ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 520
หอคอยแห่งจิตวิญญาณเป็นสถานที่วางป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษ ก่อนหน้านั้นจื่ออันเองก็เคยคุกเข่าอยู่ที่นี่
แต่ละเดือนวันที่หนึ่งและสิบห้า ช่วงเวลากลางคืนมหาเสนาบดีเซี่ยจะมาจุดธูปอธิษฐานให้บรรพบุรุษช่วยคุ้มครอง
วันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะที่ระยะนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย เขาย่อมรู้สึกว่าโชคชะตาของเขาไม่ดีนัก จึงต้องการความช่วยเหลือ
“เจ้าคอยรออยู่ด้านนอกนี่” เขาเอ่ยสั่งเด็กรับใช้ที่ติดตามมาด้วย
“ขอรับ!” เด็กรับใช้เอ่ยตอบรับ
เขาก้าวขึ้นไปบนบันไดด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกังวล
วันนี้ภายในโถงประชุม ในตอนที่มู่หรงเจี๋ยพุ่งเป้ามาหาเขานั้น ราชครูเหลียงเองกลับมากล่าวโทษเขาพร้อมกับผู้สำเร็จราชการแทน ทำให้ในใจของเขารู้สึกไม่สบายนัก เขาคิดว่าราชครูเหลียงควรที่จะยืนอยู่ข้างเดียวกับเขา มิฉะนั้นแล้ว การร่วมมือกันจะไปมีความหมายอันใด?
และในตอนที่กำลังจะเปิดประตูนั้น กลับได้ยินเสียงดังลอยมาจากด้านใน
เขาโมโหยิ่งนัก เป็นผู้ใดกันที่มืดค่ำถึงเพียงนี้แล้วยังอยู่ในหอคอยแห่งจิตวิญญาณอีก? เซี่ยจื่ออันไม่อยู่ เซี่ยหว่านเอ๋อเองก็ไม่อยู่ คงจะเป็นบ่าวไพร่ที่อยู่ในจวนแล้ว
เสียงใสกังวานดังลอยออกมาจากด้านใน “ขอให้ท่านบรรพบุรุษของตระกูลเซี่ยช่วยปกปักรักษา ให้นายท่านมีหน้าที่การงานที่ราบรื่น คนต่ำทรามให้ถอยห่างไกลออกไป คุ้มครองฮูหยินผู้เฒ่าให้มีร่างกายแข็งแรง อวยพรให้ลูกหลานตระกูลเซี่ยเจริญรุ่งเรือง กิจการมั่งมี”
เขาตกตะลึงไป กลับกลายเป็นคนที่มีใจห่วงหา?
เขาผลักประตูเข้าไปเบา ๆ พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่คุกเข่าลงบนพื้น กำลังโขกศีรษะลงไปไม่หยุด กลิ่นหอมอ้อยอิ่งในหอคอยแห่งจิตวิญญาณพัดมาทางใบหน้าของเขา เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ กลับรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างที่เอ่ยออกมาไม่ได้ ราวกับว่าความกังวลที่มีจางหายลงไปจนสิ้น
ผู้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็คือชู่อวี่ เมื่อนางได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น จึงได้รีบคุกเข่าเพื่ออธิษฐาน
เมื่อได้ยินเสียงประตูถูกผลัก นางจึงหันหลังกลับไปทันที ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ และก็มีผ้าที่บางเบาราวกับปีกจักจั่นคลุมไหล่เอาไว้ มีเสน่ห์อย่างยากจะเอ่ยออกมาได้
“นายท่าน!” ชู่อวี่ย่อกายลง ก่อนถอยหลังหลบไปด้วยความตกใจอย่างเร่งรีบ “บ่าวรู้ตัวดีว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาที่นี่ได้ นายท่านได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย บ่าว…”
มหาเสนาบดีเซี่ยมองมายังนาง ท่ามกลางหมอกควันที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่นั้น ใบหน้าของนางดูพร่ามัว
แววตาของมหาเสนาบดีเซี่ยเกิดลำแสงเย็นเยียบเปล่งประกายออกมา “ใครใช้ให้เจ้ามา?”
วันที่สิบห้าของทุกเดือน เขาจะต้องมายังที่นี่ บ่าวรับใช้คนหนึ่งกลับแต่งกายอย่างงามคุกเข้าอยู่ในหอคอยแห่งจิตวิญญาณ รอให้เขาปรากฏออกมา เขาเพียงแต่ชะงักงันไปชั่วครู่เท่านั้น แต่ก็รู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่ ไม่มีเจ้าค่ะ…” คราวนี้ชู่อวี่หวาดกลัวเข้าแล้วจริง ๆ ทำถึงได้ดูแตกต่างจากที่นางคิดเอาไว้นัก? นายท่านเมื่อได้ยินคำพูดของนางแล้ว กลับไม่ได้รู้สึกประทับใจแม้แต่น้อย
มหาเสนาบดีเซี่ยก้าวเดินมายังเบื้องหน้า มือข้างหนึ่งบีบคางของนางเอาไว้แน่น ส่งเสียงตะคอกออกมา “พูด เป็นเฉินหลิงหลงที่ให้เจ้ามาใช่หรือไม่?”
“นายท่าน!” ชู่อวี่ร้องไห้ออกมา เอ่ยสารภาพออกไป “เจ้าค่ะ เป็นฮูหยินที่ให้บ่าวมา”
มหาเสนาบดีเซี่ยปล่อยนางลงอย่างเย็นชา “นางให้เจ้ามามีจุดประสงค์อะไร?”
ชู่อวี่คุกเข่าลงบนพื้นอย่างตัวสั่น “ฮูหยินบอกว่า มาตอนนี้ข้างกายของนายท่านไม่มีผู้ใด นายท่านเองก็ไม่เรียกหานาง นางอยากให้บ่าวมาดูแลนายท่านแทนนางเจ้าค่ะ”
“นางคิดเช่นนี้หรือ?” มหาเสนาบดีเซี่ยเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “เกรงว่าคงจะมีเจตนาอื่น”
ชู่อวี่ส่ายศีรษะ แสร้งทำท่าทีน่าสงสาร “บ่าวคอยรับใช้ฮูหยินอยู่ในสวนดอกไม้ด้านหลัง เป็นคนที่รู้ความในใจของฮูหยินดีที่สุด นางรักนายท่านมากจริง ๆ นางมักจะเอ่ยกับบ่าวอยู่เสมอว่า มีบางเรื่องราวที่นางทำพลาดไป เสียใจยิ่งนัก แต่ก็คงไม่มีทางให้ย้อนกลับไปแล้ว”