้าไปยังพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว นางอยากจะออกมาก็คงจะไม่ง่ายดายนัก
หากว่านี้เป็นหนึ่งในแผนการสมรู้ร่วมคิดแล้ว เป้าหมายของพวกเขานั้น คงจะต้องการกำจัดจื่ออันเสียก่อนเป็นอันดับแรก
จื่ออันยังคงยืนหยัดต่อไป มู่หรงเจี๋ยกลับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจ้าหากว่าอยู่เมืองหลวงแล้วมีประโยชน์ ข้าก็ไม่มีทางให้เจ้าไป แต่ว่าเจ้าลองดู เจ้าตอนนี้ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเยี่ยงนี้? เจ้าหากว่าจากไปตั้งแต่เนิ่น ๆ หนี่หรงพวกเขาก็คงจะไม่เกิดเรื่องขึ้น”
เอ่ยออกมาจบแล้ว เขาก็ลุกขึ้น “เจ้ากลับไปก่อน พรุ่งนี้แต่เช้า ข้าจะให้เซียวท่าส่งเจ้าออกไป”