ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 532
มู่หรงเจี๋ยยืนอยู่ แม้แต่คิ้วก็ไม่ได้เลิกขึ้น เพียงแต่เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “กุ้ยไท่เฟยเชิญข้ามาที่นี่ มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”
กุ้ยไท่เฟยยิ้มอย่างเศร้าเสียใจ “เจ้าเกลียดแม่ ใช่หรือไม่? แม้แต่คำว่าแม่ก็ยังไม่ยินยอมที่จะเรียกออกมา”
มู่หรงเจี๋ยนึกถึงจื่ออันที่เรียกมหาเสนาบดีเซี่ย นางไม่เคยเรียกบิดา หรือว่าท่านพ่อ ดูเหมือนว่ามีบางคราวคนบางคน ที่แม้แต่การแสดงออกก็ยังไม่ยินยอมที่จะแสดงออกมา
“มีเรื่องก็เอ่ยถึงเรื่องราวออกมา” ใบหน้าที่เคร่งขรึมของมู่หรงเจี๋ยดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“สำหรับผู้ให้กำเนิด เจ้ายังสามารถเฉยชาได้เช่นนี้ แล้วเจ้าจะดีกับจื่ออันแค่ไหนกัน?” กุ้ยไท่เฟยเก็บความเศร้าโศกเมื่อครู่เอาไว้ เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
“นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับท่าน”
กุ้ยไท่เฟยลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ดวงตาแตกสลาย และดูเย็นชา “ใช่ ไม่เกี่ยวข้อง วางใจได้ ข้าเองก็ไม่ได้ร้องขอให้เจ้ามาเยี่ยมข้า และไม่เคยหวังว่า ข้าจะนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยนี้ แล้วเจ้าจะมาเยี่ยม วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะอย่างไรแล้ว เจ้าก็ยังเป็นผู้สำเร็จราชการแทนของต้าโจว น้องชายของเจ้าจะกลับมาเมืองหลวง จำต้องให้เจ้าเห็นด้วย วันนี้ข้าไม่สบายเสียแล้ว ข้างกายไม่อาจไม่มีผู้ใดรับใช้ดูแล ข้าอยากให้เจ้าออกคำสั่ง อนุญาตให้น้องชายเจ้ากลับมาเมืองหลวงดูแลฝากผีฝากไข้”
มู่หรงเจี๋ยยิ้มออกมาจาง ๆ “ข้างกายของกุ้ยไท่เฟยไม่ได้ขาดคนดูแลรับใช้”
“นั่นมันเหมือนกันหรือ? ข้าต้องกายให้ลูกชายข้าอยู่ข้างกาย เด็กรับใช้ทั่วทั้งจวน มีคนใดที่มีใจเช่นเดียวกับข้าบ้าง?” กุ้ยไท่เฟยเอ่ยออกมาเสียงดัง
“กุ้ยไท่เฟยดูมีพลังเต็มเปี่ยม เห็นได้ว่าอาการป่วยคงไม่ได้หนักหนา ยังไม่ถึงคราวที่จะให้อ๋องหนานหวายกลับเมืองหลวงมาคอยดูแลรับใช้อาการเจ็บป่วย”
กุ้ยไท่เฟยโมโหเสียจนต้องกระแอมไอออกมาหลายครั้ง หลังจากกระแอมไอแล้วก็หอบหายใจ จับขอบเตียงลุกขึ้นยืน เดินมายังเบื้องหน้าของมู่หรงเจี๋ย
นางพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะยืดหลังให้ตรง และเงยศีรษะขึ้น แม้ว่านางจะป่วย แต่นางก็ยังมีพลังที่ครอบงำ “ข้าเพียงแต่ถามเจ้าประโยคเดียว คำสั่งนี้ เจ้าจะออก หรือไม่ออกลงไป?”
มู่หรงเจี๋ยไม่แม้แต่คิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ “ไม่มีทาง!”
