ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 635
หานชิงชิวมองไปยังฉินจือที่วางของหวานลง พลางเอ่ย “ฉินจือ ข้าต้องการชาดอกเก๊กฮวย หากว่ามีน้ำผึ้ง ก็เติมลงไปได้”
ฉินจือเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย “เจ้ารอก่อน ข้าจะไปเดี่ยวนี้”
จื่ออันมองไปยังหานชิงชิวคนนี้ นางเข้าประตูมาก็เหมือนจะมีความรู้สึกที่เหนือกว่า ราวกับว่าสูงส่งกว่าผู้อื่นอยู่ขั้นหนึ่ง กระทั่งมองการรับใช้ของฉินจือ ด้วยท่าทีที่ดูถูกเหยียดหยาม
คนผู้นี้ต่ำตมเช่นนี้หรือ? ช่างทำให้จื่ออันรู้สึกประหลาดใจจริง ๆ เดิมทีถึงแม้เซียวเซียวจะแต่งกับสาวใช้ ก็คิดว่าควรที่จะมีคุณธรรมอยู่บ้าง
ทว่าเมื่อได้ยินมาว่านางมีหุ้นส่วนในโรงเหล้าเดือนค้างฟ้า เห็นได้ว่านาง…
หลังจากที่ฉินจือทำขนมเสร็จแล้ว ก็ออกไปรินน้ำชา
หานชิงชิวมองยังจื่ออัน ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ได้ยินชื่อของพระชายามานานแล้ว แต่ก็ไม่มีวาสนาให้พบเจอกัน ช่างน่าเสียดาย วันนี้โชคดีได้อาศัยวาสนาขององค์หญิงถึงได้พบกันที่นี้ ช่างโชคดียิ่งนัก”
จื่ออันเมื่อได้ยินคำพูดน่ารังเกียจเช่นนี้ แล้วมองไปยังท่าทีที่สงบนิ่งและสง่างามของนาง หากว่าไม่มั่นคงแล้ว ก็คงแทบจะทนรอที่จะตบนางสักคราวไม่ไหวแล้ว
“เมืองหลวงกว้างใหญ่เพียงเท่านี้ ช้าเร็วก็ต้องได้พบกัน” จื่ออันเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย
หานชิงชิวเอ่ยออกมา “จริงด้วย ช้าเร็วก็ต้องได้พบกัน ท่านแม่ทัพของข้ากับท่านอ๋องสนิทสนมกันมาก พวกเราก็คงจะได้ไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ”
หานชิงชิวเอ่ยออกมา ก่อนจะเหลือบมองยังจ้วงจ้วง ในมือของจ้วงจ้วงถือจอกชาเอาไว้ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง
จื่ออันส่งเสียงหัวเราะแปลก ๆ “เรื่องของผู้ชาย ข้าไม่เคยถามไถ่มาก่อน”
อยากจะเข้าใกล้นาง? ไม่มีความจำเป็นนั้น
หานชิงชิวรู้สึกอึดอัดขึ้นมา นางคิดที่จะเข้าใกล้จื่ออันจริง เพราะรู้ว่าเซียวเซียวมักจะไปยังจวนท่านอ๋องอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งเซียวเซียวยังชื่นชมเซี่ยจื่ออันเป็นอย่างมาก นางคิดว่า หากว่านางเป็นเพื่อนกับเซี่ยจื่ออันได้แล้ว บางทีเซียวเซียวอาจจะมองเห็นนางมากขึ้น
ทว่าไม่คิดเลยว่า เซี่ยจื่ออันไม่คิดที่จะไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้ไม่มีทางยอมได้
ฉินจือยกชาเข้ามา ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอย่างแรง “ชาดอกเก๊กฮวย ไม่มีน้ำผึ้ง องค์หญิงไม่ชอบน้ำผึ้ง เพราะฉะนั้นในจวนจึงไม่มีอยู่ ฮูหยินดื่มเสียเถิด”
หานชิงชิวมองยังฉินจือ เอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย “ฉินจือ หลายปีมานี้เองไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยังคงพูดจาแข็งกร้าว มีเพียงแค่องค์หญิงเท่านั้นที่ทนอารมณ์เจ้าได้ หากว่าเปลี่ยนคนอื่นแล้ว เกรงว่าคงจะไล่ออกไปเสียนานแล้ว”
ฉินจือกรุ่นโกรธเสียจนใบหน้าเขียวคล้ำ “เจ้า…”
จ้วงจ้วงเงยหน้าขึ้นมา มองไปยังหานชิงชิว “วันนี้เจ้ามามีเรื่องอันใด?”
หานชิงชิวมองไปยังจ้วงจ้วง ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา “หม่อนฉันคิดว่านานมาแล้วที่ไม่ได้พบกับองค์หญิง ก็เลยตั้งใจที่จะมาเยี่ยมเยียนท่าน”
“ของขวัญเล่า?” จ้วงจ้วงยิ้มออกมาเอ่ยถามอย่างเฉยเมย
หานซือตะลึงไป “ของขวัญ?”
“ใช่ ของขวัญ เจ้าที่เป็นฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ขั้นหนึ่ง หรือว่ามารยาทเพียงแค่นี้ก็ยังไม่รู้หรอกหรือ? ไปเยี่ยมเยียนผู้อื่นที่จวน เจ้าไปมือเปล่าโดยตลอดอย่างนั้นหรือ?” จ้วงจ้วงขึ้นเสียงสูง เอ่ยถามอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่า มีเพียงแค่จวนแม่ทัพใหญ่เท่านั้นที่ยอมรับฮูหยินที่ไม่รู้จักมารยาทเช่นนี้ได้ หากว่าเปลี่ยนเป็นตระกูลใหญ่โตอื่น ก็คงจะถูกไล่ออกไปเสียนานแล้ว”
จ้วงจ้วงปกป้องคนสนิทมาเสมอ หานชิงชิวคิดจะต่อกรกับนางก็ช่างเถิด ต่อให้นางจะมีความกล้าหาญ แต่กลับต้องการจะรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ฉินจือกับนางถือว่าเป็นพี่น้องกัน เมื่อวันนี้มีอำนาจขึ้นมา แม้แต่สถานะของตนก็ไม่ยอมรับซะแล้ว
จื่ออันแอบร้องบอกว่าดี ดูเหมือนว่าจ้วงจ้วงจะมีความแข็งแกร่งจริง
หานซือยิ้มเจื่อน “ต้องขออภัยจริง ๆ เดิมทีก็เตรียมของขวัญเอาไว้แล้ว แต่เมื่อออกมาจากจวน สาวใช้กลับลืมมันเสียได้”
เมื่อเอ่ยจบแล้ว นางก็หันกลับไปดุด่าสาวใช้ “ใช้ไม่ได้เลย สมองเจ้าทำด้วยอะไรกัน? ความจำเพียงแค่นี้ก็ไม่มี เสียมารยาทต่อองค์หญิงเข้าแล้ว? ข้าอุตส่าห์เตือนเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้นำของขวัญมาด้วย องค์หญิงไม่เหมือนอย่างฮูหยินสูงศักดิ์อื่นใด พิถีพิถันเรื่องนี้เป็นที่สุด กลับไปข้าจะต้องสั่งสอนเจ้าแน่”
การดุด่าเช่นนี้ ดูไม่ชาญฉลาดแม้แต่น้อย ทว่ากลับเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจ
จื่ออันประหลาดใจจริง ๆ หานชิงชิวผู้นี้มีความกล้าอะไรถึงได้มากล้าวางอำนาจยังจวนองค์หญิง? หรือนางคิดว่าตอนนี้ตนเองเป็นฮูหยินของแม่ทัพใหญ่แล้ว องค์หญิงก็ยังคงต้องคอยดูสีหน้านางหรือ?
หรือว่าจะมีอย่างอื่นอยู่อีก?