ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 542
แม่นมหยางเพิ่งจะถอยออกไป มหาเสนาบดีเซี่ยก็เข้ามา
ภายในห้องไม่มีคนคอยรับใช้ บาดแผลที่ขาของกุ้ยหยวนเองก็ยังไม่ทันหายดี แม่นมหยางจึงไม่ต้องการให้เขาเข้ามารับใช้ ให้ดูแลรักษาบาดแผลอยู่ในห้องของเด็กรับใช้มาตลอด
แม่นมหยางรู้ได้ว่าอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้น แต่นางคิดว่าตอนนี้มหาเสนาบดีเซี่ยคงจะไม่มีเวลาที่จะมาหาเรื่องกับฮูหยิน จึงได้ละเลยไปบ้าง
หยวนฉุ่ยยวี่ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามา นางก็เงยหน้าขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว มองไปยังคนที่เข้ามา ด้วยท่าทีที่ดูไม่แปลกใจ โดยที่ไม่เอ่ยอะไรออกมา
มหาเสนาบดีเซี่ยนั่งลง จ้องมองไปยังนาง จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดปากเอ่ยออกมา “เซี่ยจื่ออันไปที่ใด?”
หยวนฉุ่ยยวี่วางหนังสือลง เงยหน้ามองไปยังเขา “จื่ออันอยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ ทุกคนต่างก็รู้กันดี”
“นางไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ นางออกไปแล้ว เจ้าเป็นมารดาของนาง จะต้องรู้ว่านางอยู่ที่ใดกัน”
หยวนฉุ่ยยวี่ยิ้มออกมา “คำพูดของมหาเสนาบดีช่างพูดออกมาได้ถูก ข้าเป็นเพียงมารดาของนาง ข้าไม่ใช่นาง ขาอยู่บนตัวนาง นางจะไปที่ใด ท่านที่เป็นบิดายังวุ่นวายมิได้ แล้วข้าที่เป็นมารดาจะไปวุ่นวายได้อย่างไร? ยิ่งไม่อาจจะรู้ได้”
“หยวนฉุ่ยยวี่ ความคับข้องใจระหว่างข้าและเจ้า โยนมันทิ้งไปเสียก่อน นางในตอนนี้อาจมีอันตราย เจ้าบอกข้ามาว่า นางไปอยู่ที่ใดกัน ในฐานะของบิดาและบุตรสาว ข้าเองก็ไม่หวังให้นางเกิดเรื่องขึ้น” มหาเสนาบดีเซี่ยเอ่ยออกมาเสียงเคร่งขรึม
หยวนฉุ่ยยวี่ส่ายศีรษะออกมา “ไม่รู้เช่นกัน ทว่า หากจะบอกว่านางมีอันตรายแล้วนั้น ข้ากลับรู้สึกว่า หากว่านางกลับมายังจวนมหาเสนาบดีนี้ คงจะอันตรายเสียยิ่งกว่า”
มหาเสนาบดีเซี่ยคิดที่จะพูดคุยกับนางดี ๆ ไม่คิดเลยว่าไว้หน้านางแล้วกลับไม่รับเอาไว้ ก็กรุ่นโกรธขึ้นมาในทันที “หยวนฉุ่ยยวี่ ข้ามาเอ่ยกับเจ้าแต่โดยดี หวังว่าพวกเราหย่าขาดกันแล้วก็อย่าได้เป็นศัตรูกัน เจ้าอย่ามาเป็นให้สุราคารวะแล้วไม่ดื่ม จะดื่มสุราปรับโทษ”
“มหาเสนาบดีมาคารวะเหล้า ข้าคงจะไม่กล้าที่จะดื่ม ข้าไม่รู้ว่าจื่ออันอยู่ที่ใด ท่านเองก็ไม่จะเป็นต้องมาถามจากข้า” หยวนฉุ่ยยวี่หยิบหนังสือขึ้นมา “ขออภัยแล้ว!”
