ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ – บทที่ 498

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 498

กลับเป็นใบหน้าของตาวเหล่าต้าที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“เป็นอย่างไรบ้าง? มีกิริยาอะไรตอบกลับมาบ้าง?” จื่ออันไม่มีวิธีที่จะใช้เข็มทยานเข้าไปในสมองของเขาภายในอึดใจเดียว แต่ว่ารู้สึกได้ว่าเมื่อถึงจุดเฟิงซือนั้น ตาวเหล่าต้านั้นมีอาการบางอย่างที่แปลกประหลาดขึ้น

“กิริยาตอบกลับหรือขอรับ…” ตาวเหล่าต้าเอียงศีรษะคิดอยู่ครู่หนึ่ง มีความรู้สึกว่าไม่รู้จะเริ่มอธิบายขึ้นมาได้อย่างไรดี

“เจ้าเอ่ยออกมาตามตรงก็พอแล้ว” จื่ออันนั่งอยู่ตรงหน้าเขา แล้วเอ่ยถาม

ตาวเหล่าต้าส่งเสียงเอ่อออกมา เอ่ยออกมาด้วยความเขินอาย “ข้าต้องการแม่นางคนหนึ่ง”

“หาแม่นาง? หาแม่นางอะไรกัน?” จื่ออันตกตะลึงไปชั่วขณะ

“ก็คือไปหาแม่นางสักคน แม่นางที่ต้องมอบเงินให้ไป” ตาวเหล่าต้าเอ่ยออกมาแล้วรู้สึกว่าช่างน่าอับอายนัก แต่ว่าคุณหนูใหญ่บอกมาแล้วว่าจะต้องเอ่ย ถึงกิริยาตอบกลับของร่างกายโดยตรง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะปิดบัง

จื่ออันมองมายังเขาด้วยความตกตะลึง

อดไม่ได้ที่จะหัวเราะทั้งน้ำตา เข็มทยานนี้กลับส่งผลเช่นนี้ด้วยหรือ?

มิน่าเล่าวันนั้นที่ซูชิงทำการทดสอบ ซูชิงถึงได้มีท่าทีแปลกประหลาด

“ค่ำนี้ข้าไม่กินข้าว ไม่ต้องเรียกข้าแล้ว” จื่ออันจู่ ๆก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นำพี่สะใภ้ใหญ่หวางเข้าไปยังในห้อง แล้วปิดประตูลง

หลังจากนั้นอีกสามวัน จื่ออันทำการฝังเข็มให้แก่หวางหยู หนี่หรง ตาวเหล่าต้า พี่สะใภ้ใหญ่หวาง และทหารองครักษ์ ทั้งห้าคนล้วนแต่โดนฝังเข็ม และในทุก ๆ ครั้งก็จะทำการบันทึกเอาไว้ แล้วจึงคอยติดตามผลที่เกิดขึ้น

หลังจากนั้นอีกสามวัน จื่ออันจึงได้นำตัวผู้ที่ยังไม่มีอาการป่วยไข้เยี่ยงหนี่หรงเข้าไปยังในห้อง

และหลังจากนั้น ก็ผ่านไปอีกสองวัน ห้าวันมานี้เป็นเหมือนดั่งวิ่งไล่จับกันอยู่ ในตอนที่จื่ออันเปิดประตูห้องเข้ามานั้น ก็ได้เอ่ยกับเสี่ยวซุนออกมาประโยคหนึ่ง “ต่อไปข้าคงต้องตอบแทนให้แก่คุณหนูใหญ่หูเป็นอย่างดีเสียแล้ว”

จริง ๆ แล้ว หากว่าไม่มีหูฮวนสี่คอยช่วยนางช่วงชิงเวลาในช่วงหลายวันมานี้ นางก็คงไม่มีทางที่จะรู้เรื่องราวบางอย่างขึ้นมาได้

