ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 507
เมื่อผู้ที่มาส่งของขวัญนั้นกลับกันไปแล้ว ก็ได้มีเหล่าขุนนางในราชสำนักมาขอพบ
เหล่าไท่จวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ “ช่างแปลกยิ่งนัก ก่อนหน้านั้นเมื่อทุกคนพบจื่ออัน ต่างก็เหมือนกับว่าพบเข้ากับมูลอุจจาระ ผู้ใดก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เพราะกลัวว่าจะได้กลิ่นเหม็นเน่า มาวันนี้กลับทยอยกันมาทีละคน แปลก แปลกยิ่งนัก!”
ใคร ๆ ต่างก็ไม่สนใจว่าเหล่าไท่จวินจะเอ่ยเช่นไรออกมา ที่แห่งนี้ต่างก็เต็มไปด้วยเหล่าขุนนางทั้งหลาย ผู้ใดจะหน้าไม่หนามองมายังตรงประตูกันบ้าง?
ขอเพียงคุณหนูใหญ่ยินดี ทุกอย่างก็จะทำการได้ง่ายขึ้น
เมื่อเหล่าไท่จวินกลับไปแล้วนั้น เฉินหลิวหลิ่วที่อยู่บนรถม้ายังคงจะตื่นเต้นยินดีอยู่ “คาดไม่ถึงว่าจะมีคนมากมายเช่นนี้ ที่รักจื่ออันอยู่ ข้าดีใจแทนนางจริง ๆ เจ้าค่ะ”
เหล่าไท่จวินส่ายศีรษะ “เด็กโง่ เจ้าเข้าใจอะไรกันบ้าง? ตกอยู่ในกำมือของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร หากว่าเซี่ยจื่ออันนั้นฉลาดพอ ก็ควรที่จะมองเห็นถึงความเป็นจริงได้ หากว่านางรักษาได้ไม่ดี ความจริงใจที่ชาวบ้านมอบให้ในวันนี้ก็จะกลายเป็นความโกรธเกลียดที่จะสามารถฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ ได้”
เฉินหลิวหลิ่วเอ่ยออกมา “ข้าเชื่อว่าจื่ออันมีความสามารถนี้”
เหล่าไท่จวินเผยยิ้มอย่างคาดเดาออกมาไม่ได้ “หลิวหลิ่ว เจ้ากลับไปบอกจื่ออันเสียเล็กน้อย หากว่าเป็นไปได้แล้วล่ะก็ ให้ไปยังเกาะวิปลาสสักรอบหนึ่ง”
“แต่ว่าที่เกาะวิปลาสนั้นไม่มีอันใดเกิดขึ้นนี่เจ้าคะ” เฉินหลิวหลิ่วเอ่ยออกมา
“ท่านอ๋องส่งคนไปนั่นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ว่าหากเป็นนางอาจจะมีก็เป็นได้ ในฐานะที่เป็นหมอแล้วนั้น การสังเกตของนางจะต้องมีสูงกว่าผู้อื่นอยู่มากนัก”
“เกาะวิปลาสนี้สามารถที่จะเสาะหาวิธีการรักษาโรคได้หรือเจ้าคะ?”
“ไม่แน่นัก แต่ว่าจะต้องมีเบาะแสบางอย่างหลงเหลืออยู่ ช่วยนางนำมือมืดที่คอยบงการอยู่หลังฉากนี้ออกมาได้เป็นแน่”
“เรื่องนี้ยังมีมือมืดหรือเจ้าคะ?”
“ดังนั้น” เหล่าไท่จวินเหลือบมองมายังนาง “ข้าจึงได้ให้เจ้าติดตามอยู่ข้างกายของจื่ออันนั้นไม่ผิดนัก ฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เจ้ายังคงเกียจคร้านอยู่”
เมื่อเอ่ยออกมาจบแล้ว นางเอื้อมมือไปหยิกที่แก้มของเฉินหลิวหลิ่ว “แก้มนี้ช่างน่าหยิกเสียจริง ขอหยิกอีกสักครั้งเถิด”
เฉินหลิวหลิ่วเม้มปาก “ท่านย่า ท่านมิอาจที่เอ่ยออกมาให้ชัดเจนอีกสักเล็กน้อยหรือเจ้าคะ? ท่านรู้เรื่องตั้งมากมาย ทำไมถึงได้ไม่เอ่ยกับนางออกมาตรง ๆ ให้เข้าใจเสียเจ้าคะ?”
