ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 492
ในตอนนี้เองที่สาวใช้กับคนขับรถม้ากล้าเข้าไปด้านหน้าเพื่อช่วยพยุงเซี่ยหว่านเอ๋อขึ้นมา จากนั้นนางก็กัดฟันพูด “ไปร้องทุกข์”
“ร้องทุกข์?” สาวใช้ตกใจ “จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่นะเจ้าคะ? มิสู้รีบกลับไปหาฮูหยินก่อนแล้วค่อยรวบรวมคนสักสองสามคนไปทุบตีนางสักรอบก็น่าจะพอแล้วนี่เจ้าคะ”
“ไม่” เซี่ยหว่านเอ๋อเช็ดเลือดที่มุมปาก จากนั้นกล่าวอย่างเยือกเย็น “ทำร้ายบุตรสาวของจวนมหาเสนาบดี ว่าที่พระชาเอกขององค์รัชทายาท หูฮวนสี่ผู้นี้จะต้องตายเป็นแน่”
คนขับรถม้ากล่าว “นางต้องติดคุกอย่างน้อยสามถึงห้าปี”
เซี่ยหว่านเอ๋อไปที่กรมอาญาโดยตรงเพื่อแจ้งความ ไม่ได้ไปแจ้งความกับเจ้าเมืองที่ศาลาว่าการ
นางเป็นบุตรสาวของจวนมหาเสนาบดี เป็นว่าที่พระชายาเอกขององค์รัชทายาท นางคิดว่ามีเพียงกรมอาญาเท่านั้นถึงจะตัดสินคดีความให้นางได้
เดิมทีกรมอาญาจะนำเรื่องนี้ส่งกลับไปให้เจ้าเมืองที่ศาลาว่าการเป็นคนตัดสิน เพราะการทะเลาะวิวาทต่อยตีกัน ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมอาญา แต่จู่ ๆ ก็ได้รับจดหมายจากผู้สำเร็จราชการว่าให้ตัดสินคดีนี้ อีกทั้งต้องทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โตก่อนด้วย
เจ้ากรมอาญาทราบเรื่องของจวนมหาเสนาบดี มีบางครั้งที่อยากจะทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
“หูฮวนสี่ผู้นี้ลงมือโหดร้ายเกินไปสักหน่อย ดูใบหน้าของเซี่ยหว่านเอ๋อนั่นสิ ดูโดดเด่นไปเลย” ซูชิงส่งจดหมายเสร็จ ก็รีบกลับมาที่โรงเตี๊ยมจู้เสียนจู ที่นี่เป็นกิจการของหูฮวนสี่ ไม่สิ กิจการของตระกูลหูต่างหาก สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ส่วนมากเซียวท่ากับซูชิงจะเป็นคนสั่ง เมื่อครู่นี้รู้สึกดีมาก ดังนั้นทานให้อิ่มสักมื้อก็ดี
ตอนไม่ได้ดูการแสดงที่สอง รู้สึกเก็บกดมากจริง ๆ พอได้ดูการแสดงที่สองของหูฮวนสี่ ก็รู้สึกว่าฝีมือของหูฮวนสี่ผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซี่ยจื่ออันเลย
นึกถึงตอนที่จื่ออันสังหารอาฟาในครานั้น มันโหดรัายจริง ๆ แค่กวักมือเรียก อาฟาก็สิ้นชีพแล้ว อีกทั้งดวงตาของนางยังไม่กะพริบแม้แต่น้อย
มู่หรงเจี๋ยดื่มชาไปพลาง “ดูท่าจื่ออันจะรู้จักนิสัยใจคอของเซี่ยหว่านเอ๋อดี รู้ว่านางจะต้องไปร้องทุกข์ แค่เพียงไปร้องทุกข์ เรื่องนี้ก็จะถูกแพร่ออกมา คอยดูกันว่าในวังจะมีท่าทีอย่างไรบ้าง ส่วนตระกูลหูก็น่าจะออกมาทำเรื่องอะไรบางอย่าง”
เซียวท่าเกาศีรษะ “เซี่ยจื่ออันผู้นี้ เหตุใดถึงมักจะทำเรื่องให้วกวนไปมา? น่ารำคาญเสียจริง”
ซูชิงกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าบื้ออย่างเจ้าจะไปรู้สิ่งใด? ในสมองของเจ้าเต็มไปด้วยหญ้า จะไปรู้ได้อย่างไรว่าแผนการนี้มันยอดเยี่ยมแค่ไหน? การก่อเรื่องวุ่นวายในช่วงวิกฤติเช่นนี้ ทุกคนล้วนต้องคิดว่าคุณหนูรองของจวนมหาเสนาบดีไม่รู้ความอะไร จนทำให้คิดว่าจวนมหาเสนาบดีไม่รู้จักกาลเทศะไปด้วย อีกอย่างยังสามารถเบี่ยงเบนความสนใจจากคนส่วนมากไปได้”
“สถานที่!” เซียวท่าตบโต๊ะอย่างฉุนเฉียวในทันที
“สถานที่อะไร?” ซูชิงกล่าวถามอย่างงุนงง
“สถานที่ที่จะประลองฝีมือกัน ซูชิง มีเจ้าต้องไม่มีข้า” จู่ ๆ ความโกรธของเซียวท่าก็ประทุขึ้นมา ไม่จู่ ๆ สิ ความจริงวันนี้เขาอดทนมามากเกินพอแล้ว
มู่หรงเจี๋ยลุกขึ้น “ใครแพ้คนนั้นก็จ่ายแล้วกัน ข้ากลับก่อนนะ”
จ่าย? ไม่ใช่ว่าเขาจะเลี้ยงอย่างนั้นเหรอ? ที่นี่แพงจะตาย
“ไม่ ไม่ต่อสู้กัน เป็นเหมือนพี่น้องกันแท้ ๆ จะมาลงมือกันได้อย่างไร?” ทั้งสองคนเดินโอบไหล่กันแล้วตามมู่หรงเจี๋ยออกไป หัวเราะเหอะเหอะพลางกล่าว
“จริงเหรอ พี่ใหญ่?” ซูชิงกล่าวถามเซียวท่า
เซียวท่าพูดอืมจากนั้นก็ลูบกระเป๋า และกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ใช่แล้ว น้องชาย”
มู่หรงเจี๋ยกล่าวอืม “ดี เช่นนั้นพวกเจ้าสองพี่น้องก็ร่วมกันจ่ายก็แล้วกัน จ่ายกันคนละครึ่ง”
มู่หรงเจี๋ยเดินจากไปไกลแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงทะเลาะกันของซูงชิงและเซียวท่า
“ขาหมูน้ำแดงเจ้าเป็นคนสั่ง”
“เป็ดผัดโหระพาเจ้าก็เป็นคนสั่งสินะ”
“ซุปฉุยจิงนี่เจ้าก็เป็นคนสั่งล่ะสิ?”