เสี่ยวซุนกลับมองนางด้วยความเป็นกังวล “คุณหนูใหญ่ ท่านหลายวันมานี้ไม่ได้ออกไปด้านนอกมาเลยนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าผู้คนด้านนอกนั้นเอ่ยอันใดออกมากันบ้าง ชาวบ้านต่างพากันบอกว่าท่านสามารถรักษาโรคผีดิบนี้ได้ แต่ว่าท่านอ๋องไม่ยินยอมให้ท่านไป มีผู้คนพากันสงสัยว่าท่านอ๋องนั้นมีจิตใจที่ชั่วร้าย”

จื่ออันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อืม ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้ออกไปด้านนอก แต่ก็พอได้ยินมาจากที่พวกเจ้าพูดคุยกันอยู่บ้าง ทำให้พอจะรู้มาบ้างแล้ว”

เฉินหลิวหลิ่วเองวันนี้ก็มายังที่นี่ เอ่ยด้วยความเป็นกังวลออกมาว่า “ท่านย่าเอ่ยออกมาว่า วันนี้ในการว่าราชการยามเช้านั้นเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น”

จื่ออันระบายลมหายใจออกมา มองมายังท้องฟ้าด้านนอก “จะไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นได้อย่างไรกันเล่า? ต่างก็มีการเตรียมการเอามานานขนาดนี้แล้ว”

“เชี่ยหว่านเอ๋อถูกนำตัวเข้าไปขังในคุกแล้ว มหาเสนาบดีเซี่ยวิ่งไปมามาหลายวันแล้ว ทุ่มเทแรงไปมากเพียงใด แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดขึ้น เขาถึงแม้ว่าจะสงสัยว่าเป็นหูฮวนสี่ที่ก่อเรื่องขึ้น แต่ว่าก็หาหลักฐานไม่พบ หูฮวนสี่ผู้นี้กระทำการได้อย่างรอบคอบ ไม่มีจุดรั่วไหลเลยแม้แต่น้อย คำให้การของชาวบ้านก็แน่นหนาจนไม่มีข้อตำหนิได้ ช่างเป็นผู้ที่มีความสามารถเสียจริง”

จื่ออันเผยยิ้มเย็นออกมา “ให้เขาวิ่งเต้นไปเถิด เขาในไม่ช้านี้ก็จะรู้ได้ว่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่มีประโยชน์อันใด”

งานราชการยามเช้า ณ ตำหนักจินหล่วน

ในงานราชการยามเช้าของวันนี้นั้น มีคนเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน คนผู้นี้ก็คือหวงไท่โฮ่วนั้นเอง กุ้ยไท่เฟยเมื่อวานได้เข้ามายังวังหลวง ขอร้องให้นางอย่างไรเสียก็ต้องเข้าร่วมด้วย เพื่อที่จะได้ฟังความคิดเห็นของขุนนางทั้งหลายที่มีต่อโรคผีดิบนี้

วันนี้เมื่อเริ่มที่จะว่าราชการนั้น จิ้นกั๋วกงก็ได้ออกมาเอ่ยรายงาน “ไท่โฮ่ว ท่านอ๋อง มาจนถึงตอนนี้โรคผีดิบนี้นับวันก็ยิ่งลุกลามใหญ่โตขึ้น ถึงจุดที่มิอาจที่จะแก้ไขเก็บกวาดได้แล้ว กระหม่อมขอบังอาจกราบทูล ให้ท่านอ๋องทรงประทานพระราชโองการให้เผาทำลายหมู่บ้านทิ้งเสียพ่ะย่ะค่ะ มีเพียงแค่วิธีการนี้เท่านั้น ที่จะสามารถควบคุมยับยั้งการแพร่กระจายโรคระบาดนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”