“หากว่าเอ่ยออกมาให้เข้าใจเสียก็จะไม่สนุก อีกทั้ง มีเรื่องราวมากมายที่ข้ารู้แค่เพียงแค่ครึ่งเดียว อย่างไรเสียก็ยังต้องให้นางไปไขข้อข้องใจถึงจะดีกว่า”
เฉินหลิวหลิ่วกระโดดลงจากรถม้า “เจ้าค่ะ ข้าจะกลับไปบอกกล่าวแก่นางเดี๋ยวนี้”
เหล่าไท่จวินมองยังเฉินหลิวหลิ่วที่บินถลายังเข้าไปในกลุ่มคน ค่อย ๆ ยิ้มออกมา
จื่ออันนั้นแต่งกายพร้อมแล้ว เตรียมที่จะไปยังพื้นที่ภัยพิบัติ
เฉินหลิวหลิ่วจึงได้นำคำของเหล่าไท่จวินมาบอกกล่าวแก่นาง เมื่อจื่ออันได้ฟังแล้ว จึงเอ่ยออกมา “จริง ๆ แล้ว ไม่ต้องให้ท่านย่าของเจ้าเอ่ยออกมา เกาะวิปลาสนี้อย่างไรเสียข้าก็ต้องไปสักครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วเจ้าจะไปเมื่อใดกัน นำข้าไปด้วย!”
“เจ้าจะไปที่นั่นทำอะไรกัน?”
“เปิดโลกกว้างอย่างไรเล่า ท่านย่าบอกว่าข้าควรจะติดตามเจ้าไปฝึกฝนเสียเล็กน้อย”
จื่ออันแบกกล่องยาเดินออกมา ซูชิงรออยู่ตรงประตู เมื่อพบว่านางออกมาแล้ว จึงได้เอ่ย “ท่านอ๋องให้ข้าไปยังพื้นที่ภัยพิบัติกับท่าน”
“ดี”
ด้านหลังของซิงนั้น มีทหารองครักษ์อยู่หลายสิบนาย ล้วนแล้วแต่เคลื่อนย้ายมาจากจวนอ๋องทั้งสิ้น
หน้าที่ของพวกเขานั้น ก็คือคอยดูแลปกป้องจื่ออัน
เมื่อเข้ามังพื้นที่ภัยพิบัตินั้น สถานการณ์นั้นดูจะหนักหนากว่าที่จื่ออันคิดเอาไว้มากนัก
หมู่บ้านนี้มิได้ดูวุ่นวายนัก ทางเข้าหมู่บ้านถูกปิดกั้นเอาไว้ และมีทหารคอยคุ้มกันเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่อนุญาติให้ผู้ใดเข้าไปได้ ตามทางเดินไม่มีผู้ใดเดินอยู่ บางคราวถึงจะพบเห็นทหารคอยลาดตระเวนผ่านมา เต็มไปด้วยความระมัดระวังยิ่งนัก
ซูชิงคอยเดินนำอยู่ด้านหน้า ค่อย ๆ เดินอย่างระมัดระวัง
เขตภัยพิบัติในตอนนี้นั้นมีแม่ทัพหลี่คอยควบคุมดูแลอยู่ เขารู้ว่าเซี่ยจื่ออันจะต้องเข้ามา ดังนั้นจึงได้รอต้อนรับอยู่ที่ทางเข้าของห้องโถงบรรพบุรุษหมู่บ้าน
“ท่านหมอเซี่ย ในตอนนี้ผู้ที่ได้รับการแพระระบาดนั้นทั้งหมดถูกขังอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษแล้วขอรับ ตอนนี้เป็นเวลาติดต่อกันหลายวันแล้วที่มีผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว” แม่ทัพหลี่ เมื่อพบเข้ากับจื่ออัน จึงได้เอ่ยรายงานไปถึงสถานการณ์โดยตรง