ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 539
ราชครูเหลียงไม่เพียงแต่คัดค้านเรื่องการเคลื่อนย้ายทหารของมู่หรงเจี๋ยเท่านั้น ยังเรียกร้องให้มู่หรงเจี๋ยออกคำสั่ง สังหารผู้ป่วยโรคผีดิบทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้านศิลาไปเสีย อีกทั้ง หากว่าเมื่อพบกับผู้ป่วยโรคผีดิบเข้า ก็ให้ยิงสังหารในทันที ไม่จำเป็นต้องจับกุมส่งไปยังพื้นที่ภัยพิบัติอีก
ข้อเสนอของราชครูเหลียง ได้รับการเห็นด้วยจากคนไม่น้อย กระทั่งแม้แต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่เคยเป็นกลาง มาตอนนี้ต่างก็ทยอยกันเห็นด้วยกับข้อเสนอของราชครูเหลียง
เพราะเมื่อผ่านความวุ่นวายโกลาหลของผู้ป่วยโรคผีดิบเมื่อคืนนี้มาแล้ว จำนวนผู้ป่วยโรคผีดิบในเมืองหลวงก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก มากเสียจนทำให้ผู้คนพากันตื่นตระหนก เพราะไม่รู้ว่าเมื่อใดที่จะถูกกัดเข้าให้ และเพื่อเป็นการป้องกัน ทุกคนต่างก็คิดว่า การสังหารผู้ป่วยโรคผีดิบที่เมื่อเจอหนึ่งก็ฆ่าไปเสียหนึ่งจะเป็นการดีที่สุด
ความคิดของมู่หรงเจี๋ยนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก “ข้อที่หนึ่ง ที่ข้าต้องการจะเคลื่อนย้ายทหาร ไม่ได้ร้องขอความคิดเห็นจากพวกเจ้า นี่เป็นการตัดสินใจของข้า ข้อที่สอง ข้าจะไม่มีทางออกคำสั่งให้มีการยิงสังหารผู้ป่วยโรคผีดิบ คำสั่งทางทหารของเซี่ยจื่ออันยังไม่ครบกำหนด คำสั่งทหารฉบับนี้ถึงแม้ว่าจะคอยจำกัดนางเอาไว้ แต่ก็ยังคอยควบคุมราชสำนักอีกด้วย เพราะฉะนั้น เรื่องการยิงสังหารผู้คน ก็อย่าได้เสนอขึ้นมาอีก”
ราชครูเหลียงร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น “ท่านอ๋องหากว่าจะยืนกรานทำตามประสงค์ของตนเอง คอยปกป้องเซี่ยจื่ออันแล้ว ต่อไปจะต้องเป็นสาเหตุให้ต้าโจวเกิดหายนะขึ้นเป็นแน่”
การร้องไห้คราวนี้ของราชครูเหลียง ร้องไห้ไปจนถึงหน้าพระพักตร์ของหวงไท่โฮ่ว
หวงไท่โฮ่วที่กำลังไม่สบอารมณ์นั้น เมื่อได้ยินเสียงราชครูร้องไห้คร่ำครวญ วิเคราะห์สถานการณ์ออกมา นางเองก็อดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้ “ข้าได้ออกคำสั่งให้จับเซี่ยจื่ออันมาแล้ว รออีกสักสองวันเถิด”
ราชครูเหลียงเอ่ยออกมาอย่างเศร้าโศกและขุ่นเคือง “หวงไท่โฮ่ว ตอนนี้ผู้สำเร็จราชการแทนกระทำการตามอำเภอใจ ไม่ใส่ใจต่อข้อคิดเห็นของข้าราชบริพาร อีกทั้งยังคอยปกป้องเซี่ยจื่ออัน ทั้ง ๆ ที่มีท่านหมอได้กล่าวว่า เซี่ยจื่ออันได้หลบหนีไปแล้ว ทว่าเขากลับเพิกเฉย กระหม่อมเสนอให้สังหารผู้ป่วยโรคระบาดทิ้งไป เพื่อป้องกันมิให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ เขากลับยังจะรอให้เซี่ยจื่ออันกลับมา แต่ใครจะไปรู้กันว่านางจะกลับมาหรือไม่? หากว่าไม่กลับมา รอเช่นนี้ต่อไป เมืองหลวงต้าโจวของพวกเรา ช้าเร็วก็คงต้องกลายเป็นนรกบนดิน”
หวงไท่โฮ่วเอ่ยออกมาอย่างไม่เห็นด้วย “ราชครูกังวลเกี่ยวกับต้าโจว ยากที่จะหลีกเลี่ยงมิให้อารมณ์พลุ่งพล่านได้ ทว่าก็อย่าตื่นตระหนก”
ราชครูเหลียงเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น “ไท่โฮ่ว มิใช่ตื่นตระหนกเป็นแน่ นี่มิใช่เพียงสั้น ๆ แค่คืนเดียว ผู้ป่วยโรคผีดิบในเมืองหลวงก็เพิ่มมากขึ้นถึงพันคนแล้ว”
หวงไท่โฮ่วรู้ว่าคืนวานนี้มีผู้ป่วยโรคผีดิบกัดคน ทว่าก็ไม่คิดว่าเรื่องราวจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ “จริงหรือ?”
