ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 590
ทว่าจื่ออันก็ยังคงไม่เข้าใจความหมายเมื่อครู่นี้ของนางอยู่ดี นางบอกว่าสาเหตุที่นางลงมือช่วยเหลือตนเองนั้น เป็นเพราะล้วนแต่มองเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา รู้ที่มาของนาง รู้ทุกสิ่งอย่างที่นางทำ เช่นนั้นแล้ว ที่ช่วยเหลือนางเพราะว่าเหตุใดกัน? เหตุผลที่ช่วยเหลือนางเป็นเพราะว่าอะไรกัน? หรือเป็นเพราะว่ารู้ทุกอย่าง ก็เลยลงมือช่วยเหลือนาง?
จื่ออันต้องการที่จะเอ่ยถามออกมา แต่เมื่อเห็นว่านางค่อย ๆ หลับตาลง ในตอนที่อยู่บนเกาะโดดเดี่ยวนั้น หากนางเพียงแค่หลับตาลง ก็หมายความว่าต้องการจะไล่นางออกไป
และก็แน่นอนว่า ไท่หวงไท่โฮ่วตรัสออกมาอย่างเรียบเฉย “เจ้าออกไปก่อนเถิด”
จื่ออันคิดจะเอ่ยถามนางในภายหลัง เพราะอย่างไรนางก็กลับมาแล้ว ก็คงจะไม่รีบร้อนจากไป
ทว่าบ่ายในวันนั้น ก็มีคนมาแจ้งกับมู่หรงเจี๋ยว่า ไท่หวงไท่โฮ่วและป้าอาเฉอจากไปแล้ว
จื่ออันรู้สึกผิดหวังขึ้นมา แต่กลับเป็นมู่หรงเจี๋ยที่ไม่ใส่ใจนักเอ่ยออกมา “บรรพชนไปมาไร้ร่องรอย อีกทั้งนางยังเหนื่อยหน่ายกับเรื่องราวภายในเมืองหลวง ข้ารู้ตั้งแต่เนิ่นแล้วว่านางกลับมาก็คงพักอยู่ไม่นาน”
ความสงสัยของจื่ออันในเรื่องเหล่านั้น ยังไม่ทันได้รับคำตอบ และแน่นอนว่าในใจจะต้องเกิดความรู้สึกไม่มีความสุขนัก แต่ว่ามันเป็นวันแรกของการแต่งงาน จึงไม่ได้เผยออกมา ทำได้เพียงแค่ยิ้ม “ภายหลังหากว่ามีโอกาส พวกเราค่อยไปหานางที่ภูเขาเยือกเย็นก็แล้วกัน”
“ไปยังภูเขาเยือกเย็นก็ไม่แน่ว่าจะได้พบนาง เมื่อใดที่นางต้องการจะพบถึงจะได้พบ หากไม่ต้องการที่จะพบ ไปก็เปล่าประโยชน์อันใด”
จื่ออันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “นางช่างดูมีเอกลักษณ์ยิ่งนัก”
ทั้งสองคนนั่งลงสนทนากันภายในสวน เพลิดเพลินกับความเงียบสงบที่หาได้ยากยิ่ง
หนี่หรงเดินเข้ามาพร้อมเอ่ย “ท่านอ๋อง พระชายา พระสนมซุนเอ่ยว่าจะเข้ามาถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย “ไม่พบ”
หนี่หรงอ่ยตอบกลับมา “พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นข้าจะกลับไปเรียนกับพระสนมซุนก่อน”
ก่อนหน้านั้นจื่ออันก็เคยได้ยินมาก่อนว่าพระสนมซุนผู้นี้เป็นจำพวกคนทรยศพวกนั้น จึงได้เอ่ยถามออกมา “พระสนมซุนผู้นี้ตั้งแต่ที่เข้าจวนมา เคยทำอะไรมาบ้างอย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมา “ไม่มีอะไร นอกเสียจากรายงานชีวิตประจำวันของข้าให้กับทางนั้นได้รับรู้”
“ในเมื่อท่านรู้อยู่แล้วว่านางเป็นจำพวกที่คอยสอดแนม ทำไมถึงได้ยังเก็บนางเอาไว้อีก?”
“จวนอ๋องไม่ได้ขาดแคลนข้าวสาร ทำไมถึงต้องไล่นางออกไปกันเล่า? ข้าทำเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
ก่อนหน้านั้นจื่ออันเหมือนว่าจะได้ยินเขามีแผนการอีกอย่างอยู่ ช่างมันเถิด บางทีภายหน้าอาจจะมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์
วิธีการของพระสนมซุนนั้นไม่ได้สูงส่งมากนัก เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
ในตอนที่จะใกล้ค่ำนั้น จื่ออันจึงเอ่ยออกมากับมู่หรงเจี๋ยว่า “ข้าอยากจะไปยังคุกของกรมอาญาสักรอบหนึ่ง”
มู่หรงเจี๋ยรู้ว่านางคิดจะทำอะไร ตานชิงเสี้ยนจู่ถูกทุบตีอย่างโหดร้าย แล้วนางจะปล่อยเขาไปได้โดยง่ายอย่างไรกัน?
ทว่าเขาก็รู้สึกว่านี่ไม่มีความจำเป็นใด “พี่รองได้แก้แค้นให้กับตานชิงเสี้ยนจู่แล้ว จวนมหาเสนาบดีถูกเขาเผาทำลาย หลังจากเซี่ยหวายจุนเข้าคุกไปแล้ว ก็ถูกเขาทุบตีอย่างโหดร้าย ได้ยินว่าขาถูกตีจนขาหักลง”
“นั่นมันเป็นความแค้นของอ๋องอันกับเขา ข้ากับเขาอย่างไรก็ต้องยุติมันลง” สายตาของจื่ออันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางไม่อาจลืมลงไปได้ว่าเจ้าของร่างเดิมของเซี่ยจื่ออันนั้นตายไปอย่างไร
ฮูหยินผู้เฒ่าตายไปอย่างง่ายดายเกินไปคนหนึ่งแล้ว หากว่ายังปล่อยให้เซี่ยหวายจุนตายไปเสียอย่างนั้นอีก ต่อให้นางจะยินยอม เจ้าของร่างเดิมเซี่ยจื่ออันก็ไม่มีทางที่จะยอม
มู่หรงเจี๋ยเห็นว่านางยืนกรานออกมาเช่นนี้ จึงเอ่ยออกมา “ก็ดี อย่างไรแล้ววันนี้ก็ไม่มีเรื่องอันใด ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง”
จื่ออันเอ่ยออกมา “หากว่าท่านไม่ต้องการจะไปแล้ว ข้าสามารถไปเองได้”
มู่หรงเจี๋ยลุกขึ้นยืน ใบหน้าหล่อเหลามีแววความขี้เล่นพาดผ่าน “ไม่ ไปดูเรื่องสนุกก็ดีเช่นกัน”