ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 593
เขาเงยหน้าขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ “เซี่ยจื่ออัน อย่างไรแล้วข้าก็เป็นบิดาของเจ้า ทำไมเจ้าถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”
จื่ออันเม้นริมฝีปาก “ไม่ผิด ท่านเป็นบิดาของเซี่ยจื่ออัน แต่ไม่ใช่บิดาของข้า หรือท่านจะไม่ประหลาดใจเลยอย่างนั้นหรือ? ที่บุตรสาวของท่านเปลี่ยนแปลงมากมายถึงเพียงนี้ ท่านไม่เคยสงสัยเลยอย่างนั้นหรือ ว่า พวกนางเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่?”
เซี่ยหวายจุนมองยังนางด้วยความประหลาดใจ ทำไมถึงจะไม่เคยสงสัยมาก่อน? ทว่านางไม่เคยออกจากจวนไปที่ใด และก็ไม่มีคนสามารถแทนที่ได้ อีกอย่างหนึ่ง โลกนี้จะมีคนสองคนที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เพราะฉะนั้นความรู้สึกสงสัยของเขาสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มีการไต่ตามอีกต่อไป
จื่ออันเอ่ยออกมาอย่างโหดร้าย “อันที่จริงแล้ว ท่านควรจะรู้สึกผิดต่อจื่ออันถึงจะถูก เพราะว่านางไม่เคยทำร้ายท่าน ยังจำวันนั้นในเดือนห้าได้หรือไม่ ฮูหยินหลิงหลงและองค์รัชทายาทบีบบังคับจื่ออันภายในเรือน อีกทั้งยังทุบตีนางอย่างโหดร้ายได้หรือไม่? วันนั้นนางได้ตายไปแล้ว ข้าเป็นวิญญาณที่เข้ามาอยู่ในร่างของนาง ข้ามาหาท่านเพื่อแก้แค้นท่านแทนนาง ท่านมหาเสนาบดี วันนั้นท่านหลบอยู่ที่ไกล ๆ มองเห็นสายเลือดเพียงคนเดียวของท่านถูกทุบตีจนตายในมือของฮูหยินที่รักของท่าน”
ริมฝีปากของเซี่ยหวายจุนสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม “เจ้าพูดจาไร้สาระ เจ้าคิดจะใช้เรื่องไร้สาระนี้มาทำให้ข้าสับสน”
“ท่านจะเชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ดี นี่เป็นเรื่องจริง” จื่ออันเอ่ยออกมาเสียงเรียบเฉย “เจ้าโกรธเกลียดบุตรสาวแท้ ๆ ของเจ้าเอง แต่จริง ๆ แล้ว นางควรที่จะเป็นคนที่ควรจะโกรธเกลียดท่านมากที่สุด”
นางดึงปิ่นปักผมบนหัวออกมา เรียบง่าย ทว่ากลับดูน่าเกลียดยิ่งนัก
“นี่เป็นปิ่นปักผมที่ท่านมอบให้กับบุตรสาวท่านในปีที่มีอายุเจ็ดขวบ ยังจำได้หรือไม่?”
เซี่ยหวายจุนมองไปยังปิ่นปักผมในมือของนาง เขาจำไม่ได้แล้ว กระทั่งยังจำไม่ได้ว่าตนเองเคยมอบของขวัญให้นางบ้างหรือไม่
เดิมทีจื่ออันนั้นไม่รู้เรื่องนี้ ก่อนที่นางจะมานั้น นางไปหาตานชิงเสี้ยนจู่มาก่อน จึงสอบถามจากนางว่าเซี่ยหวายจุนเคยมอบอะไรให้จื่ออันบ้างหรือไม่
ตานชิงเสี้ยนจู่ก็หยิบปิ่นนี้ขึ้นมา พร้อมกับเล่าเรื่องราวนี้ให้กับนาง เรื่องนี้ทำให้จื่ออันได้ยินเข้าก็รู้สึกเสียใจและเจ็บปวดขึ้นมา
“อย่านำของไร้สาระนี้มาสร้างเรื่องวุ่นวาย วันนี้เจ้ามาดูเรื่องตลก เรื่องตลกนี้ก็ดูจนเพียงพอแล้ว ก็รีบไสหัวไปเสีย!” เซี่ยหวายจุนเอ่ยออกมาอย่างกรุ่นโกรธ
“จำไม่ได้แล้วหรือ? ดี ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง ในวันเกิดอายุเจ็ดขวบของนางนั้น มีแขกสำคัญมายังจวนพอดี พวกท่านกำลังพูดคุยกันอยู่ภายในห้องโถง ในตอนนั้น แขกท่านนั้นบอกว่าต้องการจะพบกับหยวนฉุ่ยยวี่ ท่านบอกผลักออกไปว่านางไม่ค่อยสบาย จึงไม่ได้ให้นางออกมา ภายหลัง แขกท่านนั้นบอกว่าต้องการจะพบกับบุตรสาวของหยวนฉุ่ยยวี่ ท่านไม่อาจบอกผลัดได้ จึงได้ให้คนไปเรียกนางออกมา ในตอนนั้นนางดีใจเป็นอย่างมาก คิดว่าท่านจำวันเกิดของนางได้ ก็เลยออกมาด้วยความเบิกบานใจ และบอกกับแขกออกไปด้วยความยินดีว่าวันนี้เป็นวันเกิดของนาง ในตอนนั้นท่านแอบให้ชุยยู่ดึงปิ่นปักผมออกมาจากหัวของเด็กรับใช้อย่างลับ ๆ บอกว่ามอบให้นางเป็นของขวัญวันเกิด ในตอนนั้น นางที่มีอายุเพียงแค่เจ็ดขวบ เป็นครั้งแรกที่ได้รับของขวัญจากท่านตั้งแต่จำความได้ นางดีใจจนร้องไห้ออกมา ร้องไห้ออกมาต่อหน้าของแขกท่าน”
ในหัวของเซี่ยหวายจุนมีใบหน้าหนึ่งแวบผ่านมา ใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเย็น ทั้งหัวเราะและร้องไห้ออกมาเหมือนคนโง่งม
แต่ว่าเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น เขาจำเรื่องราวในครั้งนั้นไม่ได้แล้ว
จื่ออันยิ้มเย็นเอ่ยออกมา “หากว่าท่านจำไม่ได้ บางที หากว่าข้าพูดชื่อของแขกผู้นั้นออกไป ท่านอาจจะจำได้ก็เป็นได้ เขาเคยมาจวนมหาเสนาบดีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขาก็คือท่านอ๋องใหญ่ของแคว้นต้าเหลียง ซ่งอันหราน”
ทันใดนั้นเซี่ยหวายจุนก็จำได้ขึ้นมา มีเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริง ในตอนนั้น นางมองมายังเขาด้วยความกระตือรือร้น อย่างต้องการขอของขวัญ ทว่าเขาไม่ได้เตรียมของขวัญใดเอาไว้ เขาไม่ได้จดจำวันเกิดของนางเลยแม้แต่น้อย
เพื่อที่จะไล่นางออกไป จึงแอบเรียกป้าชุ่ยยู่ให้ไปนำปิ่นเงินมา แล้วใส่กล่องเอาไว้ ผู้อื่นมองไม่เห็นว่ามันคืออะไร แต่เด็กคนนี้กลับนำมันออกมาต่อหน้าต่อตาของท่านอ๋องซ่ง ทำให้เขาอับอายขายขี้หน้าขึ้นมา
“จำได้แล้วกระมัง? ท่านจำได้แล้วกระมัง?” จื่ออันมองไปยังท่าทีของเขา แล้วถามมาต่ออีกสองประโยค
เซี่ยหวายจุนจ้องมองยังนางด้วยความดุร้าย “ตกลงแล้วเจ้าคิดจะทำอะไร? ตกลงแล้วเจ้าต้องการจะเอ่ยอะไรออกมา?”
เขาตอนนี้เริ่มที่จะเชื่อแล้ว สิ่งที่นางเอ่ยออกมาเมื่อครู่นี้ หากว่านางคือเซี่ยจื่ออันจริง คงจะเรียกชื่อหยวนฉุ่ยยวี่ออกมาตรง ๆ นางเคารพหยวนฉุ่ยยวี่เป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่จะนำมาล้อเล่น
จื่ออันยิ้มเศร้าสร้อยออกมา “ข้าอยากจะเอ่ยอะไร เจ้าฟังไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือ? ข้าต้องการจะเอ่ยนั้นคือ ท่านเป็นคนผลักบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านจนถึงทางตันด้วยมือของตนเอง นางที่รักและเคารพท่าน ถึงแม้ว่าท่านจะมอบปิ่นปักผมหยาบกระด้างให้กับนาง นางก็ยังมองเป็นของล้ำค่า ส่วนท่านเพื่อองค์รัชทายาทผู้สูงส่ง จ้องมองนางถูกคนทุบตีจนตายไปอย่างเงียบ ๆ นางที่ไม่แม้แต่จะคิดร้ายกับท่าน วันหน้าหากพบกันในปรโลก มาดูกันว่าท่านจะเผชิญหน้ากับนางอย่างไร”