ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 600
บรรยากาศที่ดูเคร่งขรึม ทำให้งานเลี้ยงไม่อาจที่จะดำเนินไปต่อได้ ทุกคนต่างก็มึนเมากันเล็กน้อย มู่หรงเจี๋ยจึงเอ่ยออกมา “แยกย้ายกันเถิด!”
จ้วงจ้วงออกที่นั่งเป็นคนแรก ก็เดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมา
ทุกคนพากันมองไปยังเซียวเซียว เซียวเซียวเงยหน้าขึ้นมาหันมองไปรอบ ๆ ทุกคน “ในเมื่อจะแยกย้ายแล้ว เช่นนั้นก็แยกย้ายกันเถิด”
ขณะที่เอ่ยจบ เขาเองก็เดินจากไป ก่อนที่จะจากไปนั้น ก็หยิบไหเหล้าไปด้วยไหหนึ่ง
จื่ออันและหูฮวนสี่มองสบตากัน หูฮวนสี่เอ่ยออกมา “ตกลง เช่นนั้นข้าเองก็ไปแล้ว”
นางและจ้วงจ้วงค่อนข้างที่จะสนิทสนมกัน เพราะฉะนั้นนางจึงไปดูแลจ้วงจ้วง
เหล่าไท่จวินเองก็จากไป “ข้าทำให้ทุกคนผิดหวังแล้ว ขออภัยด้วย”
เมื่อนางจากไป แน่นอนว่าพี่น้องตระกูลเฉินเองก็จากไป เฉินหลิวหลิ่วเหลือบมองไปยังเซียวท่า เหมือนราวกับว่ามีเรื่องที่ต้องการเอ่ยออกมา ทว่าเซียวท่าไม่ได้มองยังนาง หันหลังแล้วเดินจากไป ดวงตาของหลิวหลิ่วมืดมนขึ้นมา จึงจากไปพร้อมกับเหล่าไท่จวิน
โหรวเหย๋าเมื่อเห็นว่าทุกคนล้วนแต่จากไปแล้ว จึงได้เอ่ยกับซูชิงออกมาว่า “ท่านส่งข้ากลับไป”
ซูชิงแน่นอนว่าย่อมยินดี “ดี ไปเถิด”
จวนมหาเสนาบดีที่เงียบสงบ ทันใดนั้นก็เหมือนกับว่าเป็นซากปรักหักพังขึ้นมา
จื่ออันเอ่ยออกมากับหยวนฉุ่ยยวี่ “ท่านแม่ ไม่สู้ท่านย้ายออกไป แล้วกลับไปอาศัยที่จวนหยวนกัน”
“ไม่ได้แล้ว” หยวนฉุ่ยยวี่ส่ายศีรษะออกมา “ข้าเป็นบุตรสาวที่ย้ายออกมาจากจวนหยวนแล้ว ข้ากลับไปอาศัยคงจะไม่เหมาะสมนัก พื้นที่ตรงเรือนหลังนั้นเป็นของข้า ข้าทำความสะอาดเสียหน่อย แล้วอาศัยที่นั่นก็ได้แล้ว ส่วนจวนมหาเสนาบดีนั้น……”
นางมองไปรอบ ๆ “ส่งคืนให้ราชสำนัก แล้วให้ราชสำนักเป็นผู้จัดการ”
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมา “ไม่จำเป็นต้องส่งคืนแล้ว รวมเข้าด้วยกัน แล้วมอบให้ท่านแม่ไปเถิด”
“ขอบพระทัย!” หยวนฉุ่ยยวี่ย่อกายคำนับ
จื่ออันจากไปคราวนี้ นำพานตานและแม่นมหยางไปด้วย ส่วนตาวเหล่าต้าและเสี่ยวซุนนั้นให้อยู่ดูแลกุ้ยหยวน และหยวนฉุ่ยยวี่
ตาวเหล่าต้านั้นอยู่ที่นี้เป็นการชั่วคราว ข้างกายของหยวนฉุ่ยยวี่หากไม่มีคนที่มีพลังสักคน จื่ออันเองก็ไม่วางใจ
ตอนที่อยู่บนรถม้านั้น มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมา “อันที่จริงแล้ว มารดาควรที่จะย้ายออกไป นางอาศัยอยู่ที่นี่ หรือว่าจะเป็นเพราะยังคงคิดถึงเซี่ยหวายจุนอยู่อีกหรือไม่?”