กุ้ยไท่เฟยถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จับจ้องยังเขาด้วยสายตาที่ชั่วร้าย “ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เซี่ยจื่ออันก็คงไม่อาจกลับมาแล้ว”
มู่หรงเจี๋ยเงยหน้าขึ้นอย่างชั่วร้าย “ท่านสั่งให้คนมาจับตัวนางไป?”
กุ้ยไท่เฟยยิ้มหยันออกมา “สตรีที่ไม่รู้จักต้นกำเนิดและไร้ยางอาย เจ้าถือว่านางสำคัญกว่าแม่ของเจ้า เห็นได้ว่าความกตัญญูที่บรรพบุรุษของเจ้าเน้นย้ำเอาไว้ ไม่ได้สืบทอดมาถึงเจ้า”
ใบหน้าของมู่หรงเจี๋ยเย็นชา และน้ำเสียงของเขาก็เย็นชายิ่งขึ้น “ท่านจับนางไปหรือไม่?”
กุ้ยไท่เฟยยกมือขึ้น ให้สาวใช้ประคองนางนั่งลงบนเก้าอี้ นางพยายามที่จะยืดเอวขึ้น ค่อย ๆ เชิดคาง สายตาดูเฉียบคม “คนหนึ่งคน แลกกับอีกหนึ่งคน ข้าจะส่งเซี่ยจื่ออันให้กับเจ้า ส่วนเจ้าก็ออกคำสั่งให้น้องชายเจ้ากลับมา”
น้ำเสียงของมู่หรงเจี๋ยเต็มไปด้วยพายุ “ข้าเคยเอ่ยเอาไว้แล้วว่าไม่มีทาง”
“เช่นนั้นเซี่ยจื่ออันก็ต้องตาย” กุ้ยไท่เฟยเอ่ยออกมาอย่างชั่วร้าย
มู่หรงเจี๋ยเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายลำแสงอันตราย และกระหายเลือด “หากว่าเซี่ยจื่ออันเป็นอะไรไป อ๋องหนานหวายจะต้องเป็นที่รองศพให้กับนาง!”
“เจ้ากล้า?” กุ้ยไท่เฟยตะเบ็งเสียงออกมา ดูอุกอาจขึ้นมา อาการป่วยเมื่อครู่นี้หายไปในทันที สีหน้าซีดขาว
มู่หรงเจี๋ยยิ้มอย่างเย็นชา และยังคงจ้องมองนาง “ท่านก็ลองดู!”
กุ้ยไท่เฟยพยายามใช้แรงสุดกาย ตบลงบนคางของเขา ทั่วทั้งกายสั่นเทาเอ่ยออกมา “นั่นมันน้องชายของเจ้า ไอ้ลูกเนรคุณ ข้าคลอดลูกที่เนรคุณแบบเจ้ามาได้อย่างไร? ไม่สู้บีบคอเจ้าให้ตายไปเสียตั้งแต่คลอดออกมา”
ดวงตาของมู่หรงเจี๋ยดูเย็นชา มุมปากเผยยิ้มเย้ยหยันออกมา “ท่านไม่มีทางทำ ในปีที่ข้ากำเนิดออกมา ท่านก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้ยเฟย ท่านไม่เสียดายหรือ”
“ไสหัวออกไป!” กุ้ยไท่เฟยราวกับบ้าไปแล้ว หยิบถ้วยชาบนโต๊ะแล้วปามันออกไป
มู่หรงเจี๋ยรับมันเอาไว้ เอื้อมมือออกไป ก่อนจะคลายออก ถ้วยชาหล่นลงบนพื้น แตกกลายเป็นชิ้น ๆ เขาเอ่ยออกมาทีละคำ “ข้ารับประกันกับท่านเลยว่า หากจื่ออันเป็นอะไรไป หัวของอ๋องหนานหวายก็เป็นเหมือนกับถ้วยชาถ้วยนี้!”
เมื่อเอ่ยจบแล้ว ก็ยิ้มอย่างเย็นชา หมุนกายแล้วจากไป