ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 567
มู่หรงเจี๋ยรู้ว่าที่หวงไท่โฮ่วตรัสออกมานั้นล้วนแต่เป็นเรื่องจริง ทว่าเขาไม่มีทางที่จะแต่งงานในตอนนี้
“เสด็จแม่ไม่จำเป็นต้องตรัสแล้ว หากว่าบรรพชนต้องการจะบีบบังคับ ข้าก็จะไปจากเมืองหลวงเสีย ทิ้งความวุ่นวายเอาไว้ ให้นางผู้ชรากลับมาจัดการเอง” เมื่อเอ่ยออกมาจบแล้ว ก็เดินจากไป
หวงไท่โฮ่วยิ้มขมขื่นออกมา “เจ้าเด็กคนนี้ ดื้อรั้นยิ่งนัก!”
ซุนกงกงเอ่ยออกมาด้วยความเป็นกังวล “ไม่รู้ว่าทำไมบรรพชนท่านถึงได้มีพระราชเสาวนีย์เช่นนี้? ต้องการจะแต่งกับคนเช่นไร ก็ไม่ทรงตรัสออกมาให้กระจ่าง ช่างทำให้คนเป็นกังวลเสียจริง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ? นางเองก็ไม่ได้ใส่ใจต่อราชสำนักมานานหลายปีแล้ว เกรงว่านางคงจะใช้ชีวิตสุขสบายจนเกินไป ก็เลยคิดจะกลับมาหาอะไรทำ ทั้ง ๆ ที่นางเองก็รู้จักนิสัยของอาเจี๋ยดี แล้วจะไปบีบบังคับเขาได้อย่างไร? จริง ๆ เลย” หวงไท่โฮ่วทรงบ่นออกมา
เกาะเล็กนอกเมืองเปี๋ยเหลียง
จื่ออันคิดหาวิธีหลบหนีอยู่ทุกวัน นางติดอยู่ที่นี่เกือบจะสิบวันแล้ว บนเกาะนั้นมีน้ำจืดให้อาบ แต่ก็ไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ เสื้อผ้าบนกายนาง ไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นเวลาสิบวันแล้ว
นางยังได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของตนเอง
เช้าตรู่วันนี้ ป้าอาเฉอและท่านผู้เฒ่าล้วนแต่ไม่อยู่ นางคิดที่จะแอบหลบหนีไป ทว่างูเหลือมของท่านผู้เฒ่านั้นติดตามนางอยู่ตลอด นางเดินออกไปก้าวหนึ่ง งูเหลือมก็ตามมาก้าวหนึ่ง นางคิดจะกระโดดลงน้ำ งูเหลือมก็กระโจนเข้าหานางจนล้มลง ไม่ยอมให้นางจากไป
จื่ออันยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ “ก็ได้ ข้าไม่หนีแล้ว!”
งูเหลือมนั้นเหมือนจะเข้าใจคำพูดของนาง จึงค่อย ๆ เคลื่อนตัวถอยห่างออกไป ทว่าก็ยังคงขดตัวอยู่ด้านหลังของนางเหมือนราวกับภูเขา
จื่ออันนั่งลงบนหาดทราย เชิดคางขึ้นมองไปยังสัตว์ประหลาดตัวใหญ่นี้ “เจ้าว่าเจ้าเป็นงูอยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้มาคอยเชื่อฟังมนุษย์กัน?”
งูเหลือมมองยังนางโดยที่ไม่ขยับเขยื้อนใด และก็ไม่รู้ว่ามองนางอยู่หรือไม่ อย่างไรแล้วคือไม่มีการตอบสนองกลับ
“เจ้านายของเจ้าไปที่ใด? พวกนางเป็นใครกัน? ที่นี่ดูไม่เหมือนจะเป็นที่ที่พวกนางใช้ชีวิตกันอยู่” หลายวันมานี้จื่ออันวิ่งไปทั่วเกาะนี้แล้ว และแน่นอนว่ามีงูคอยติดตามนางไป
ที่นี่ไม่มีอะไรมาก งูพิษเยอะ ตอนต้นนางยังคงหวาดกลัวอยู่ แต่ก็ค่อย ๆ รู้สึกขึ้นได้ว่าไม่มีอะไรให้ต้องกลัว
จื่ออันถามออกมาเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่หวังให้งูเหลือมตอบกลับนาง ท่ามกลางความเบื่อหน่าย นางจึงได้แก้เชือกบ่วงบาศออกมา เชือกบ่วงบาศนี้ช่างดูน่าเกลียดเสียจริง ตัวเชือกเป็นสีเหลืองอ่อน ไม่เป็นสีของโคลน ไม่ใช่สีของอุจจาระมาอธิบายคงจะเหมาะสมยิ่งกว่า มีหลายแห่งที่ถูกมีดบาดเอาไว้เป็นรอยแผล แต่ไม่ขาดลง เมื่อมองดูสกปรกยิ่งนัก ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะอยู่ด้านบน
เชือกที่ดูน่าเกลียดเช่นนี้ เอามาแลกกับแหวนแห่งจิตวิญญาณของนางไป หญิงชราทั้งสองคนนี้เคยเป็นโจรมาก่อนอย่างนั้นหรือ?
โจรหญิงทั้งสองจนเย็นไปแล้วถึงได้กลับมา หลังจากที่กลับมาแล้ว ก็โยนกล่อง ๆ หนึ่งให้กับนาง ป้าอาเฉอเอ่ยกับนางว่า “สามวันหลังจากนี้ ให้เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าบนกายทิ้งเสีย”
จื่ออันเปิดออกมาดู ก็พบว่ามันเป็นชุดแต่งงานสีทองอร่าม ทำให้ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้น
แต่ว่านี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ…
“ชุดแต่งงาน? ทำไมข้าถึงต้องสวมชุดแต่งงาน?” จื่ออันเอ่ยถาม
“ท่านผู้เฒ่า…นายท่านของข้าต้องตาเจ้าเข้า ต้องการจะให้เจ้าแต่งงานกับหลานชายโง่ ๆ ของนาง” ป้าอาเฉอเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
ในใจของจื่ออันราวกับว่าทุ่งหญ้าที่มีม้าอยู่นับพันตัววิ่งกระโจนผ่าน ความโกรธพลุ่งพล่าน แต่ก็ไม่อาจเผยออกมาได้ “ขอบพระคุณที่ผู้อาวุโสต้องตาข้าเข้า ข้ายินดีที่ได้รับความรัก แต่ว่าข้ายังไม่คิดที่จะแต่งงาน และก็คิดว่าตนเองคงจะไม่คู่ควรกับพวกท่าน…ข้าโง่เกินไป ขอให้ท่านเลือกสตรีที่มีคุณธรรมอื่นเถิด!”
ป้าอาเฉอเหลือบมองยังนาง “แน่นอนว่าเจ้าย่อมไม่คู่ควร นายท่ายของข้าประเมินเจ้าสูงเกินไป มอบวาสนานี้ให้กับเจ้าแล้ว เจ้าก็ขอบคุณเสียเถิด!”
จื่ออันพยักหน้าออกมา “ข้าขอบพระคุณ ขอบพระคุณ แต่ทว่าจริง ๆ แล้วข้ามีสัญญาหมั้นหมายอยู่แล้ว”
“นั่นมันเรื่องของเจ้า” เมื่อป้าอาเฉอเอ่ยจบ ก็หมุนกายแล้วจากไป