ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 579
ทุกคนต่างก็รอคอยว่าไท่หวงไท่โฮ่วจะทรงตรัสอะไรออกมา ทว่ากลับเห็นชัดว่าไท่หวงไท่โฮ่วไม่มีอะไรที่จะให้ตรัสออกมา เพียงแต่เรียกมู่หรงเจี๋ยให้เข้าไปหา
“เจ้าเจ็ด วันนี้จะอภิเษกแล้ว ช่างเป็นเรื่องมงคลยิ่งนัก!” นางเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย
มู่หรงเจี๋ยยิ้มออกมา “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ บรรพชน วันนี้ช่างเป็นวันมงคลจริง ๆ แต่ว่าไม่รู้ว่าเจ้าสาวที่บรรพชนเป็นผู้ประทานให้นั้น หายไปที่ใดเสียแล้ว?”
ไท่หวงไท่โฮ่วมองไปยังดวงตาหยิ่งยโสคู่นั้น นางจึงกวักมือเรียก แล้วกระซิบเสียงเบาข้างหูของเขาประโยคหนึ่ง
ท่าทีของมู่หรงเจี๋ยเปลี่ยนไปในทันที เริ่มจากสงสัย จากนั้นก็กลายเป็นตื่นตกใจ ภายหลังเปลี่ยนเป็นกรุ่นโกรธ “สมควรตาย!”
เขาส่งเสียงคำรามออกมา “เซียวเซียว เซียวท่า ซูชิง ไปกับข้า”
ทั้งสามคนพากันมองหน้ากันอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าเขาจากไปอย่างรีบร้อน ก็พากับรีบตามออกไป
ทุกคนพากันสงสัยขึ้นมา ป้าอาเฉอกลับเอ่ยออกมา “แขกทุกท่าน เชิญนั่งดื่มเหล้ากันก่อนเถิด ท่านอ๋องออกไปตามหาเจ้าสาวของเขา พิธีกราบไหว้ฟ้าดินจะช้าลงสักเล็กน้อย แต่จะไม่ส่งผลต่องานเลี้ยงอภิเษกในคืนนี้อย่างแน่นอน”
หวงไท่โฮ่วนั่งลง ก่อนจะทรงถามออกมาเสียงเบา “บรรพชน นี่มันเกิดอะไรขึ้นเพคะ?”
ไท่หวงไท่โฮ่วทรงตรัสออกมาช้า ๆ “ลูกไม้ตื่น ๆ”
หวงไท่โฮ่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาอีก เพียงนั่งอยู่ข้างกายนางอย่างเงียบ ๆ
มู่หรงเจี๋ยรีบพุ่งไปยังคอกม้า ก่อนจะดึงม้าออกมาแล้วควบออกไป เซียวเซียวและคนอื่นไล่ตามออกไปสอบถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
มู่หรงเจี๋ยกัดฟันแล้วเอ่ยออกมา “เจ้าสาวก็คือเซี่ยจื่ออัน”
“อะไรนะ? แล้วเจ้าสาวเล่า?” เซียวท่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“ข้าให้คนจับตัวไปแล้ว คิดที่จะสั่งสอนนางสักเล็กน้อย” สีหน้าของมู่หรงเจี๋ยเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ เดิมนั้นเขาคิดที่จะประกาศสงครามกับไท่หวงไท่โฮ่ว ใครจะไปคิดกันว่าเจ้าสาวนั้นก็คือเซี่ยจื่ออัน?
คราวนี้แย่แล้ว
“เช่นนั้นแล้ว ท่านให้คนจับตัวไปที่ใดกัน?” เซียวท่าถามออกมาด้วยความตกใจ
มู่หรงเจี๋ยพลิกกายขึ้นไปบนม้า เมื่อคิดถึงใบหน้ากรุ่นโกรธของเซี่ยจื่ออันขึ้นมาแล้ว ในใจก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา “ยังจำกับดักล่าสัตว์ที่พวกเราเคยติดตั้งกันเอาไว้ที่กระท่อมนอกเมืองได้หรือไม่?”
“ท่านโยนนางเข้าไปในนั้นหรือ?” เซียวท่าคำรามดังออกมา “ท่านกล้าทำกับจื่ออันของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“จื่ออันของเจ้า? เป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน?” ซูชิงเลิกคิ้วขึ้นมา
“ไม่ใช่ ไม่ได้โยนเข้าไป” มู่หรงเจี๋ยปาดเหงื่อแล้วเอ่ยออกมา
“เช่นนั้นก็ดี” เซียวท่าถึงได้วางใจลง
“เพียงแต่โยนลงไปในหล่มโคลนที่อยู่ด้านข้างของกับดักล่าสัตว์”
“นายท่านมู่หรง แย่แล้ว หล่มโคลนนั้นเต็มไปด้วยมูลสัตว์” เซียวท่าร้องคร่ำครวญออกมา
“รู้แล้ว ข้ารู้แล้ว นี่ไม่ใช่ว่ากำลังรีบไปอยู่หรอกหรือ?” มู่หรงเจี๋ยเหวี่ยงแส้ออกไปอย่างสุดแรง พุ่งทะยานออกไปทางนอกเมือง
ทั้งสามคนรีบร้อนติดตามกันไป โดยเฉพาะซูชิงที่ไล่ตามมายังด้านข้างของเซียวท่า “จื่ออันของเจ้า?”
เซียวท่าฟาดแส้ออกไป “เป็นผู้ใหญ่หน่อยได้ไหมเจ้า!”
“ใครไม่เป็นผู้ใหญ่กัน?” ซูชิงเอ่ยออกมาอย่างหดหู่
คุณหนูใหญ่จวนมหาเสนาบดีผู้น่าสงสาร ตอนนี้นางถูกโยนลงไปในหล่มโคลนเสียแล้ว นางถูกโคลนเหล่านั้นในหล่มทำให้ตื่นขึ้นมา
รอบทิศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นที่โชยเข้าจมูก จนทำให้นางอาเจียนออกมาเสียหลายครั้ง
แม้แต่ก้างปลาย่างที่ติดคอตอนที่กินเข้าเมื่อวานนั้น ก็ยังอาเจียนออกมา
และยังไม่นับชายชุดดำที่อยู่บนต้นไม้ ที่คอยใช้กิ่งไม้แหย่ลงบนหัวของนาง จนทำให้มงกุฎหงส์บนศีรษะนางหลุดลงไป นางอาเจียนออกมาเสียจนทั่วทั้งกายหมดแรงไป ปีนออกมาก็ไม่ได้ จนนางอยากจะร้องไห้คร่ำครวญออกมา
หญิงชราสองคนนั่น ช่างใจดำอำมหิตเสียจริง