ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 489
สำนักสืออ้ายหย่วน เป็นหน่วยงานการกุศลที่ก่อตั้งมาเพื่อประชาชนโดยทั่วไป ผู้ริเริ่มก็คือนายท่านผู้เฒ่าของตระกูลหู
ตอนนี้หลังจากที่หูฮวนสี่ดูแลกิจการทั้งหมดของตระกูลหู สำนักสืออ้ายหย้วนก็อยู่ในอำนาจการดูแลของนาง
นางจงใจนัดหมายองค์รัชทายาทให้ไปพบกันที่สำนักสืออ้ายหย้วน เพราะว่าที่นี่ข่าวลือจะแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วเสมอ
สำนักสืออ้ายหย้วนตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองหลวง รอบด้านล้อมรอบไปด้วยที่พักอาศัย ซึ่งเป็นที่ ๆ คนยากจนพักอาศัยอยู่ คนเหล่านี้มีทั้งทำงานเป็นจับกังที่ท่าเรือ เป็นลูกน้องในโรงเตี้ยมขนาดใหญ่ และไม่ก็ไปเป็นบ่าวรับใช้ในเรือนของพวกขุนนางที่ร่ำรวย
พลังการกระจายข่าวของคนระดับล่างนั้นน่าทึ่งมาก ภายในระยะเวลาอันสั้นเปลี่ยนเป็นแรงกดดันได้
องค์รัชทายาทที่ได้รับคำเชิญจากคุณหนูใหญ่ ก็ย่อมจะปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง
ราชครูเคยบอกกับเขาว่า หากได้ทรัพย์สินจากตระกูลหูมาช่วยเหลือ แม้ว่ามู่หรงเจี๋ยต้องการยึดครองแผ่นดิน แต่เขาก็จะสามารถกำราบมู่หรงเจี๋ยลงได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าทรัพย์สมบัติของตระกูลหู เพียงพอให้เขาซื้ออาวุธชั้นยอดที่สุด ม้าที่ดีที่สุด และจ้างยอดฝีมือที่เก่งที่สุดในแผ่นดินมาได้
บางครั้งการมีเงินก็เท่ากับมีอำนาจ แน่นอนว่าก็ต้องดูว่าผู้ใดกันมีเงินอยู่ในมือ
เขาอดทนมานานแล้ว อยากขึ้นครองราชบัลลังก์ จากนั้นก็ดึงมู่หรงเจี๋ยลงมา
เขาผ่านช่วงเวลาที่จะต้องคอยดูสีหน้ามู่หรงเจี๋ยมามากเกินพอแล้ว มีมู่หรงเจี๋ยเพียงหนึ่งวัน รัชทายาทอย่างเขาก็ไร้ซึ่งอำนาจใด ๆ
ดังนั้น แม้ว่าเขาจะไม่อยากไปสำนักสืออ้ายหย้วนนี่เลย แต่ว่าราชครูบอกว่า ไปเยี่ยมชมที่นี่สักหน่อย จะทำให้ประชาชนรู้จักเขาดี และยังทำให้พวกเขารู้ว่าเขาเป็นองค์รัชทายาทที่ใส่ใจความทุกข์ยากของประชาชน
ด้วยเหตุนี้เอง เรื่องที่เขาไปสำนักสืออ้ายหย้วน แม้ว่าคนของตระกูลหูจะไม่ออกไปพูดอะไร องค์รัชทายาทอย่างเขานี่แหละจะสั่งคนให้ออกไปกระจายข่าวเอง
แน่นอนว่าเซี่ยหว่านเอ๋อก็รู้เรื่องนี้ด้วย นางโมโหจนแทบจะเป็นบ้า จึงรีบพาสาวใช้ออกไปด้วย
ท่ามกลางฝูงชน นางเห็นองค์รัชทายาทเอาใจใส่หูฮวนสี่มาก ๆ ทั้งสองเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน มีประชาชนเดินตามเข้าไปด้วย นางเห็นสายตาที่ชื่นชมของผู้คนอย่างชัดเจน
