ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 518
“จะต้องรีบเข้า”
มู่หรงเจี๋ยมองมายังนาง “เจ้าเองก็ระวังตัวหน่อย ในพื้นที่ภัยพิบัติถึงแม้ว่าจะมีคนของข้าอยู่ ทว่าก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงที่จะไม่มีคนแฝงตัวอยู่ในนั้น หากว่าเจ้าค้นพบวิธีรักษาโรคระบาดแล้ว ก็ให้เงียบเอาไว้ก่อนชั่วคราว”
“ข้ารู้แล้ว” จื่ออันเอ่ยเสียงเบา
มู่หรงเจี๋ยเอื้อมมือออกไปกอดนางเข้าสู่อ้อมแขน ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “จื่ออัน ลำบากเจ้าแล้ว”
จื่ออันพิงลงไปบนหน้าอกของเขา ฟังเสียงหัวใจของเขา น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “ไม่ลำบาก ในฐานะที่เป็นหมอ นี่ก็คืองานของข้า”
ทั้งสองกอดกันเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมา “ข้าต้องไปแล้ว ข้าเพียงแต่มาหาเจ้าเท่านั้น”
“อืม ตกลง กลับไปก็ระมัดระวังเรื่องอาหารการกินเสียเล็กน้อย พักผ่อนให้เพียงพอ” จื่ออันเงยหน้าขึ้นมา แล้วเอ่ยเตือนออกไป
มู่หรงเจี๋ยส่งเสียงตอบรับ “อืม ข้ารู้แล้ว”
มาถึงตอนนี้ การคบหากันของทั้งสองเป็นไปอย่างค่อนข้างสบาย ไม่มีผู้ใดเอ่ยออกมาว่าชื่นชอบหรือรักผู้ใด อย่างไรเช่นนี้ ไม่ถือว่าหวานหยดย้อยแต่ว่าอบอุ่น
เมื่อเห็นว่าเขาจากไปแล้ว จื่ออันก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา
จากชีพจรของเขาดูแล้วปกติดี แต่ว่าหากฟังนานเข้า ก็สามารถพบปัญหาได้ อีกทั้งยังมีการเต้นของหัวใจเขา เต้นแรงดูมีพลัง ทว่าหลังจากที่เต้นไม่กี่ครั้งแล้ว จู่ ๆ ก็เต้นผิดจังหวะไป และก็จะทำให้เกิดอาการหายใจติดขัดขึ้นมา เขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามีอาการเช่นนี้
สีของริมฝีปากเขาดูเข้มขึ้น หากว่าไม่มองอย่างละเอียดแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะมองออกได้ สีหน้าดูเป็นปกติ แต่ว่าตรงระหว่างคิ้วมีไอสีดำจาง ๆ อยู่ ไอสีดำประเภทนี้ไม่ใช่ไอสีดำชั่วร้ายอะไร แต่เป็นความหมองคล้ำบนใบหน้าที่ทำให้เกิดขึ้นมา บนใบหน้ามองไม่ออก ทว่าตรงระหว่างคิ้วนั้นผิวหนังบอบบาง อีกทั้งยังมีจุดฝังเข็มอยู่มากมาย ดังนั้นมันจึงสะท้อนออกมาตรงระหว่างคิ้ว
ไม่เหมือนกับการถูกพิษ มิฉะนั้นเมื่อครู่นี้นางคงจะเอ่ยออกมาแล้ว
และเมื่อมองดูจากชีพจรและการเต้นของหัวใจแล้ว เป็นปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ทว่าดูไปแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร อาจจะเป็นเพราะว่าการทำงานและพักผ่อนไม่ปกติจนเกิดแรงกดดันมากเกินไป
รอให้ความวุ่นวายนี้ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ช่วยพักฟื้นร่างกายให้กับเขา หากว่าอาการเช่นนี้ยังคงมีอยู่ ก็ค่อยไปคิดถึงทางด้านเลวร้าย
จื่ออันยุ่งวุ่นวายอยู่ทั้งสองฝ่าย ทางด้านของจวนเสนาบดีเองก็ไม่ว่างเว้นเช่นกัน
