ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 488
ซูชิงชะงักไปเล็กน้อย “เซียวท่า เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
เซียวท่าเหลือบมองเขาเล็กน้อย แล้วหัวเราะเยาะ “มันไม่ชัดเจนหรืออย่างไร? ซูชิงผู้ที่ชอบคนบ้า เฉินหลิวหลิ่วหญิงสาวผู้ฟั่นเฟือน เจ้าไปมาหาสู่กับนางบ่อย ๆ มิใช่หรือ?”
ซูชิงกล่าว “ดูแล้วคนที่บ้าน่าจะเป็นท่านมากกว่ากระมัง? นี่มันก็ถือเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ? เจ้าจะดึงเฉินหลิวหลิ่วเข้ามาเกี่ยวข้องทำไม? ช่วงนี้นางก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเจ้านี่?”
มู่หรงเจี๋ยมองดูพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “พอแล้ว หากพวกเจ้าทั้งสองไม่อยากฟัง ก็ไสหัวออกไปให้พ้นหน้าข้าซะ!”
ซูชิงเงียบปาก แต่เหลือบมองเซียวท่าอย่างดุร้ายเล็กน้อย เซียวท่าก็มองกลับไปเช่นกัน ใครไม่มีตาบ้าง จริง ๆ เลยเชียว!
มู่หรงเจี๋ยกล่าวถามต่อไป “พบอะไรที่เกาะวิปลาสนั่นอีกบ้าง?”
ทหารองครักษ์กล่าวตอบ “กระหม่อมไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติเลยพ่ะย่ะค่ะ คนบ้าจากตระกูลหลิวก็ถูกขังแยกไว้ต่างหาก เพราะเขามีพฤติกรรมก้าวร้าวมาก ทหารรักษาการณ์บอกว่าในหนึ่งเดือนอาการบ้าของเขาจะกำเริบขึ้นมาสองสามครั้ง หากหาคนระบายไม่ได้ในตอนที่อาการกำเริบ เขาก็จะกระแทกกรง”
“ไม่มีอาการที่จะกัดคนเลยเหรอ?” ซูชิงรีบกล่าวถาม
ทหารองครักษ์กล่าวตอบ “ไม่เคยมีเลยขอรับ ทหารรักษาการณ์ต่างบอกว่าอย่างมากเขาก็แค่ทุบตีคน ไม่ก็กระแทกกรง ไม่กัดคนขอรับ”
มู่หรงเจี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากเดาผิดไปจริง ๆ เล่า?
ไม่ ไม่ผิดแน่ ในเวลานั้นเขาได้ส่งคนไปที่หมู่บ้านศิลาเพื่อจับคน คนที่จับได้ก็คือคนบ้าจากตระกูลหลิวผู้นี้
ในตอนนั้นมั่นใจได้ว่าเขาคือต้นตอของโรคผีดิบ เพราะเขาได้กัดชาวบ้านในหมู่บ้านศิลามาก่อน
อีกทั้งในเวลานั้นเซี่ยหวายจุนยังจงใจปล่อยคนผู้นี้ไปอีก เป็นการยืนยันว่าเขากับคนผู้นี้มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกัน
“ตอนนี้จื่ออันมีความคิดเห็นอย่างไร?” จู่ ๆ มู่หรงเจี๋ยก็นึกถึงจุดนี้ขึ้นมา
เซียวท่าพูด “นางยืนกรานที่จะอยู่ต่อ ได้ยินที่นางพูดกับเฉินหลิวหลิ่วว่า เปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการตอบโต้กลับอะไรสักอย่าง”
“เปลี่ยนจากตั้งรับเป็นตอบโต้?”
“ใช่แล้ว อีกทั้งวันนี้ยังให้เฉินหลิวหลิ่วไปส่งจดหมายให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหูอีก”
มู่หรงเจี๋ยครุ่นคิดเล็กน้อย จู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา “ข้าเข้าใจแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไรหรือ? ได้ยินมาว่าหลังจากคุณหนูใหญ่ตระกูลหูได้รับจดหมาย ก็ได้สั่งคนให้จัดแจงนัดหมายกับองค์รัชทายาทให้ นัดเจอกันที่เรือนสืออ้ายหย่วน เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วเมือง ทุกคนต่างพูดกันว่านางมีใจให้กับองค์รัชทายาท”
มู่หรงเจี๋ยยิ้มเบา ๆ “ใช่สิ แล้วเจ้าคิดว่าหากคุณหนูใหญ่ตระกูลหูมีใจให้องค์รัชทายาท แล้วใครจะเดือดเนื้อร้อนใจกันเล่า?”
“ก็ต้องเป็นคนของจวนมหาเสนาบดีอยู่แล้ว ป่านนี้คงกระวนกระวายใจกันแย่แล้วกระมัง? เพียงแค่คุณหนูใหญ่พูดว่าอยากเป็นพระชายาเอกขององค์รัชทายาท ด้วยความมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูลหู ตำแหน่งพระชายาเอกนี้เกรงว่าจะได้มาเป็นที่แน่นอนแล้ว”
“ก็ดี สร้างเรื่องแบบนี้ ให้พวกเขาวุ่นวายกันก่อน” มู่หรงเจี๋ยใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ดูท่าเขาจะประเมินจื่ออันต่ำมาโดยตลอด บางที เขาควรจะวางใจเรื่องนางได้ เพราะนางมีความสามารถมากพอที่ปกป้องตัวเอง เช่นเดียวกับมีแรงที่จะตอกกลับไป
มู่หรงเจี๋ยออกคำสั่งลงไป “ทหาร เตรียมม้า”
“จะไปที่ไหนหรือ?” เซียวท่ากล่าวถาม
“แน่นอนว่าจะต้องไปดูเรื่องสนุกน่ะสิ” ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากของมู่หรงเจี๋ยเล็กน้อย
ซูชิงกับเซียวท่ามองหน้ากัน หลังจากมึนงงเสร็จแล้ว ต่างก็ส่งเสียงเหอะออกมา เบือนหน้าหนี สีหน้ายังคงแลดูขุ่นเคืองกันอยู่