ความริษยาทำให้นางหน้านิ่วคิ้วขมวด นางกำมือหมัดแน่น ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนแล้วเดินตามไปตลอดทาง ตอนที่องค์รัชทายาทหันหลังเดินจากไป นางไม่คำนึงถึงฐานะ พุ่งเข้าไปดึงแขนของหูฮวนสี่ไว้ แล้วตบหน้านางไปหนึ่งฉาด
หูฮวนสี่ไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด ฝ่ามือนี้กระแทกลงบนใบหน้าของนางอย่างจัง ปรากฏให้เห็นเป็นรอยนิ้วสี่นิ้วขึ้นที่บนใบหน้าของนางโดยทันที
“นังแพศยา เจ้าช่างไร้ยางอายสิ้นดี กล้าดีอย่างไรถึงมายุ่งกับองค์รัชทายาท?” หลังจากที่เซี่ยหว่านเอ๋อตบแล้วก็ด่าเสียงดัง
หูฮวนสี่ทำท่าทางเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก “เจ้าคือใคร? เหตุใดถึงพูดให้ร้ายข้าเยี่ยงนี้?”
“ขนาดข้าเป็นใครเจ้ายังไม่รู้เลยแต่กลับกล้ามาฉกเอาองค์รัชทายาทไป หูฮวนสี่เอ๋ย ข้ารู้นิสัยเจ้ามาตั้งนานแล้ว คนอื่นพูดกันว่าเจ้าเป็นจิ้งจอก ใช้เสน่ห์ล่อลวงคนอื่นจนทำให้มีอำนาจบารมีเฉกเช่นทุกวันนี้ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าลงมือกับองค์รัชทายาทด้วย เจ้าคิดว่าคนอื่นล้วนเป็นของเล่นให้เจ้าเล่นตามอำเภอใจได้จริง ๆ สินะ? วันนี้ข้าจะเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าต่อหน้าทุกคนเองว่าหูฮวนสี่ผู้ใจบุญ เนื้อแท้ของเจ้านั้นมีกลิ่นคาวคลุ้งเพียงใด”
ทุกคนต่างอยู่ในความโกลาหล ด่าทอเซี่ยหว่านเอ๋อว่าพูดจาเหลวไหล คุณหนูใหญ่ตระกูลหูมีจิตใจที่เป็นกุศล คนที่นี่ล้วนรู้ดี อีกทั้ง ทุกคนต่างเคยได้รับความช่วยเหลือจากนาง แล้วนางจะเป็นผู้หญิงไร้ยางอายเช่นนั้นได้อย่างไร?
และองค์รัชทายาทตราบจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้อภิเษกสมรส ถ้าคุณหนูใหญ่ตระกูลหูกับองค์รัชทายาทจะมีใจต่อกันแล้วมันจะมีปัญหาอะไร?
เซี่ยหว่านเอ๋อนึกไม่ถึงว่าทุกคนจะกลับมาชี้หน้าด่านาง จึงได้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ชี้ไปที่จมูกของหูฮวนสี่แล้วดุด่า “เจ้าซื้อคนพวกนี้ไว้ทั้งหมดแล้วใช่หรือไม่? ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะ ถึงเจ้าจะแสร้งทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์หลอกองค์รัชทายาทได้ แต่ก็ไม่มีทางหลอกข้าได้หรอกนะ”
หูฮวนสี่มองนางด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า “เจ้าจะพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ไม่ได้นะ ข้าก็แค่มาดูความเป็นอยู่ของคนยากไร้กับองค์รัชทายาทก็เท่านั้น ไม่ได้ฉกเขาไปอย่างที่เจ้ากล่าวหาเลย?”
มู่หรงเจี๋ย ซูชิง และเซียวท่า ทั้งสามคนยืนมองดูจากบนโรงเตี๊ยมทางฝั่งตรงข้าม