ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 528
ทุกคนต่างก็คิดว่านางกลับไปยังหมู่บ้านศิลาแล้ว และทางด้านของหมู่บ้านศิลาก็คิดว่านางกลับไปยังเรือนเล็ก จนกระทั่งสองวันแล้ว นางก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา แม่ทัพหลี่จึงได้สั่งให้คนไปหานางยังเรือนเล็ก
ทางด้านของเรือนเล็กเองก็ร้อนรน ซูชิงได้สั่งให้คนออกไปตามหา ตนเองก็กลับไปแจ้งแก่มู่หรงเจี๋ย
ในตอนที่ซูชิงมาถึงนั้น มู่หรงเจี๋ยก็กลับมาจากค่ายทหารพร้อมกับเสนาบดีสำนักตรวจราชการทหารพอดี ในตอนนี้ค่ายทหารกำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ยุ่งยากยิ่งนัก
“เซี่ยจื่ออันหายไปแล้ว” ซูชิงกดเสียงต่ำเอ่ยออกมา
มู่หรงเจี๋ยเหลือบมองไปยังซูชิง จากนั้นก็ออกคำสั่งกับเสนาบดีสำนักตรวจราชการทหาร “ผลการตรวจสอบเจ้าค่อยบอกข้ามาในภายหลังได้”
“ขอรับ เช่นนั้นกระหม่อมขอลาก่อน” เสนาบดีสำนักตรวจราชการทหารประสานมือก่อนจะจากไป
มู่หรงเจี๋ยเมื่อเห็นว่าเสนาบดีสำนักตรวจราชการทหารจากไปแล้ว จึงได้เอ่ยถามซูชิงออกมา “หายไปแล้ว หมายความว่าอย่างไรกัน? ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ หรือในเรือนเล็กหรอกหรือ?”
“ไม่ได้อยู่ในเรือนเล็กของตระกูลเฉิน และก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ” ซูชิงเอ่ยออกมา
“หรือว่าจะกลับไปยังจวนมหาเสนาบดี?” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยถามออกมา พร้อมกับขมวดคิ้ว
“คงจะไม่ใช่ จะกลับไปจวนมหาเสนาบดีในตอนนี้เพื่ออะไรกัน?”
มู่หรงเจี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ไม่มีที่ใดให้ไปแล้วจริง ๆ อีกทั้งในช่วงทำการรักษานั้น นางเองคงจะไม่เตร็ดเตร่ไปทั่ว จะต้องเป็นเพราะว่ามีเรื่องเร่งด่วนอย่างแน่นอน
“แล้วเซียวท่าเล่า? ให้เซียวท่านำคนออกไปตามหาเสียเล็กน้อย ส่วนเจ้าเข้ามา ข้ามีเรื่องจะสั่งเจ้า” มู่หรงเจี๋ยเดินก้าวใหญ่เข้าไป
ซูชิงตามติดอยู่ด้านหลัง “มีเรื่องอะไรกัน?”
“เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้จื่ออันต้องวิ่งไปมาทั้งสองด้าน ข้าวางแผนที่จะนำผู้ป่วยของค่ายทหาร และถนนซีเป่ยส่งไปยังหมู่บ้านศิลา ข้าเองยังได้ออกคำสั่งให้ท่านหมอของสำนักฮุ้ยหมิน และหมอหลวงอีกสองคนเข้าไปยังพื้นที่ภัยพิบัติ ร่วมมือกับจื่ออันเพื่อศึกษาโรคระบาดนี้”
“รวมกันเป็นหนึ่งเพื่อจัดการก็ดี ทว่าหากเป็นเช่นนี้ หากว่าเซี่ยจื่ออันไม่อาจคิดวิธีการที่ดีออกมาได้ ราชครูเหลียงจะต้องร้องขอให้เผาหมู่บ้านเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้น ก็คงไม่อาจจะใช้สถานที่อื่นเพื่อเป็นข้ออ้างได้แล้ว” ซูชิงเอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวล
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าว่าจะเผาหมู่บ้าน แล้วข้าจะอนุญาตอย่างนั้นหรือ?”
“เพียงแต่กลัวว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะร่วมกันบีบบังคับ ท่านอ๋องจะไม่เห็นด้วยก็คงจะมิได้ นอกเสียจากว่าท่านคิดจะคัดค้านความเห็นของทุกคนอย่างเผด็จการ”
มู่หรงเจี๋ยยกคางขึ้นเล็กน้อย ทำให้เห็นเค้าโครงของใบหน้าอันแข็งกระด้าง “เผด็จการแล้วจะอย่างไร? พวกเขาก็ไม่ใช่ว่าตัดสินข้ากันเช่นนี้หรอกหรือ?”
ซูชิงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าหากอ่อนข้อไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ใด มิสู้แข็งขืนขึ้นสักเล็กน้อย จึงเอ่ยออกมา “ตกลง เช่นนั้นข้าจะไปหาเซียวท่า แล้วเซียวท่าเล่า?”
เมื่อซูชิงเอ่ยเตือนออกมาเช่นนี้ มู่หรงเจี๋ยถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าสองวันมาแล้วที่ไม่ได้พบกับเซียวท่า
“หรือว่าจะอยู่ในจวน? ข้าเองก็ไม่พบเขามาสองวันแล้ว”
ซูชิงเอ่ย “ข้าจะให้คนไปหาเขา เขาดูแปลกประหลาด มาตอนนี้ข้าเองก็ไม่ชอบที่จะพบเขาสักเท่าไหร่นัก”
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเฉินหลิวหลิ่วหรอกหรือ? เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ คู่ควรให้พวกเจ้ามาทะเลาะกันอย่างนั้นหรือ?”
“เฉินหลิวหลิ่ว? เขาไม่ได้ชอบเฉินหลิวหลิ่วเสียหน่อย ข้ากับนางก็ดีกันอยู่?” ซูชิงมุ่ยปากออกมา
“เจ้าชอบเฉินหลิวหลิ่วจริงอย่างนั้นหรือ?” มู่หรงเจี๋ยขมวดคิ้วออกมา
ซูชิงยิ้ม “หลิวหลิ่วนิสัยดี หากว่านางแต่งไม่ออก ข้าไปขอนางก็พอแล้ว”
เมื่อเอ่ยจบ ก็หมุนกายเดินจากไป
มู่หรงเจี๋ยที่คิดถึงโหรวเหย๋าขึ้นมา ก่อนจะส่ายศีรษะ เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย เขาไม่ชอบสนใจมัน!