มู่หรงเจี๋ยยังมิทันได้เอ่ยอันใดออกมา สมุหราชเลขาธิการใต้เท่าชุยก็ได้เอ่ยออกมา “กระหม่อมคิดว่ามิอาจจะกระทำได้พ่ะย่ะค่ะ หมู่บ้านศิลานั้น ผู้ที่ติดเชื้อไม่ได้เป็นจำนวนทั้งหมดของประชากร ชาวบ้านส่วนใหญ่นั้นล้วนแต่ยังคงปลอดภัยอยู่ อีกทั้งในตอนนี้โรคระบาดนั้นยังมิได้มีการแพร่กระจายออกไปอีก ยังคงอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมอยู่ได้ หากว่าทรงประทานพระราชโองการเผาทำลายหมู่บ้านทิ้งลงไปแล้วนั้น เกรงว่าจะเป็นการทำให้เกิดความโกรธแค้นขึ้นในหมู่ราษฎรได้พ่ะย่ะค่ะ อีกทั้ง การเกิดโรคระบาดผีดิบนี้มิได้มีเพียงแค่ในหมู่บ้านศิลาเท่านั้น ภายในกองทัพเองก็เกิดขึ้นเช่นกัน ถนนซีเป่ยของเมืองหลวงเองก็ด้วย หากว่าจะต้องเผาทำลายหมู่บ้านทิ้งแล้วนั้น สถานที่เหล่านี้ก็ต้องปฏิบัติให้อย่างเท่าเทียมกันด้วย จึงมิอาจที่จะให้เกิดขึ้นได้พ่ะย่ะคะ”

จิ้นกั๋วกงเอ่ยน้ำเสียงเย็นออกมา “ใต้เท่าชุยเอ่ยคำนี้ออกมาอย่างผ่อนคลายเสียจริง มิอาจกระทำได้? ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ใต้เท้าชุยเองมีวิธีการใดหรือไม่? ท่านรู้หรือไม่ว่าภายในช่วงระยะเวลาแค่ไม่กีวันนี้ภายในเมืองหลวงนั้น จำนวนประชากรนั้นลดลงไปถึงเพียงใดแล้ว? เริ่มตั้งแต่ที่มีการแพร่โรคระบาดผีดิบนี้ขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ถึงระยะเวลาสิบวัน ก็มีมากถึงสามหมื่นคนที่หลีกหนีออกไปจากเมืองหลวงแล้ว ผู้คนต่างก็พากันตื่นตกใจกลัวโรคผีดิบนี้จะแพร่กระจายขึ้นภายในเมืองหลวง เมืองหลวงนี้เป็นพื้นที่สำคัญของต้าโจวเรา เรื่องนี้หากว่าทำทำให้เมืองอื่นล่วงรู้เข้าว่าพื้นที่สำคัญของต้าโจวเกิดการแพร่ระบาดของโรคขึ้น ผลที่ตามมาก็คงจะร้ายแรงยิ่งเสียกว่าการเผาทำลายหมู่บ้านทิ้ง”

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

Status: Ongoing
แพทย์ทหารสายลับกลับกลายเป็นลูกสาวคนแรกของเสนาบดีที่ต้องทนรับการถูกข่มเหงรังแกจากพ่อและแม่เลี้ยง และต้องแต่งงานกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เผชิญกับหลุมพรางและแผนการร้ายมากมายด้วยทักษะการแพทย์ของเธอทำให้เธอสามารถต่อสู้ผ่านศึกสังหารระหว่างวัง แก้ปัญหาระหว่างรัฐได้ด้วยดี ลงโทษองค์รัชทายาทที่กระทำความผิด ช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเหลียง และกำจัดโรคระบาดที่รุนแรงจากบุตรสาวเสนาบดีที่ขี้ขลาดแปรเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่จิตใจแน่วแน่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักรพรรดิได้ “ถ้าเจ้าแอบหนีออกมาอีก ข้าจะตามไปขัดขวางเจ้า มีที่ไหนพระชายาที่กำลังตั้งครรภ์แล้วยังวิ่งไปทั่ว?”“เจียงตงเกิดโรคระบาด ข้าในฐานะหมอหลวงต้องรีบไปช่วยเป็นธรรมดา ถ้าท่านขัดขวางข้าโรคจะระบาดจะไปถึงเมืองหลวง” อ้อมแขนอันแข็งแกร่งโอบกอดพระชายาที่พูดไม่หยุด ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สเด็จกลับมาและกราบทูลว่า “ฮึ่ม หมอหลวงมีจำนวนมากพอแล้ว” ถ้าคุณตั้งครรภ์อยู่จะออกไปไหม? จิตใจดั่งพระโพธิสัตว์หรือไม่? หรือยืนหยัดต่อสู้กับโรคระบาดที่ร้ายแรงตอนนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท