ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 509
ท่ามกลางเสียงบ่นของแม่ทัพหลี่นั้น จื่ออันเห็นว่าเป็นเวลาใกล้พลบค่ำถึงได้ยินยอมที่จะกลับมายังห้องโถงบรรพบุรุษ
นางรู้ว่าหากยังไม่กลับไปนั้น แม่ทัพหลี่คงจะระเบิดลงเป็นแน่
เขาเริ่มแรกส่งเสียงเอ่ยเพียงเบา ๆ กับซูชิง แต่มาตอนหลังเริ่มที่จะส่งเสียงตะโกนดังขึ้น เพื่อให้จื่ออันได้ยิน
เมื่อกลับมายังห้องโถงบรรพบุรุษ กลิ่นเหม็นของซากศพก็โชยออกมา จื่ออันวันนี้ที่ยังไม่ได้กินข้าวนั้น ท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะแสดงอาการออกมา
ซูชิงประคองนางเอาไว้ “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
“ไม่เป็นอะไร คงจะหิวแล้ว?” จื่ออันโบกมือออกมา ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะกลิ่นเหม็นเหล่านี้ที่ทำให้นางรู้สึกแย่ แต่เป็นเพราะรู้สึกหิวก็เท่านั้น
แม่ทัพหลี่ไม่ได้มองมาที่นาง ในใจนั้นรู็สึกโมโหขึ้นมา รู้ได้ทันที่ว่าที่มานั้นเป็นเพียงแค่คุณหนูใหญ่เท่านั้น ไม่เพียงแต่ไม่รักษาคนไข้ แต่ยังต้องให้พวกเขาคอยรับใช้อีก
เป็นดั่งที่ว่าไว้ ซูชิงหันกลับมาเอ่ยกลับแม่ทัพหลี่ เจ้าไปหาจางหลัวให้สั่งอาหารมา นางยังไม่ได้กินข้าวเลย”
แม่ทัพหลี่หันกลับมาเอ่ยสั่งคนด้วยความโกรธ ท่านอ๋องเองก็จริง ๆ เลย ทำไม่ถึงได้ให้คนผู้นี้มากัน? อีกทั้งยังป่าวประกาศไปเสียทั่ว บอกว่านางนั้นสามารถที่จะรักษาโรคระบาดนี้ได้ มาตอนนี้ผู้คนในพื้นที่ภัยพิบัติต่างก็รู้กันดี วันนี้หากว่าไม่ได้ห้ามเอาไว้ เกรงว่าคงจะได้แห่กันมาดูพระโพธิสัตว์องค์นี้กันเสียแล้ว
แม่ทัพหลี่โมโหนั้นเป็นเพราะว่าจื่ออันทำให้ผู้คนพากันผิดหวัง
มาเนิ่นนานขนาดนี้แล้ว คนไข้เพียงคนเดียวก็ยังไม่ได้ดูแล รู้เพียงแต่ว่าจะกินเท่านั้น
ซูชิงประคองจื่ออันเข้าไปยังในห้องโถงบรรพบุรุษ
ในห้องโถงบรรพบุรุษนั้นคนไข้ต่างก็ถูกมัดติดเอาไว้บนเตียงที่สร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆ มีท่านหมอหลายคนที่เดินผ่านไปมาอยู่ มีอยู่ท่านหนึ่งที่สวมใส่ชุดสีเขียว กลับเป็นหญิงสาว
นางก้มลงตรงหน้าเตียงของคนไข้คนหนึ่งอยู่ กำลังล้างทำความสะอาดบาดแผลที่เพิ่งจะโดนกัดมา ผู้ป่วยคนนี้ส่งเสียงคำรามออกมา จากนั้นก็กลืนน้ำลายลงคอไป ท่าทางดุร้ายยิ่งนัก แต่ว่าหญิงสาวผู้นั้นทำราวกับว่ามองไม่เห็นเสีย
เมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามา นางจึงหมุนกายกลับไป จากนั้นก็ได้ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ
นางมองเห็นซูชิงและจื่ออัน ค่อย ๆ ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเรียวหงส์ ผิวหน้าสดไร้แป้ง ไม่นับว่าขาวเกินไปนัก ทรงผมม้วนเก็บอย่างง่ายดาย โครงหน้าดูโดดเด่น มีความงามชนิดหนึ่งที่เด่นชัดออกมา
เป็นครั้งแรกที่จื่ออันพบกับคนผู้หนึ่ง ที่ไม่ต้องพึ่งการแต่งกายแต่งแต้มใบหน้า ก็เป็นที่รู้สึกน่ารักใคร่ขนาดนี้
“เสี้ยนจู่?” ซูชิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก ส่งเสียงร้องออกมา
จื่ออันนั้นภายในใจส่งเสียงร้องเตือนออกมา เสี้ยนจู่? คงจะไม่บังเอิญเป็นโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่หรอกกระมัง?
“ซูชิง เจ้ามาได้อย่างไรกัน” หญิงสาวผู้นั้นวางของในมือลง แล้วเดินเข้ามา แต่ว่าสายตากลับเอาแต่จ้องมองมายังในหน้าของจื่ออัน จ้องมองอย่างไม่ยำเกรง
“ข้านำท่านหมอเซี่ยมา เจ้ากลับมาเมื่อไรกัน? ทำไมถึงได้ไม่เอ่ยกับพวกเราสักเล็กน้อย?” ซูชิงแสดงออกมาว่าดีใจเป็นอย่างมาก เอ่ยถามด้วยความยินดี
“กลับมาได้หลายวันแล้ว ได้ยินข่าวมาว่าที่นี่เกิดโรคระบาดขึ้น จึงได้เข้ามาดูเสียก่อน” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่มองมายังที่มือของซูชิง มือของเขากำลังประคองจื่ออันอยู่ “ท่านหมอเซี่ยท่านนี้ คงไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของเจ้าหรอกกระมัง?”
ซูชิงยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? เป็นว่าที่ภรรยาของท่านอ๋อง”
“ท่านอ๋อง? ท่านอ๋อง ท่านใดกัน?” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เอ่ยถาม
แน่นอนว่าจะต้องเป็นองค์ผู้สำเร็จราขการแทนองค์จักรพรรดิ ญาติผู้พี่ของเจ้า” ซูชิงเอ่ยแนะนำ โดยที่ไม่ได้มีความลังเลใด แต่ว่าเมื่อแนะนำกันจบแล้ว ราวกับว่านึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องราวบางอย่าง จึงได้รีบร้อนเปลี่ยนหัวข้อเสีย “เจ้ามาพื้นที่ภัยพิบัติได้อย่างไรกัน? ที่นี่มันอันตรายมากถึงเพียงใดรู้หรือไม่?”
แต่ว่าโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่นั้นแสดงออกมาว่าไม่คิดที่จะตอบคำถามของเขาเลย กลับเป็นคอยจ้องมองจื่ออันอยู่ตลอดเวลา “ว่าที่ภรรยาของญาติผู้พี่? ดูแล้วก็ธรรมดา ไม่ค่อยเท่าไหร่นัก”
ทัศนคติของนางนั้นดูหยิ่งผยองนัก อีกทั้งยังแสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะไม่ได้สนใจในคำพูดของนาง แต่จื่ออันก็ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจน