ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 553
ทางด้านของจื่ออันและเซียวท่าที่อยู่บนเกาะวิปลาส พวกเขาไม่รู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในเมืองหลวง
เป็นไปตามที่จื่ออันคาดไว้ โรคผีดิบแพร่กระจายจากเกาะวิปลาสจริง ๆ
สาเหตุของโรคนั้นหาได้ไม่ยาก ก่อนที่มู่หรงเจี๋ยจะส่งคนมาที่เกาะ พวกเขาได้สุ่มตรวจดูผู้คน แต่ไม่ได้ตรวจสอบสัตว์บนเกาะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าแหล่งที่มาของไวรัสนั้นมาจากไหน
นายน้อยแห่งตระกูลหลิว ที่ถูกหมอของสำนักฮุ้ยหมินพาตัวไปอาศัยอยู่ตามลำพังในห้องที่มีทหารม้าล้อมไว้ โดยมีภูเขาอยู่ด้านหลังและป่าทึบโดยรอบ
หลังจากที่จื่ออันเข้าไปแล้ว พวกเขาก็พบซากของสัตว์หลายชนิด ทั้งหนู หมาป่า กระต่ายป่า และค้างคาวจำนวนมาก
ในคืนที่เข้าไปในเกาะ เซียวท่าจับหนูไม้ไผ่และวางแผนที่จะเลี้ยงมันไว้
แต่ตอนที่จะฆ่าหนูไม้ไผ่นั้น จื่ออันพบว่าตาของหนูไม้ไผ่แดงมาก และมันว่องไวมากด้วย มันอ้าปากพยายามจะกัดคน และมีกลิ่นเหม็นตามตัว
นางจึงขอให้เซียวท่าผูกหนูไม้ไผ่ไว้ และทำการตรวจสอบร่างกายของหนูไม้ไผ่ และพบว่ามีรอยฟันกัด และบาดแผลก็เปื่อยเป็นหนอง
นี่ก็เป็นผู้ป่วยโรคผีดิบเหมือนกัน
เชื้อไวรัสมันเกิดขึ้นที่นี่
ในอีกสองวันข้างหน้า งานเดียวของจื่ออันและเซียวท่าคือไล่ล่าหา “พาหะนำโรค” เหล่านี้
เบื้องต้นสรุปได้ว่าไวรัสติดต่อจากค้างคาว ค้างคาวกัดสุนัขป่า สุนัขป่าป่วย และกัดสัตว์อื่น ๆ นี่คือวัฎจักรที่เลวร้ายของไวรัสที่หมุนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และจื่ออันพบว่า เมื่อค้างคาวกัดสุนัขป่า และกัดสัตว์อื่น ๆ แต่สุนัขป่าไปกัดสัตว์อื่นเข้า พวกสัตว์ตัวอื่นเหล่านั้นจะป่วยเข้า แต่สุนัขป่าไม่มีอาการป่วย ดังนั้นในบรรดาซากสัตว์ทั่วทั้งภูเขาจึงไม่พบสุนัขป่าสักศพ
แม้แต่ค้างคาวก็ยังตาย แต่สุนัขป่าไม่ตาย
จื่ออันและเซียวท่าจึงเริ่มติดตามสุนัขป่า และพบว่าหลังจากที่สุนัขป่ากัดสัตว์อื่นแล้ว พวกมันก็จะกินพืชที่ลักษณะเหมือนใบเลื่อยที่จื่ออันไม่เคยเห็นมาก่อน
ทั้งต้นมีสีเขียวเข้มมรกตขนาดประมาณฝ่ามือ ต้นสามารถโตได้สูงเท่าตัวคน ลำต้นหนาประมาณนิ้วหัวแม่มือ เมื่อลองตัดดูแล้ว จะมียางน้ำสีแดงไหลออกมาเหมือนเลือดสด ๆ
จื่ออันมีความรู้มากมายเกี่ยวกับสมุนไพรก็จริง แต่นางกลับไม่รู้ว่าพืชชนิดนี้คืออะไร
นางลองป้อนพืชชนิดนี้ให้หนูไม้ไผ่กิน แต่หนูไม้ไผ่กลับตายหลังจากกินมันได้ไม่นาน
พืชชนิดนี้มีพิษ
แต่ทำไมสุนัขป่าถึงมีภูมิคุ้มกันต่อพิษของพืชชนิดนี้ได้?
จื่ออันและเซียวท่าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องติดตามสุนัขป่าอีกครั้ง และพบว่าก่อนที่จะกินพืชชนิดนี้ พวกมันดื่มน้ำแร่เล็กน้อยที่ไหลออกมาจากตาน้ำแร่ จากภูเขาด้านหลัง เป็นไปได้ไหมว่าสูตรลับจะอยู่ในน้ำแร่นี้?
เพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานนี้ จื่ออันจึงจับกระต่ายอีกตัวที่มีไวรัสโรคผีดิบ และป้อนมันด้วยน้ำแร่ จากนั้นให้ยาสมุนไพร หลังจากกินมันประมาณหนึ่งชั่วโมง กระต่ายก็เริ่มสงบลง และไม่อยากกัดคนอีกต่อไป แม้ว่าตายังเป็นสีแดงอยู่ แต่เดิมตาของกระต่ายเป็นสีแดงอยู่แล้ว
แน่นอนว่าการทดสอบกับกระต่ายป่าอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เซียวท่าลงทุนเป็นที่ดักจับสัตว์เอง ในคืนเดียวจับแมวป่า และหมาป่าได้มากกว่าหนึ่งโหล ซึ่งทั้งหมดต่างติดเชื้อไวรัสนี้
แมวป่าหลายสิบตัว และหมาป่าตัวนี้ได้รับยาแบบเดียวกับที่กระต่ายป่าเคยได้รับการรักษามาก่อน และทุกตัวต่างก็มีอาการดีขึ้น
นั้นหมายความว่าน้ำแร่เหล่านี้ และพืชที่ไม่รู้จักนี้เป็นยารักษาโรคผีดิบ
เพื่อที่จะนำกลับไปโดยสะดวกนั้น จื่ออันจึงเริ่มทำยา
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เซียวท่าพบว่ามีคนเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหว แต่พวกเขาแค่ดู และไม่ได้ก่อเรื่องใดขึ้น ดังนั้นเซียวท่าจึงไม่สนใจพวกเขา
จื่ออันรู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร พวกเขาทั้งหมดถูกส่งมาโดยกุ้ยไท่เฟย และเมื่อออกจากเมืองหลวงแล้ว จึงไม่มีทางที่จะกำจัดพวกเขาไปได้
ทั้งจื่ออันและเซียวท่า ต่างรู้ว่าตอนนี้ที่พวกเขาไม่ได้โจมตี พวกเขาแค่รอคำสั่งอยู่เท่านั้น
ดังนั้นทั้งคู่จึงระมัดระวังอย่างมาก และจื่ออันถึงกับเตรียมลูกธนูอายยาพิษเพื่อจัดการกับพวกเขา
การทำยาต้องการแป้ง เซียวท่าไปที่ห้องครัวเพื่อขโมยแป้งออกมา แต่กลับถูกเจอตัว การทำเช่นนี้อันตรายมาก ผู้คุมปล่อยคนบ้าจำนวนมากไล่ตามพวกเขา ถ้าไม่ใช่จื่ออันที่สามารถคิดหาวิธีการดี ๆ ใช้แหวนแห่งจิตวิญญาณล้มต้นไม้ใหญ่ใส่พวกเขา เพื่อไล่พวกเขาให้ถอยออกไป เกรงพวกเขาอาจถูกคนบ้าไล่ล่าต่อไปอีก