จื่ออันรู้ว่าไม่ใช่ ที่นางไม่ไปเพราะว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นที่ที่บุตรสาวของนางถือกำเนิดและเติบโตขึ้นมา นางรู้สึกว่าวิญญาณของบุตรสาวนางคงจะยังอยู่ที่แห่งนั้น เพราะฉะนั้นนางถึงไม่ยอมจากไป ในตอนที่มู่หรงเจี๋ยประทานจวนมหาเสนาบดีให้กับนางนั้น นางยินดีเป็นอย่างมาก เพราะว่านางสามารถเก็บรักษาความทรงจำของนางและบุตรสาวเอาไว้ได้
นางเป็นเพียงแค่มารดาที่โศกเศร้า
ก่อนหน้านี้มีความเคียดแค้นที่คอยสนับสนุนนางอยู่ ทว่าตอนนี้ เซี่ยหวายจุนและฮูหยินผู้เฒ่าล้วนแต่ตายไปแล้ว นางจึงสูญเสียแรงสนับสนุนไป ที่เหลือนั้นก็มีเพียงแต่ความเศร้าเสียใจ
เพราะฉะนั้น ก่อนที่จื่ออันจะจากไป นางจึงเอ่ยออกมาข้างหูของนางว่า “เซี่ยหวายจุนตายไปแล้ว ทว่าเฉินหลิงหลง เซี่ยหว่านเอ๋อ และองค์รัชทายาทยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาถึงจะเป็นคนร้ายตัวจริง”
ทิ้งตาวเหล่าต้าเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะมีอะไรที่คิดไม่ตกขึ้นมา
อันที่จริงแล้วนางหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หยวนฉุ่ยยวี่จะสามารถออกเดินทางไปกับอ๋องอัน ออกจากเมืองหลวงไป ออกจากสถานที่แห่งนี้ไป นางยังคงเยาว์วัย อายุเพียงแค่สามสิบกว่า ไม่ทันถึงสี่สิบดี นางยังคงมีช่วงชีวิตที่สดใสได้ระยะหนึ่ง
หากว่านางสามารถเดินออกจากความเจ็บปวดนี้ได้
“ตามหาเซี่ยหว่านเอ๋อและเฉินหลิงหลงพบแล้วหรือยัง?” จื่ออันเอ่ยถาม
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมา “มีข่าวคราวแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะตามหาจนพบ”
จื่ออันคลอเคลียลงบนไหล่ของเขา คิดถึงเรื่องราวในวันนั้นขึ้นมา ถึงแม้ว่านางจะเห็นด้วยตาของตนเองว่า เจ้าของร่างเดิมของเซี่ยจื่ออันถูกทุบตีอย่างโหดร้ายจนตายไป และในตอนที่นางเดินทางข้ามผ่านเวลามานั้น ร่างกายของนางก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เสียงกรีดร้องที่ดังข้างหูราวกับว่ายังคงไม่สลายไป
ภาพเหตุการณ์ที่รุนแรงและโหดร้ายนั้น ทำให้เจ้าของร่างเดิมของเซี่ยจื่ออันจะมีความหวาดกลัวเพียงใดกัน?
นางตายไปอย่างน่าอนาถเช่นนี้
และเมื่อใดที่นางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ กำปั้นของจื่ออันก็จะกำแน่นขึ้นมา นางไม่อาจปล่อยเฉินหลิงหลงสองแม่ลูก และองค์รัชทายาทไปได้
ขณะที่นางคิด จู่ ๆ มู่หรงเจี๋ยกลับเอ่ยถามออกมา “จื่ออัน คืนนี้เจ้ามีเรื่องสำคัญอะไรหรือไม่?”
จื่ออันส่ายศีรษะ “ไม่มีแล้ว ทำไมหรือ?”
มู่หรงเจี๋ยเผยรอยยิ้มอย่างประหลาดใจออกมา แต่กลับแสร้งทำทีเป็นสงบขึ้นมา “ไม่มีอะไร”