มหาเสนาบดีลุกขึ้นยืน จับแขนของนางเอาไว้ แล้วเหวี่ยงไปด้านข้างอย่างแรง เอ่ยถามเสียงดังออกมา “บอกมา เซี่ยจื่ออันอยู่ที่ใด?”
หยวนฉุ่ยยวี่ซวนเซลงไป ไม่ง่ายเลยที่จะยืนขึ้นมาอย่างมั่นคง นางเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าอันดุร้ายนั้น บนใบหน้านั้นมีเส้นเลือดสีเขียวที่คาดปกคลุมราวกับมีหรือไม่มีเอาไว้ เหมือนกับหมาป่าที่ดุร้าย
บางทีนี่อาจจะเป็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาก็ได้
“ข้าไม่รู้!” หยวนฉุ่ยยวี่เอ่ยออกมาทีละคำ แม้แต่ความรู้สึกหนาวเหน็บใจก็ไม่มีแล้ว ถึงได้รู้ว่าตนเองไม่มีทางที่จะได้รับผลกระทบทางอารมณ์จากคนผู้นี้อีก
มหาเสนาบดีเซี่ยกัดฟันเย้ยหยัดออกมา ทันนั้นก็ลงมือออกแรงดึงผมของนางกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง กัดฟันบีบบังคับถามออกมา “จะบอกหรือไม่บอก?”
“ไม่รู้!” หยวนฉุ่ยยวี่พยายามอย่ายิ่งที่ไม่ให้ตนเองเป็นลมลงไป แล้วเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
เขายิ้มเย็นออกมา “ดี ข้าจะดูซิว่าปากเจ้าจะแข็งหรือว่ากระดูกจะแข็งกัน”
ความโมโหนี้ เขาอดทนมันมานานแล้ว เขาเกลียดที่หยวนฉุ่ยยวี่นั้นปากแข็ง ในปากของนางที่เอ่ยออกมา ไม่มีประโยคใดที่ดูน่าฟัง ล้วนแต่เป็นการปฏิเสธ และเย็นชา
เขาใช้แรงดึงผมของนาง จนปอยผมของนางหลุดลงมา จากนั้นก็ผลักออกไป หยวนฉุ่นยวี่กระแทกเข้ากับมุมโต๊ะ ร่างกายของนางอ่อนแรงล้มลง ในปากมีเลือดสดไหลออกมา
แต่ดวงตาของนางยังคงฉายประกายแข็งกร้าวออกมา จับเก้าอี้ประคองตัวเองขึ้นมา แล้วพยายามที่จะยืนตรง “ข้าบอกแล้วว่าไม่รู้ ท่านจะตีข้าจนตาย ข้าก็ไม่รู้”
เขาเหลือบมองใบหน้าที่ดื้อรั้นนั้น ความโกรธพลุ่งพล่าน และไม่ได้เป็นเพราะว่าสอบถามเรื่องของเซี่ยจื่ออันแล้ว
ความแค้นทั้งเก่าและใหม่ ก่อตัวขึ้นมาในใจ คำพูดประโยคนั้นของฮูหยินผู้เฒ่ายังคงดังก้องอยู่ในใจเขา ตราบใดที่นางสามารถช่วยเหลือเขาได้เพียงนิด ก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้
ใช่แล้ว บิดาของนางจะเป็นถึงมหาบัณฑิตหยวน มีเครือข่ายอยู่มากมายในราชสำนัก ส่วนนางหยวนฉุ่ยยวี่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ในต้าโจว มีคนมากมายเท่าไหร่ขายหน้าไปเพราะนาง แต่ว่า หลายปีมานี้ นางนอกจากหึงหวงแล้วยังทำอะไรอีกบ้าง?
ความโกรธเกลียดพุ่งขึ้นสูง ความชั่วร้ายในใจก่อตัวขึ้น