ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 486
คำพูดของตาวเหล่าต้าได้ทำให้จื่ออันได้ฉุกคิดขึ้นมาในทันที
นางลุกขึ้นอย่างกะทันหัน “เจ้ารีบไปยังลานนอกเมือง ดูว่ามีใครอยู่บ้าง และถามดูว่าให้หนี่หรงมาหาข้าที่นี่ได้ไหม”
ตาวเหล่าต้ารับคำสั่ง “ขอรับ!”
เมื่อตาวเหล่าต้าไปถึงชานเมือง ก็เห็นว่าเซียวท่าคอยเฝ้าระวังที่นั่นไว้อยู่ พอได้ยินว่าจื่ออันไม่ได้ออกจากเมืองหลวงไป ทั้งยังพักอยู่ที่เรือนเล็กของตระกูลเฉิน ก็โมโหมาก “เฉินหลิวหลิ่วบอกว่าจะพานางออกไปเองมิใช่หรือ? ท่านอ๋องก็มีคำสั่งลงมาแล้ว ให้คุณหนูใหญ่ของเจ้าออกจากเมืองหลวงไป นางไม่ไปเพราะต้องการให้มีคนตายเพิ่มอีกถึงจะพอใจใช่หรือไม่?”
ตาวเหล่าต้ารู้สึกไม่พอใจเซียวท่าที่พูดทำนองนี้มาตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ตอนนี้พอได้ยินเขายังพูดแบบนี้อีก จึงชักแส้ออกมาเสียงดังวืด “หากยังด่าคุณหนูใหญ่อีกล่ะก็ข้าจะสู้ตายกับเจ้า”
เซียวท่ามองบน “เจ้าเด็กโง่!”
ตาวเหล่าต้ากล่าว “เจ้าด่าข้าได้ แต่ว่าจะด่าคุณหนูใหญ่ไม่ได้”
หนี่หรงเดินออกมา “คุณหนูใหญ่ต้องการให้ข้าไปหาใช่หรือไม่?”
เขาก็อยู่ที่นี่ด้วยและได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกัน
“ใช่ คุณหนูใหญ่บอกว่าต้องการคิดค้นสูตรยาเพื่อรักษาโรคผีดิบ ดังนั้นจึงให้ข้ามาเชิญท่านไป” ตาวเหล่าต้าที่ถูกเสี่ยวซุนอบรมมาก็รู้จักมารยาทแล้ว
หนี่หรงกล่าว “ได้ ข้าจะไปพร้อมกับสะใภ้ใหญ่หวาง ตาของนางเริ่มมีเส้นเลือดแล้ว แต่ของข้ายัง ดังนั้นจึงควรไปด้วยกัน”
เขายังมีความเชื่อมั่นในตัวของจื่ออันมาก แม้จะไม่ได้คิดว่านางจะหาทางรักษาได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ว่าหากค่อย ๆ ศึกษาคิดค้น มันก็น่าจะได้ ช่วยเขาไม่ทันไม่เป็นไร ช่วยคนอื่น ๆ ได้ก็ยังดี
เซียวท่าดึงตัวหนี่หรงไว้ “เจ้าไปไม่ได้ ท่านอ๋องให้ข้าคอยดูพวกเจ้าอยู่ที่นี่”
“อย่างนี้ดีหรือไม่” หนี่หรงกล่าวเสนอความคิดเห็น “พวกเราก็ไปด้วยกันเสียเลย แม่ทัพเซียวท่านก็เคยเห็นทักษะทางการแพทย์ของคุณหนูใหญ่แล้วนี้ บางทีนางอาจจะคิดค้นหาวิธีการรักษาได้จริง ๆ”
เซียวท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าขอไปถามท่านอ๋องก่อน”
“ไม่ต้องถามแล้ว ไปกันเถิด ท่านอ๋องไม่มีทางปฏิเสธเป็นแน่ หากสามารถคิดค้นสูตรยาได้จริง ๆ ท่านอ๋องก็จะได้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เจ้าไม่เห็นท่านอ๋องเหรอสองสามวันมานี้ถูกพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่กดดันจนมีสภาพเป็นเช่นใด?” หนี่หรงกล่าวอย่างร้อนใจ
เซียวท่าคิดว่ามันก็จริง ช่วงนี้สถานการณ์ในราชสำนักตึงเครียดขึ้นไปทุกที คนทั่วไปก็รู้สึกหวาดหวั่น แม้ว่าระฆังจะบอกเวลาเย็นแล้ว แต่ก็มีคนใช้โอกาสนี้ออกจากเมืองไปในตอนมืด เพราะอยากหลีกหนีโรคระบาดในครั้งนี้
หากหาวิธีรักษาโรคผีดิบนี้ได้ เช่นนั้นความกังวลใจเหล่านี้ก็จะไม่มีอีกต่อไป
“ได้ ข้าจะเตรียมรถม้า ใช้โอกาสในขณะที่ไม่มีใครรู้ว่าพวกเจ้าถูกกัด ส่งตัวพวกเจ้าไปที่นั่นก่อน หวางหยูแสดงอาการแล้ว ตอนที่เข้าเมืองไปคงยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครพบเห็น ให้อยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน แล้วข้าค่อยหาคนมาดูแลเขา”
ตาวเหล่าต้าถามอย่างสงสัย “หวางหยูผู้นี้ก็ติดเชื้อมานานแล้วนะ ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?”
พอตาวเหล่าต้าพูดขึ้นมาเช่นนี้ หนี่หรงกับเซียวท่าจึงชะงักไปเล็กน้อย จริงด้วยสิ โดยเฉพาะสองวันนี้ แม้ว่าเขาจะใช้ยาแฝดมาโดยตลอด แต่ท้ายที่สุดก็มารักษาด้วยยาสมุนไพรต้ม อีกทั้งตอนที่รักษาด้วยสมุนไพร ก็ดูไม่ฉุนเฉียวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เมื่อก่อนแม้กระทั่งอยู่ในอาการที่สาหัส ตอนที่ดื่มยาสมุนไพรต้ม เขาจะต่อต้านตามสัญชาตญาน ยากที่จะดื่มลงไปได้ แต่หลังจากกัดคนไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะดีขึ้นเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าที่โรคผีดิบนี้จะต้องกัดคนถึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้?
“หรือว่าจะให้เขามาที่นี่ดี” เซียวท่ากล่าว
หนี่หรงส่ายหัว “ไม่ได้ อยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป อีกทั้งที่นี่ก็หายาได้ลำบาก เพราะมันไม่ใช่เมืองหลวง
เซียวท่าคิดว่ามันก็จริง “จริงด้วย จะว่าไปแล้วที่นี่ก็อยู่ใกล้หมู่บ้านศิลามาก ไม่ช้าก็เร็วที่นี่ก็ต้องถูกค้นพบ”
“ไปกันเถอะ เก็บข้าวของแล้วไปกัน” หนี่หรงตรงเข้าไปด้านในทันที สะใภ้หวางนั่งอยู่ที่หน้าประตู ท่าทางดูเลื่อนลอยเล็กน้อย เส้นเลือในตาก็เพิ่มขึ้นมาจากตอนเช้าอีกหน่อยเช่นกัน ดูแล้วอาการนางน่าจะทรุดลง การกำเริบก็ใกล้เข้ามาแล้ว
ทหารองครักษ์อีกคนแม้จะมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาในตา แต่อาการอื่น ๆ ที่แสดงออกมาก็ยังดีอยู่ ไม่มีอาการเหม่อลอย
จะพาหวางหยูเข้าเมืองหลวงจะต้องคิดหาวิธี เพราะตอนที่เข้าเมืองจะต้องได้รับการตรวจสอบก่อน ถึงแม้จะเป็นเซียวท่า ก็ไม่อาจลักลอบพาคนที่เป็นโรคผีดิบเข้าเมืองได้
ตาวเหล่าต้าเสนอความคิดเห็นขึ้นมา “ตอนที่เข้าเมือง โดยปกติแล้วพวกทหารจะค้นภายในรถม้าเท่านั้น ไม่ค้นที่บริเวณด้านล่างของรถม้า อย่างนี้ดีหรือไม่ มัดหวางหยูไว้ใต้รถม้า อย่างไรเสียตอนนี้เขามีอาการเลื่อนลอยอยู่ ไม่ส่งเสียงดังแน่นอน แบบนี้ก็สามารถหลุดรอดสายตาไปได้แล้วมิใช่หรือ?”
หนี่หรงกับเซียวท่ามองหน้ากัน เซียวท่าลูบหัวของตาวเหล่าต้า “เด็กน้อย เจ้าก็ฉลาดเหมือนกันนี่”
ตาวเหล่าต้าบ่นพึมพำ “วิธีที่ง่ายดายเช่นนี้ก็คิดกันไม่ได้กัน เป็นเพราะพวกท่านโง่ ไม่ใช่เพราะข้าฉลาด”
“เจ้าเด็กคนนี้ช่างกวนบาทาเหมือนกับเจ้านายของเขาจริง ๆ” เซียวท่าถอนหายใจเร็ว