ในใจของฮูหยินผู้เฒ่านั้น คราวนี้มั่นใจเป็นอย่างมากที่จะทำลายเซี่ยจื่ออันลงได้ ดังนั้นนางเองก็เร่งรีบเรื่องงานแต่งงานของมหาเสนาบดีเซี่ยเช่นกัน
นางเคยพบกันคุณหนูตระกูลหลินมาก่อน ท่าทางและนิสัยล้วนแต่ใช้ได้ อายุอานามไม่นับว่ามาก อายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้น
อายุสิบแปดปีในยุคสมัยันี้นับว่าเป็นสตรีมีอายุแล้ว แต่ทว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ มีใจใฝ่สูงก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ
ฮูหยินผู้เฒ่ายอมให้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามปีนป่ายขึ้นไปบนกิ่งไม้สูงได้ แต่จำต้องมองว่ามีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่
หลังจากที่ได้พูดคุยกับคุณหนูตระกูลหลินแล้ว นางก็รู้สึกว่าคุณหนูตระกูลหลินเหมาะที่จะเป็นนายหญิงของจวนมหาเสนาบดีเป็นอย่างมาก อย่างน้อยก็มองกาลไกลกว่าซีเหมินเสี่ยวเยว่อยู่มาก
ฮูหยินหลิงหลงรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะจัดงานมงคล นางเกลียดจนต้องกัดฟันเอาไว้ แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นใดแล้ว
ทางเดียวที่นางพึ่งพิงได้ก็เข้าคุกไปเสียแล้ว อีกทั้งงานอภิเษกกับองค์รัชทายาทก็อาจจะล้มเหลวแล้ว ในใจของนางหวาดกลัวที่จะไม่มีที่ให้ได้พึ่งพิง สูญเสียความกล้าที่มีอยู่ก่อนนั้นไปนานแล้ว
ความกล้าไม่มีแล้ว แต่ความโกรธแค้นในใจยังคงอยู่
นางแอบสังเกตความเคลื่อนไหวของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องการจะจัดงานแต่งงานขึ้นอย่างไร้ยางอาย เมื่อคิดก็รู้ได้ว่า คราวนี้เกรงว่าเซี่ยจื่ออันคงจะกลับมาไม่ได้แล้ว
โชคดีที่ตนเองยังไม่ถูกหย่าขาด ทุกสิ่งอย่างยังมีโอกาสกลับไปเป็นดังเดิมได้อีก
คืนนี้นางดึงชู่อวี่ไว้แล้วเอ่ย “ช่วงระยะเวลานี้ เจ้าคอยติดตามข้า ทำให้เจ้าลำบากแล้ว”
ช่วงนี้ชู่อวี่ถูกนางทุบตีและก่นด่าอย่างแรง เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ นางเปลี่ยนไป ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ “ฮูหยิน บ่าวไม่ลำบากอะไรเลย ตั้งแต่ที่บ่าวเข้าจวนมา ก็ต้องการที่จะติดตามท่าน คอยรับใช้ท่านแล้ว”
นั่นเป็นอดีตที่นางเคยรุ่งเรือง แต่เฉินหลิงหลงในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้แล้ว ใครที่ติดตามไปคนนั้นเป็นผู้ที่โชคร้าย
เฉินหลิงหลงถอนหายใจออกมาเบา ๆ “เจ้าเชื่อฟังข้ารู้ดี หลายวันมานี้ที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้า จริง ๆ แล้วเพียงแต่อยากจะทดสอบเจ้า”
ชู่อวี่กะพริบตาอย่างมึนงง “ความหมายของฮูหยินคือ?”
เฉินหลิงหลงดึงนางให้นั่งลง นั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบผชาดสีแดงขึ้นมา “มา ข้าจะแต่งหน้าให้กับเจ้า”