“หวงไท่โฮ่วสามารถส่งคนออกไปตรวจสอบได้ เซี่ยจื่ออันหลบหนีไป โรคผีดิบไม่อาจควบคุมได้ ตอนนี้ในเมืองหลวงเกิดสัญญาณการระบาดครั้งใหญ่ขึ้นแล้ว กระหม่อมรอที่จะกราบทูลในวันนี้ ให้ท่านอ๋องสังหารผู้ป่วยโรคผีดิบลงไปทั้งหมด กระหม่อมรู้ว่าวิธีการทำนั้นดูโหดร้าย ทว่าต่อให้โหดร้ายก็ไม่มีวิธีการอื่นใดแล้ว เพราะพวกเขาช้าเร็วก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายได้ แทนที่จะไว้ชีวิตเพื่อรอคนคนหนึ่งที่หลบหนีไปแล้ว ไม่สู้สังหารพวกเขาเสียก่อน อย่างน้อยก็สามารรับรองได้ว่าอาการป่วยจะลดน้อยลง”
คราวนี้หวงไท่โฮ่วดูเหมือนจะลังเลแล้ว จากข้อมูลที่ได้มาเมื่อคืนนี้ หากว่าคืนนี้เกิดการระบาดเข้าอีก เช่นนั้นจำนวนของผู้ติดเชื้อก็จะเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าที่จะคาดคะเนได้
ทว่า ต้องสังหารพวกเขาจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? พวกเขาถึงแม้ว่าตอนนี้จะติดเชื้อไปแล้ว แต่พวกเขาก็เป็นเพียงชาวบ้านบริสุทธิ์
“มหาเสนาบดีเล่า?”
“มหาเสนาบดีรอรับพระเสาวนีย์อยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ” ซุนกงกงเอ่ยออกมา
“เรียกเข้ามา” หวงไท่โฮ่วเอ่ย
“พ่ะย่ะค่ะ!” ซุนกงกงส่งเสียงตอบรับ ก่อนจะออกไป นำมหาเสนาบดีเซี่ยที่รออยู่ด้านนอกตำหนักเข้ามา
มหาเสนาบดีเซี่ยสีหน้าซีดขาวคุกเข่าลงบนพื้น “ไท่โฮ่ว กระหม่อมมีความผิด”
ไท่โฮ่วมองมายังเขา เมื่อนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นที่เขาทำ ในใจก็อดที่จะรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาไม่ได้ “เจ้ามีความผิดแน่นอน คำสั่งทหารนี้เจ้าก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ ตอนนี้บุตรสาวของเจ้าหายไปเสียแล้ว เจ้าว่าเรื่องนี้ควรจะจัดการเช่นไร?”
มหาเสนาบดีเซี่ยย่อกายลงเอ่ยออกมา “กระหม่อมไม่รู้ว่าลูกสาวทรพีคนนี้จะหลบหนีไป ก่อนหน้านั้นนางสาบานเอาไว้ว่าจะรักษาให้หาย ในเมื่อกระหม่อมร้องขอคำสั่งทหาร ก็ยินยอมที่จะรับโทษ ขอไท่โฮ่วทรงลงโทษด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้ว่าหวงไท่โฮ่วจะไม่พอใจต่อมหาเสนาบดีจริง ทว่าหากต้องเปลี่ยนมหาเสนาบดีของราชสำนัก เป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะที่ตอนนี้ ภายในแคว้นกำลังวุ่นวายเพราะว่าเรื่องโรคผีดิบ ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ คงจะยังปลดไม่ได้